- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Thursday, 05 October 2017 23:22
- Hits: 12406
iBank ย้ำ ปี 61 จะกลับมามีกำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี เตรียมเสนอแผนฟื้นฟูให้คลังพิจารณาสิ้นเดือนต.ค. นี้
ชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ให้ความมั่นใจปี 61 ไอแบงก์จะกลับมามีกำไร ย้ำ ผลการปรับโครงการของธนาคารตามมติคณะรัฐมนตรีนั้นเห็นถึงสัญญาณดีขึ้น ส่วนหนี้เสีย (NPFราว 7,000 ล้านบาท กำลังทบทวนว่าจะโอน NPF ลูกหนี้ที่ไม่ใช่อิสลามไปให้บริษัท บริหารสินทรัพย์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด (IAM) หรือไม่ ด้านวิทัย รัตนากร ได้รับมอบหมายขี่ม้าขาวฟื้นฟูกิจการของธนาคารในเวลา 6 เดือน และสามารถต่อเวลาได้อีก 6 เดือน ย้ำ มี 2 เรื่องที่จะทำให้ธนาคารกลับมาทำธุรกิจได้เหมือนเดิม
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานกรรมการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์)เปิดเผยว่า ผลการปรับโครงการของธนาคารตามมติคณะรัฐมนตรีได้เริ่มเห็นถึงสัญญาณที่ดีขึ้น ทำให้มั่นใจว่าในปี 61 ธนาคารจะเริ่มกลับมามีกำไรอีกครั้งในรอบ 5 ปี ซึ่งจะมาจากการขยายสินเชื่อที่น่าจะอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท
“NPF ที่ยังคงมีอยู่ในธนาคารอีก16% หรือ 7,000 ล้านบาท ได้แบ่งเป็นหนี้เสียที่เกิดจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวมุสลิมและไม่ใช่ชาวมุสลิมอย่างละครึ่ง ธนาคารจะมีการทบทวนอีกครั้งว่าจำเป็นต้องโอน NPF ในกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ใช่อิสลามไปยังบริษัท บริหารสินทรัพย์ เพิ่มเติมอีกหรือไม่”
นายชัยวัฒน์ กล่าว พร้อมบอกต่อว่า สำหรับความคืบหน้าในการหาพันธมิตรร่วมทุนใหม่ กระทรวงการคลังได้สั่งให้ธนาคาร ว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อเข้าประเมินฐานะของกิจการ ก่อนที่จะกำหนดราคาอ้างอิง ของหุ้นเพิ่มทุนใหม่ โดยคาดว่า จะใช้เวลา 3 เดือน จากนั้นจะมีข้อสรุปถึงราคาอ้างอิงของหุ้นเพิ่มทุนใหม่
สำหรับ กรณีการลงโทษผู้บริหารและพนักงาน ที่มีส่วนสร้างความเสียหายให้แก่ธนาคารนั้นประธานกรรมการธนาคารอิสลามได้กล่าวเพิ่มเติมว่า มี 48 ราย แบ่งเป็นกรณีผิดวินัยร้ายแรง 24 ราย และไม่ร้ายแรงอีก 24 ราย
“ส่วนกรณีที่ต้องดำเนินคดีอาญาตามความผิดตั้งแต่การดำเนินงานในสาขา จนถึงการปล่อยสินเชื่อ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จำนวน 22 ราย และอีก 16 อยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ส่วนอีก 4 รายได้เสร็จสิ้นการดำเนินคดีทางแพ่งแล้ว และอีก 22 ราย ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน” นายชัยวัฒน์กล่าว
ด้านนายวิทัย รัตนากร กรรมการและรักษาการผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวว่าได้รับมอบหมายให้เข้าช่วยฟื้นฟูกิจการของธนาคารโดยมีเวลา 6 เดือน และสามารถต่อเวลาได้อีก 6 เดือน โดยเปิดเผยว่าภารกิจที่ได้รับมอบหมายก็คือ 1.ทำให้ธนาคารกลับมาทำธุรกิจได้เหมือนเดิม ซึ่งเชื่อว่าทำได้และมั่นใจว่าในปี 2561 ผลประกอบการของธนาคารจะกลับมามีกำไรอีกครั้งในรอบ 5 ปี
“ปัจจุบันธนาคารมีฐานเงินฝากอยู่ 4.4 หมื่นล้านบาท มีต้นทุนเงินฝาก 1.84% มีฐานสินเชื่อโดยรวม 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเหตุผลที่เราจะต้องเร่งขยายสินเชื่อให้เพียงพอรองรับต้นทุนเงินฝาก สำหรับในปี 2561 ธนาคารจะปล่อยสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น สินเชื่อในกลุ่มบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและกลุ่มรัฐวิสาหกิจ โดยการปล่อยสินเชื่อดังกล่าวจะพิจารณาควบคู่ไปกับอัตราผลตอบแทนที่ธนาคารจะได้รับ เพื่อที่จะทำให้ผลตอบแทน รวมทั้ง เพื่อเป็นการควบคุมความเสี่ยงในอนาคตแล้วธนาคารก็จำเป็นต้องเจาะลูกค้าที่ดีด้วย”
เขากล่าว พร้อมบอกถึงส่วนภารกิจที่ 2 ก็คือการเร่งหาพันธมิตรที่มีความชำนาญการทำธุรกิจในกรอบการเงินตามหลักชะรีอะห์ของศาสนาอิสลาม รวมถึง การเข้ามาด้วยเงื่อนไขที่เหมาะสม
“ตอนนี้เรากำลังอยู่ระหว่างการจัดทำแผนดำเนินการในด้านต่างๆ ของธนาคารอย่างละเอียด เพื่อที่จะเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณาในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งเรามั่นใจว่าต่อไปทุกอย่างจะเข้าที่ โดยเฉพาะสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือเราต้องเรียกขวัญและกำลังใจของพนักงานของเราให้กลับคืนมา”กรรมการและรักษาการผู้จัดการธนาคารอิสลามกล่าว