WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SME mongkolธพว.เชื่อมั่นผลการตัดสินคดี FRCD ไม่กระทบ ยันสู้คดียื่นศาลฎีกา

       นายมงคล  ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว. หรือ SME Development Bank) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณี ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย) จำกัด (มหาชน) (SCBT) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ธพว. เป็นจำเลย เพื่อเรียกค่าเสียหายตามสัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Cross Currency Swap /CCS) และสัญญาป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Swap /IRS) บนบัตรเงินฝากชนิดดอกเบี้ยลอยตัว (FRCD) จำนวนคดีมีทุนทรัพย์รวมประมาณ 6,000 ล้านบาท  ต่อศาลแพ่งจำนวนทั้งสิ้น 3 คดี เมื่อปี 2551 และ 2552 ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2558  ให้ ธพว. ชนะคดีโดยยกฟ้องทั้ง 3 คดี  ต่อมาโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์  ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2560 พิจารณาให้ ธพว. ชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามจำนวนดังกล่าวนั้น 

       กรรมการผู้จัดการ ธพว. กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีข้อพิพาทดังกล่าว เป็นธุรกรรมที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2549 และต่อมาได้ต่อสู้คดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์  ซึ่งจากผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ธนาคารจะใช้สิทธิ์ต่อสู้คดีในชั้นศาลฎีกาต่อไป ส่วนผลของคดีจะเป็นอย่างไร  ธพว. ยินดีและพร้อมปฏิบัติตามคำพิพากษาทุกประการ  สำหรับฐานะการเงินของธนาคารมีความแข็งแกร่ง  ณ สิ้นปี 2559 ธนาคารมีกำไรถึง 1,600 ลบ. ยังมีเงินกองทุนและมีเงินสำรองหนี้ส่วนเกินรองรับความเสียหายที่เพียงพอและเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ BIS Ratio ตามเกณฑ์ Basel’ ไว้ที่ร้อยละ 8.5

        ขณะนี้ธนาคารมีกองทุนขั้นที่ 1 มี.ค. 2560 ที่ร้อยละ 11.55 และกรณีเมื่อมีการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ในกองทุนขั้นที่ 2 ก็จะมีกองทุนขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 รวมกันเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 12 ซึ่งจะทำให้ฐานะทางการเงินมีความแข็งแกร่ง เพียงพอต่อการชำระหนี้ตามความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นหากผลของคำพิพากษาให้ ธพว. ชำระหนี้ โดยไม่มีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของ ธพว. และผู้ฝากเงินหรือเจ้าหนี้ก็ไม่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน  โดย ธพว. ยังสามารถดำเนินการตามแผนพันธกิจผู้ประกอบการรายย่อยปี 2560 ได้เป็นปกติ รวมถึงมีความพร้อมในการสนองนโยบายภาครัฐเพื่อผลักดันขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เดินหน้าต่อไป ในส่วนของคดี ธพว. ยืนยันจะต่อสู้ในชั้นศาลฎีกา เพราะเชื่อมั่นในความยุติธรรม  และมีพยานหลักฐานสำคัญที่จะสามารถยกขึ้นต่อสู้คดีในหลายประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อธนาคาร โดยการยื่นฎีกาตามกระบวนการจะใช้เวลาภายใน 30 วัน

       ทั้งนี้ ธนาคารได้รายงานข้อมูลดังกล่าว ต่อคณะกรรมการธนาคาร กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม ธนาคารแห่งประเทศไทยรับทราบแล้ว

       ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ : นางอุบลรัตน์ ค่าแพง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม โทร. 085-980-7861 หรือ 0-265-4574-5

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!