- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Friday, 29 September 2017 13:42
- Hits: 2856
KBANK คาดศก.ไทยปีนี้มีโอกาสโตแตะ 4% สูงกว่าที่คาดโต 3.4% จากการส่งออก-ท่องเที่ยวหนุน
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK คาดศรษฐกิจไทยปีนี้มีโอกาสขยายตัวถึง 4% หลังส่งออกขยายตัวดีกว่าคาด ปีนี้คาดส่งออกโตถึง 7% และมีภาคการท่องเที่ยวหนุน ลุ้นภาครัฐออกมาตราการกระตุ้นกำลังซื้อช่วงปลายปี หวังกระจายรายได้สู่ฐานล่าง-หนุนการบริโภคในประเทศฟื้น
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ธนาคารคาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้ 4% สูงกว่าประมาณการที่คาดขยายตัว 3.4% โดยได้รับอานิสงส์จากการส่งออกที่จะมีการเติบโตได้ถึง 7% มากกว่าประมาณการเดิมที่คาดขยายตัว 3.8% เนื่องจากการส่งออกของไทยคิดเป็น 70% ของจีดีพี มีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการผลักดันให้เศรษฐกิจไทยปีนี้สูงกว่าคาด ประกอบกับ การท่องเที่ยวที่มีการเติบโตที่ดี และ มีการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวในสัดส่วนที่สูงถึง 22% ทำให้หนุนภาพรวมของเศรษฐกิจไทยยังมีทิศทางที่ดี
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยกดดันจากการบริโภคในประเทศที่ยังชะลอตัว หลังหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูงถึง 80% และ การกระจายรายได้ยังไม่ลงไปสู่ฐานล่างทำให้เกิดการชะลอการจับจ่าย ประกอบกับ การลงทุนภาคเอกชนยังไม่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน
"เศรษฐกิจไทยยังมีปัญหาทางด้านโครงสร้างที่ไม่สมดุล เพราะดูจากดุลบัญชีเดินสะพัดต่อจีดีพีสูงเป็นอันดับ 4 ของโลก ซึ่งแสดงถึงการที่เราพึ่งพาการส่งออก และ การท่องเที่ยวมากจนเกินไป และ การกระจายรายได้ยังลงไปไม่ถึงคนฐานล่าง อีกทั้ง รายได้ต่อภาษียังสูงระดับ 16.7% รองจากเวียดนาม แสดงให้เห็นว่าคนไทยทำงานเพื่อจ่ายภาษีคิดเป็น 80% ของชั่วโมงทำงานในแต่ละวันทำให้ครัวเรือนระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย"นายกอบสิทธิ์ กล่าว
นอกจากนี้ ธนาคารยังประเมินว่า ภาครัฐมีโอกาสใช้นโยบายกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน หลังเดือนต.ค.นี้ โดยจะเป็นมาตรการด้านภาษีเช่นเดียวกับปีก่อนที่มีมาตรการช็อปช่วยชาติ และ อาจจะเน้นการกระจายรายได้ไปยังชุมชนเล็กๆ ที่ไม่ใช่หัวเมืองใหญ่และหัวเมืองรอง
ทางด้านอัตราแลกเปลี่ยนธนาคารประเมินว่าสิ้นปีนี้ค่าเงินบาทจะอยู่ในกรอบ 33.50 บาท/ดอลลาร์ โดยในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้ออกมาตรการเพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินบาท โดยใช้เงินมากกว่า 5.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ดูแลไม่ให้ค่าเงินบาทหลุดกรอบ 33.00 บาท/ดอลลาร์ เพราะหากหลุดกรอบดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อต่ำกว่าปกติ และ เป็นแรงกดดันให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะต้องปรับลดดอกเบี้ยในท้ายที่สุด
สำหรับ ทิศทางการเคลื่อนไหวของกระแสเงินทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ มองว่าจะเห็นเงินทุนไหลออกจากประเทศไทยเล็กน้อยในช่วงไตรมาส 4/60 เนื่องจากนักลงทุนเริ่มทยอยขายทำกำไร หลังจากที่ได้กำไรตามเป้าหมายแล้ว และ เป็นการปรับพอร์ตในช่วงปลายปีเพื่อกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์อื่นในประเทศที่ให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น
ประกอบกับ ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเดือนธ.ค.นี้ และ จะเริ่มลดขนาดสินทรัพย์ตั้งแต่เดือนต.ค.นี้เป็นต้นไปส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนกลับไปสหรัฐ โดยปัจจัยดังกล่าวจะส่งให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น และ ทำให้ผู้ประกอบการที่กู้เงินเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐมีต้นทุนเพิ่ม 0.4-0.5%
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย