WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1aaaKbank

กสิกรไทย ประกาศยุทธศาสตร์ การเป็นแพลตฟอร์มอันดับหนึ่งตอบโจทย์ทุกด้านของลูกค้า

     กสิกรไทยกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ Customers’ Life Platform of Choice แพลตฟอร์มหนึ่งเดียวที่ลูกค้าเลือกเพื่อตอบโจทย์ทุกด้านของชีวิต เตรียมทุ่มงบไอทีปีละ 4,000-5,000 ล้านบาท ก้าวสู่ยุคดิจิทัลทุกรูปแบบและเป็นอันดับหนึ่งดิจิทัล แบงกิ้งต่อเนื่อง ตั้งเป้าปี 61 เพิ่มฐานลูกค้าเป็น 15.1 ล้านราย K PLUS 10.8 ล้านราย สินเชื่อรวมโต 5-7% สอดรับเศรษฐกิจไทยโต 3.7% และเอ็นพีแอล 3.3-3.4%

      นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ระบบธนาคารพาณิชย์กำลังเผชิญกับความท้าทายและโอกาสในการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ ที่มีผลต่อการกำหนดยุทธศาสตร์ทางธุรกิจหลายด้าน ประกอบด้วย ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ สำหรับประเทศไทยในปี 2561 คาดการณ์ว่า จีดีพีจะขยายตัวที่ 3.7% โดย คาดหวังแรงหนุนสำคัญจากการลงทุนโครงการภาครัฐ มาช่วยชดเชยการส่งออกและการท่องเที่ยวที่อาจเติบโตชะลอลงหลังเร่งขึ้นมากแล้วในปีนี้ ส่วนตัวแปรที่กดดันภาพรวมเศรษฐกิจคือ กำลังซื้อของประชาชน ซึ่งเผชิญแรงถ่วงจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และรายได้เกษตรกรที่มีโอกาสชะลอลง ทั้งนี้ ด้วยภาพรวมการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยที่แม้จะยังประคองการเติบโตไว้ได้ แต่ถ้าเทียบกับประเทศในอาเซียน ก็ยังถือว่าโตต่ำกว่าหลายประเทศ จึงเป็นเหตุผลที่ธุรกิจไทยน่าจะยังคงให้ความสนใจขยายธุรกิจและการลงทุนไปยังประเทศในอาเซียนต่อเนื่อง

      ปัจจัยด้านพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป คนไทยใช้ชีวิตและทำธุรกรรมการเงินบนโลกออนไลน์มากขึ้น โดยพฤติกรรมการใช้ Mobile Banking เพิ่มขึ้น จากสัดส่วนจำนวนบัญชี Mobile Banking ต่อประชากรที่ 0.9% ในปี 2553 เป็น 34.8% ในปี 2559 เช่นเดียวกับผู้ใช้ e-Money, Internet Banking และบัตรอิเล็คทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน ซึ่งสะท้อนว่าธุรกรรมบนออนไลน์ทวีความสำคัญอย่างมาก

      ปัจจัยแนวนโยบายของภาครัฐ ที่สนับสนุนการเกิดสังคมไร้เงินสด สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ 5 ปีของสมาคมธนาคารไทยที่ต้องการผลักดันบริการด้านการเงินดิจิทัล  เพื่อลดต้นทุนการจัดการเงินสดในระบบและประเทศ นำไปสู่การพัฒนาบริการใหม่ อาทิ การขยายบัตรเดบิตชิปการ์ด การขยายร้านค้ารับบัตรด้วยเครื่องอีดีซี บริการพร้อมเพย์ การชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดมาตรฐาน ซึ่งจะส่งผลต่อพฤติกรรมลูกค้าและมีการพัฒนาบริการใหม่ให้เข้าสู่ระบบออนไลน์มากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยการแข่งขันจากผู้ให้บริการรายใหม่และข้ามอุตสาหกรรม ที่ทำให้ธนาคารต้องสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ควบคู่กับการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ผ่านการใช้นวัตกรรมเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองและต่อยอดความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด เร็วที่สุด และปลอดภัยที่สุด

       นายปรีดี กล่าวเพิ่มเติมว่า ทิศทางเศรษฐกิจของไทยและภูมิภาค พฤติกรรมผู้บริโภค แนวนโยบายจากภาครัฐ และบริบทการแข่งขันต่าง ๆ ดังกล่าว เป็นปัจจัยที่ธนาคารกสิกรไทยให้ความสำคัญและประเมินอย่างต่อเนื่อง เพื่อการกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ ให้ธนาคารสามารถปรับตัวตอบสนองต่อการแข่งขันดังกล่าว และยังคงไว้ซึ่งความได้เปรียบในการทำธุรกิจ และคงความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของลูกค้าในระยะยาว

      นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัจจัยความท้าทายต่าง ๆ  นำไปสู่การกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ของธนาคารกสิกรไทย ซึ่งธนาคารยังดำเนินธุรกิจโดยการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centricity) พร้อมกำหนดเป้าหมายให้ธนาคารเป็น Customers’Life Platform of Choice หรือ แพลตฟอร์มหนึ่งเดียวที่ลูกค้าเลือกเพื่อตอบโจทย์ทุกด้านของชีวิต โดยพัฒนาจุดแข็งจากการเป็นอันดับหนึ่งในดิจิทัล แบงกิ้ง และกำหนดกลยุทธ์การให้บริการ 3 ด้าน ได้แก่ (1) ให้บริการมากกว่าความเป็นธนาคาร (Beyond Banking) (2) ลูกค้าไว้วางใจ (Embedded Trust) และ (3) ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมทุกที่ทุกเวลา (Everyone, Everyday, Everyway, Everywhere)

                ทั้งนี้ การเป็น Customers’ Life Platform of Choice เพื่อให้บริการของธนาคารเข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของลูกค้า ต้องวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมและความต้องการจนสามารถคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าได้ล่วงหน้า เพื่อเสนอบริการได้ตรงความต้องการของแต่ละบุคคล โดยเน้นผ่าน  4 แอปพลิเคชันสำคัญ ได้แก่

                เค พลัส (K PLUS) แอปพลิเคชันธนาคารบนมือถือ ที่มีฐานผู้ใช้งานอันดับหนึ่ง คาดว่าในปี 2560 จะมีผู้ใช้งานที่ 8 ล้านราย และในปี 2561 จะเพิ่มผู้ใช้งานเป็น 10.8 ล้านราย

                เค พลัส ช็อป (K PLUS SHOP)แอปพลิเคชันสำหรับร้านค้า เพื่อรับชำระด้วยคิวอาร์โค้ดมาตรฐานแอป แรกของไทย คาดว่าในปี 2560 จะมีร้านค้าใช้งาน 200,000 ร้าน และในปี 2561 จะเพิ่มเป็น 1,000,000 ร้าน

                เค พลัส เอสเอ็มอี (K PLUS SME)แอปพลิเคชันธนาคารบนมือถือเพื่อธุรกิจเอสเอ็มอี คาดว่าในปี 2560 จะมีผู้ใช้งานที่ 420,000 ราย และในปี 2561 จะเพิ่มเป็น 500,000 ราย

                พรวนฝัน (Pruanfun)เมนูตลาดนัดบนมือถือใน K PLUS ที่นำเสนอสินค้าที่น่าสนใจเลือกสรรสำหรับลูกค้า เริ่มใช้งานในปี 2561 คาดว่ามีสินค้าประมาณ 50,000 รายการ

                เทคโนโลยีเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาบริการยุคใหม่ ซึ่งกสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ เคบีทีจี จะเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับธนาคารพัฒนาบริการ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ประทับใจและมีชีวิตที่ดีขึ้น (Customer-Centric Technology for Better Life)โดยใช้งบประมาณพัฒนาด้านไอทีปีละประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาที่สำคัญในปี 2561 ได้แก่

      การพลิกโฉม K PLUS จากโมบายแบงกิ้งสู่การเป็น Lifestyle Platform Banking ที่จะตอบสนองการใช้งานของลูกค้าทุกกลุ่ม ทำให้บริการผ่านแอปพลิเคชันกลุ่ม K PLUS มีมิติบริการที่ครอบคลุมหลากหลาย เช่น เมนูพรวนฝันที่นำเสนอรายการสินค้าเพื่อตอบสนองการใช้งานช้อปปิ้งออนไลน์

     แมชชีน คอมเมิร์ช (Machine Commerce)เป็นการนำเทคโนโลยี Machine Learning มาวิเคราะห์และพัฒนาแนวทางการนำเสนอบริการให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละราย รวมทั้งการให้ข้อมูลการตลาดแบบเจาะจงเป้าหมายผ่านเมนู Mobile Life PLUS บน K PLUS

    เมนูโอนเงินข้ามประเทศผ่าน K PLUS (Low-Value Remittance) ในปี 2561 จะเป็นครั้งแรกที่ลูกค้าธนาคารของไทย สามารถทำรายการโอนเงินไปต่างประเทศด้วยตัวเอง ทางสมาร์ทโฟนผ่าน K PLUS ไปยังผู้รับเงินปลายทางกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ในจีน สหรัฐอเมริกา อังกฤษ สิงคโปร์ ฮ่องกง ออสเตรเลีย และกลุ่มสหภาพยุโรป เป็นการเปิดมิติใหม่ของการโอนเงินรายย่อยไปต่างประเทศ

      การเสนอสินเชื่อด้วยแมชชีน เลนดิ้ง (Machine Lending) เป็นการนำเทคโนโลยี Machine Learning มาวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่ายของลูกค้า เพื่อประเมินความเสี่ยงและคาดการณ์ความต้องการวงเงินสินเชื่อ และนำเสนอให้แก่ลูกค้าก่อนที่ลูกค้าจะขอ ทั้งในกลุ่มลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจ

    การวางหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์บนบล็อกเชน (Enterprise Letter of Guarantee on Blockchain) ที่ธนาคารกสิกรไทยพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งในปี 2561 จะมีการขยายฐานลูกค้าผู้ใช้งานเพิ่มอีก  7-10 บริษัท และคาดว่าจะมีสถาบันการเงินเข้ามาเชื่อมต่อระบบอีก 4-5 แห่ง

     บริการหักบัญชีและชำระดุลระบบสากล (Clearing and Settlement)ผ่านบล็อกเชน ธนาคารกสิกรไทย เป็นหนึ่งในธนาคารหัวหอกจากหลายประเทศทั่วโลกได้ร่วมกับไอบีเอ็มพัฒนาบริการ เพื่อให้ธุรกิจทั่วโลกสามารถทำสัญญาและโอนเงินระหว่างประเทศได้รวดเร็วเกือบเรียลไทม์ ช่วยให้ทราบสถานะธุรกรรมหักบัญชี และสามารถชำระดุลจากการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางได้

     นอกจากนั้น ธนาคารกสิกรไทยมีการสร้างพันธมิตรในระบบนิเวศดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกเหนือจากการตั้งทีมงาน Digital Partnership ภายในธนาคาร และกลุ่มบริษัท KBTG แล้ว  ธนาคารมีบริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด ทำหน้าที่เข้าไปลงทุนในสตาร์ทอัพ เพื่อแสวงหานวัตกรรมที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของธนาคารและนำมาต่อยอดการให้บริการ ด้วยวงเงินลงทุนเริ่มต้น 1,000 ล้านบาท โดยปี 2560 ได้ลงทุนไปแล้ว 250 ล้านบาท เป็นการลงทุนตรงในธุรกิจสตาร์ทอัพ 2 ราย และลงทุนผ่าน VC Fund 2 กองทุน สำหรับปี 2561 บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล ตั้งเป้าวงเงินลงทุนเพิ่มประมาณ 200-300 ล้านบาท เน้นกลุ่มสตาร์ทอัพที่เสริมศักยภาพของผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคาร ซึ่งจะรวมถึงเทคโนโลยี AI และ Blockchain ประมาณ 4 ราย และการลงทุนผ่าน VC Fund จำนวน 1 กองทุน

        นายพิพิธกล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายยุทธศาสตร์การเป็น Customers’ Life Platform of Choice ดังกล่าว ในปี 2561 ลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ใหม่จากบริการของธนาคารกสิกรไทยที่พัฒนาขึ้นเพื่อการเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของลูกค้า โดยมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ

      นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภายใต้ยุทธศาสตร์ใหม่นี้ ธนาคารได้กำหนดแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกันเพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ ได้แก่

      ธุรกิจกลุ่มลูกค้าบุคคล มุ่งมั่นสู่การเป็นธนาคารเพื่อลูกค้าที่นำเสนอโซลูชั่นในระดับบุคคลที่ดีที่สุด (Best Customer-Driven Retail Bank with Personalized Solution)เพื่อรักษาการเป็นธนาคารหลักอันดับ 1 ในลูกค้าบุคคล ตั้งเป้าหมายสินเชื่อลูกค้ารายย่อยขยายตัว 5-7% ฐานลูกค้าเพิ่มเป็น 15.1 ล้านราย และขยายฐานลูกค้า K PLUS อีก 34-35% เป็น 10.8 ล้านราย

      ธุรกิจกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการ มุ่งเน้นเป็นธนาคารเพื่อลูกค้าเอสเอ็มอี (Bank for SMEs Customers) ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบครบวงจร  (Total Solution Provider)ตั้งเป้าหมายสินเชื่อลูกค้าเอสเอ็มอีเติบโต 4-6% รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโต 2-4% ครองส่วนแบ่งทางการตลาดในแง่มูลค่าสินเชื่อที่ 28%

      ธุรกิจกลุ่มลูกค้าบรรษัท มุ่งเป็นธนาคารที่ลูกค้าเชื่อมั่น ตอบโจทย์ความต้องการรอบด้านของลูกค้าธุรกิจ (Trusted Bank for Corporate Customers) โดยตั้งเป้าหมายสินเชื่อธุรกิจลูกค้าบรรษัทเติบโต 6-8% รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโต 2-5% ครองส่วนแบ่งทางการตลาดสินเชื่อที่ 22%

      ด้านธุรกิจข้ามประเทศ ยังคงเดินหน้ายุทธศาสตร์การเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค AEC+3(The Bank of AEC+3) ผ่านกลยุทธ์การขยายธุรกิจสู่ภูมิภาค “Dual Track Regional Digital Expansion”ดำเนินเป็น 2 แทร็คคู่ขนาน คือ การขยายธุรกิจธนาคารทั่วไป (Classical Expansion) ด้วยการขยายเครือข่ายและยกระดับการให้บริการในแต่ละประเทศ หาแนวทางเปิดสาขาในเวียดนามและเมียนมาภายในปี 2561-2562 และการขยายธุรกิจธนาคารดิจิทัล (Digital Expansion) พัฒนาระบบชำระเงินและรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Issuing and Acquiring Business) โดยนำความรู้และประสบการณ์ในประเทศไทยไปใช้ในภูมิภาค ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวสูง โดยในปี 2561 ในกลุ่มประเทศ CLMVI คาดว่าจะมีการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เติบโตกว่า 20%

      การเป็นศูนย์กลางการชำระเงินในภูมิภาค (Regional Settlement Hub)โดยการเปิดให้บริการโอนเงินทุกสกุลเงินท้องถิ่นใน AEC+3 (Exotic Currency Settlement Initiative)เป็นธนาคารแห่งแรกในไทย ลูกค้าที่ทำการค้ากับต่างประเทศในภูมิภาคไม่ต้องแลกเปลี่ยนเงินผ่านหลายสกุล ซึ่งเริ่มให้บริการตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2560 มียอดการโอนเงินกว่า 16,000 ล้านบาท และเตรียมเชื่อมโยงบริการการชำระเงินของเครือข่ายธนาคารในภูมิภาคเข้าด้วยกัน โดยธนาคารกสิกรไทยในไทยเป็นศูนย์กลางรับคำสั่งเพื่อชำระเงินต่อไปยังปลายทางในภูมิภาค

      ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยตั้งเป้าหมายภาพรวมการดำเนินงานในปี 2561 อัตราการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ (Loan Growth) 5-7% อัตราการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (Non-Interest Income Growth)อยู่ในระดับทรงตัว มีอัตราส่วนผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (NIM) 3.2-3.4% และอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL Ratio (Gross))  3.3-3.4%

      นางสาวขัตติยา กล่าวตอนท้ายว่า ความท้าทายจากปัจจัยและความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่นำไปสู่การกำหนดยุทธศาสตร์ การเป็น Customers’ Life Platform of Choice ธนาคารได้มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่เข้ามาพัฒนาบริการ และกำหนดแผนการดำเนินงานของธนาคารทุกด้าน ที่มีเป้าหมายสู่ความเป็นผู้นำด้านดิจิทัลเป็นสำคัญ โดยเชื่อมั่นว่าธนาคารจะสามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุด คือ การเป็นธนาคารที่อยู่เคียงข้างลูกค้าในชีวิตประจำวันทั้งในด้าน   ไลฟ์สไตล์และการทำธุรกิจ และทำให้ธนาคารกสิกรไทยสามารถดำรงความเป็นผู้นำการให้บริการได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไปในระยะยาว

บรรยายภาพข่าว

กสิกรไทยประกาศยุทธศาสตร์ แพล็ตฟอร์มอันดับหนึ่งตอบโจทย์ทุกด้านของลูกค้า

      นายปรีดี ดาวฉาย (ขวา) นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย (กลาง) และนายพิพิธ เอนกนิธิ (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย แถลงข่าวแผนธุรกิจธนาคารกสิกรไทย 2561  ประกาศแผนยุทธศาสตร์ใหม่ Customers’ Life Platform of Choice แพล็ตฟอร์มหนึ่งเดียวที่ลูกค้าเลือกเพื่อตอบโจทย์ทุกด้านของชีวิต วิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมและความต้องการจนสามารถคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าได้ล่วงหน้า เพื่อเสนอบริการได้ตรงความต้องการของแต่ละบุคคล ให้บริการของธนาคารเข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของลูกค้า และเตรียมทุ่มงบไอทีปีละ 4,000-5,000 ล้านบาท ก้าวสู่ยุคดิจิทัลทุกรูปแบบและเป็นอันดับหนึ่ง ดิจิทัล แบงกิ้ง ต่อเนื่อง ตั้งเป้าปี 61 เพิ่มฐานลูกค้าบุคคลเป็น 15.1 ล้านราย ผู้ใช้งาน K PLUS 10.8 ล้านราย สินเชื่อภาพรวมโต 5-7% สอดรับเศรษฐกิจไทยโต 3.7% พร้อมดำรงความเป็นผู้นำบริการ ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไปในระยะยาว ณ ธนาคารกสิกรไทย อาคารพหลโยธิน เมื่อเร็ว ๆ นี้

KBank to be Customers’ Life Platform of Choice

        Recently, at the KBank Phahon Yothin Building, Mr. Predee Daochai (right), Ms. Kattiya Indaravijaya (center) and Mr. Pipit Aneaknithi (left), KASIKORNBANK Presidents, held a press conference on KBank’s business plan for 2018. A “Customers’ Life Platform of Choice” strategy was unveiled with the goal of offering only one platform that responds best to all customers’ life requirements. With the new strategy, an IT budget of THB 4.0-5.0 billion, p.a., has been set up to totally digitalize services, thus to sustainably maintain their digital banking leadership. In doing so, they expect to further enlarge their customer base to 15.1 million customers. K PLUS users should thus reach 10.8 million and annual loan growth to reach 5-7 percent in accordance with expected Thai GDP growth of 3.7 percent.

KBank to be Customers’ Life Platform of Choice

     KBank has a new “Customers’ Life Platform of Choice” strategy with an IT budget of THB4.0-5.0 billion, p.a., to totally digitalize services, thus to maintain their digital banking leadership. Their goal is to offer a single platform that responds best to all customers’ requirements in their lives. In doing so, they expect to further enlarge their customer base to 15.1 million customers. K PLUS users should thus reach 10.8 million and annual loan growth to reach 5.7 percent in accordance with Thailand’s expected GDP at 3.7 percent growth, all while keeping their NPL ratio at only 3.3-3.4 percent.

     KBank President Predee Daochai says that the commercial banking system is encountering many new challenges and business opportunities that will influence KBank’s business strategies. Concerning economic factors, Thailand is expected to experience GDP growth of 3.7 percent in 2018, mainly supported by public infrastructure investments that should offset slowing exports and tourism, despite their high growth this year. However, purchasing power has been impeded by high household debt and farm income that may deteriorate. Although economic growth may be sustained, it may be lower than in many other ASEAN nations, and this situation could compel Thai businesses to expand into those ASEAN member economies.

     Changing consumer behavior is evident in current online lifestyles and financial transactions. People are now using  mobile banking more than ever, as seen from the number of mobile banking accounts to total population, where that ratio was 0.9 percent in 2016, versus 34.8 percent in 2010. Likewise, the number of e-money, internet banking and electronic card users has been on the rise. This indicates that online transactions are now taking on an increasingly important role.

       The government policy to promote a cashless society is in alignment with the five-year strategy of the Thai Bankers’ Association to advance digital services and thus reduce cash management costs nationally. This policy has encouraged the development of many new services. Examples include expanded use of chip-embedded debit cards, more EDC-equipped merchants, the new PromptPay service and standardized QR codes for payments, which will likely change consumer behavior. More online services have been developed, as well. Amid rising competition from new service providers and cross-industry businesses, KBank aims to differentiate themselves from peers by offering impressive service and innovative products that best respond to customer needs, all with swift transactions and trustworthy security.

      Mr.Predee added that KBank places equal importance on both domestic and regional economic directions, consumer behavior, government policies and market competition. These factors are assessed to define new strategies that can enhance business operations and adapt to coming changes while sustainably upholding their superiority and relevance to customers’ lives.

      Mr.Pipit Aneaknithi, KBank President, says that, in response to the many new challenges, KBank has decided to redefine their business directions. Guided by their core Customer Centricity strategy, they now aspire to be their “Customers’ Life Platform of Choice”. Built upon their strengths that have made them Thailand’s number-one digital banking provider, KBank services are based on a three-pronged approach: (1) Beyond Banking; (2) Embedded Trust; and, (3) Everyone, Every day, Every way, Everywhere. To this end, they have set their sights on providing all customers with banking services beyond the norm to gain customer trust and meet the needs of all in their everyday lives, anywhere, anytime.

     With the aim of becoming Customers’ Life Platform of Choice, KBank carefully scrutinizes analyses of customer behavior to shed light on real needs. To make KBank services a more integral part of customers’ daily lives, they are thus focusing on providing services via four key KBank mobile applications:

      K PLUS: KBank mobile banking app (‘K+’) with the most users in the Thai mobile banking market. K PLUS users are expected to reach 8.0 million by the 2017 yearend, and rise to 10.8 million in 2018.

      K PLUS SHOP: KBank mobile banking app for merchants that accommodates payments using QR codes – a first in Thailand.  Around 200,000 merchants will use K PLUS SHOP in 2017 and may reach 1 million in 2018.

      K PLUS SME: KBank mobile banking app for SMEs: K PLUS SME users are expected to reach 420,000 by the 2017 yearend, and may reach 500,000 in 2018.

      Pruanfun: A special menu of the K+ app featuring an online market that sells a wide selection of products. To become available in 2018, this menu is expected to offer around 50,000 product items.

     Technology is vital to the development of services in this era. KBank will thus work closely with KASIKORN BUSINESS-TECHNOLOGY GROUP (KBTG) to develop services focusing on Customer-Centric Technology for a Better Life. Each year, around THB4.0-5.0 billion will be spent on IT development. Key initiatives for 2018 include:

     K PLUS - a Lifestyle Banking Platform: They aim to make ‘K+’ a lifestyle banking platform that satisfies the needs of all customer segments via an extensive suite of services. Of note will be the Pruanfun menu to be added to the K PLUS app to revel online shoppers with a known, secure app.

      Machine Commerce: KBank will employ machine learning technology to analyze and develop services that are in sync with customer behaviors, as well as to updating market data on target groups via Mobile Life PLUS on K PLUS.

      Low-Value Remittances via K PLUS: In 2018, customers will be able to make outward remittances on their own via “K+” to over 40 destination countries worldwide, e.g., the US, UK, Singapore, Hong Kong, Australia and the European Union. This initiative will open a new dimension in retail offshore transfers.

       Machine Lending: This service employs machine learning technology to analyze customers’ spending behavior in order to assess risks and project loan demand. Loans are then proposed to both retail and business customers before they even make requests for them.

     Enterprise Letter of Guarantee on Blockchain: KBank is the first bank in the world that has developed this service. In 2018, the number of users should reach 7-10 large enterprises and 4-5 financial institutions are expected to connect with this system.

     Clearing and Settlement via Blockchain: KBank in cooperation with IBM has spearheaded the development of this service to offer businesses worldwide to enter into agreements on cross-border funds transfers and make such transactions almost real time. This service also allows users to check their account debits and make payments on digital asset swaps issued by central banks.

      KBank has steadily established partnerships in the digital ecosystem. Aside from setting up digital partnership work teams within KBank and KBTG, the Bank has also established Beacon Venture Capital Co. Ltd., which is tasked with investing in startups, to seek innovations that are consistent with KBank’s strategies expand our services. With one billion Baht in initial capital, THB250 million have already been invested directly into two startups and via two venture capital (VC) funds so far in 2017. For 2018, Beacon Venture Capital targets an increase in investment of around THB200-300 million into four startups, focusing on those having AI and blockchain technologies, as well as via a VC fund. 

      Mr. Pipit added that with the “Customers’ Life Platform of Choice” strategy, our customers will get new experience from enhanced services, which have been developed as an integral part of their lives, aided by technologies and innovations.

       KBank President Ms. Kattiya Indaravijaya stated that under the new strategy, KBank has established operational plans that are more in alignment with all business segments:

      For Retail business, KBank strives to become Thailand’s best customer-driven retail bank with personalized solutions to maintain our status as customers’ “Main Bank”. This is aimed at bolstering retail loan growth to 5-7 percent p.a. and expanding the number of our retail customers to 15.1 million, as well as the number of K PLUS customers to 10.8 million.

                For SME business, KBank will focus on being the “Bank for SMEs customers” and a total solution provider for them. KBank has set a 4-6 percent growth target for SME loans and 2-4 percent growth target for fee income, as well as the value of market share at 28 percent.

      For Corporate Business, KBank is determined to be the “Trusted Bank for Corporate Customers” by responding to all their business needs, e.g., increasing loans to corporate customers by 6-8 percent, while gaining 2-5 percent higher fee income and commanding a 22% market share in the segment.

      International Business: KBank continues to gear up toward being an “AEC+3 Bank” via “Dual Track Regional Digital Expansion”, a two-pronged strategy. The first track is Classical Expansion by extending the bank’s business network into the region and improving service in each country. KBank is working on opening branches in Vietnam and Myanmar within 2018-2019. The second track is Digital Expansion by developing an Issuing and Acquiring Business system for electronic payments. KBank will use the knowledge and experience from the operations in Thailand to promote the bank’s businesses in the region where economic activities are expected to expand robustly. In 2018, the CLMVI are expected to see electronic payment transactions rise 20 percent.

     Regional Settlement Hub: KBank introduces “Exotic Currency Settlement Initiative” service that would allow fund transfers between all AEC+3 currency pairs. KBank is the first Thai bank to enable customers engaged in regional trade to directly transfer funds in AEC+3 currencies without multiple conversions. Since the launch of this service in 1Q17, over THB16 billion has been transferred thus. KBank is also preparing to link with other payment systems in the region, wherein KBank Thailand will serve as the hub to receive orders for payments to other destinations within the region.

        With regard to overall goals for 2018, KBank looks forward to achieving loan growth of 5-7 percent,  flat in non-interest income growth rate, a net interest margin (NIM) between 3.2-3.4 percent and NPL  (non-performing loans) gross to total loans ratio standing at 3.3-3.4 percent.

       Ms. Kattiya summed up that challenges and business changes have led to the “Customers’ Life Platform of Choice” strategy as the best fit for the new era.  KBank is determined to incorporate technologies and innovations into banking services, and as part of KBank’s operational guidelines, in every aspect to remain the digital leader.  KBank is confident that the bank will reach the goal of being the bank that stands side-by-side with customers to facilitate their daily routines, serving both their lifestyles and business needs. This will enable KBank to sustainably maintain their leadership in banking services in the long run.

Photo Caption

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!