WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SMEbankมงคล ลลาธรรมรัฐบาลอนุมัติสินเชื่อ SMEs Transformation Loan มอบ SME Development Bank เปิดบริการดีเดย์ 3 เม.ย. 60 ทุกสาขาทั่วประเทศ

          นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว. หรือ SME Development Bank) เปิดเผยว่า ตามที่มีมติ ครม. เห็นชอบอนุมัติโครงการสินเชื่อ SMEs Transformation Loan วงเงิน 15,000 ล้านบาท โดยมอบหมายให้ ธพว. และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ดำเนินการเพื่อส่งเสริมให้ SMEs เป้าหมายเข้าร่วมโครงการ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs เน้นให้ความรู้การประกอบธุรกิจและการวางแผนธุรกิจแก่ผู้ประกอบการให้เติบโตต่อเนื่อง สำหรับการช่วยเหลือด้านเงินทุนผู้ประกอบการสามารถยื่นขอสินเชื่อได้รายละไม่เกิน 15 ล้านบาท ระยะเวลากู้ยืมไม่เกิน 7 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน อัตราดอกเบี้ยต่ำ 3% คงที่ 3 ปีแรก ปีที่ 4-7 อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี นอกจากนี้ กรณีกู้ไม่เกิน 5 ล้านบาท สามารถใช้ บสย. ค้ำประกันได้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์

       “สำหรับ สินเชื่อ SMEs Transformation Loan นั้น รัฐบาลมีเป้าหมายในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำพิเศษเพียง 3% ต่อปี โดยใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน หรือขยายปรับปรุงธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1) ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจทำให้กิจการมีปัญหาด้านสภาพคล่อง 2) ผู้ประกอบการใหม่ (New/ Start Up) หรือที่มีนวัตกรรม 3) ผู้ประกอบการ SMEs ที่มีศักยภาพหรือมีแนวโน้มเติบโตเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 เช่น SMEs กลุ่มธุรกิจ S-Curve และ SMEs ที่ส่งออก ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่เข้าโครงการนอกเหนือจะได้รับการช่วยเหลือด้านเงินทุนแล้ว รัฐบาลยังมอบหมายให้ธนาคารดำเนินการจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ และการวางแผนธุรกิจ ทั้งด้านการบริหารจัดการ การเงิน บัญชี ภาษี การตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ การจับคู่ธุรกิจ การค้าขายผ่านสื่อออนไลน์ ตลอดจนการพาออกบูธจำหน่ายสินค้ากับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งที่ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ท่าอากาศยานกรมการท่า Thai Smile เว็บไซต์ alibaba.com และพาไปเจาะตลาดกลุ่มประเทศ CLMV”

      “ธนาคาร คาดว่า หลังจากเปิดตัวแล้วจะมีผู้ประกอบการสนใจขอใช้วงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสุด 3% เป็นจำนวนมาก เนื่องจากช่วยลดภาระผู้ประกอบการทำให้มีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเตรียมตัวธุรกิจเข้าสู่อุตสาหกรรมไทยแลนด์ 4.0 เชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบช่วยให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้กว่า 3,000 ราย (วงเงินค้ำประกันเฉลี่ยต่อราย 5 ล้านบาท) รักษาการจ้างงานได้ไม่น้อยกว่า 24,000 คนและสร้างเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้ประมาณ 68,700 ล้านบาท เป็นฟันเฟืองช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้กลับมาฟื้นตัว

        สำหรับ ผู้ประกอบการ SMEs ที่สนใจใช้บริการสินเชื่อ SMEs Transformation Loan สามารถติดต่อยื่นคำขอกู้ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถาม Call Center 1357 และสามารถติดตามข่าวสารหรือกิจกรรมดีๆ ของธนาคารผ่านช่องทาง facebook.com/SMEDevelopmentBank            

        ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ : นางอุบลรัตน์ ค่าแพง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม โทร. 085-980-7861 หรือ 0-265-4574-5

                       
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 27/03/60
  FONT
http://www.efinancethai.com/LastestNews/Images/IncreaseFonticonHover.png http://www.efinancethai.com/LastestNews/Images/DecreaseFonticonHover.png
   
  SHARE  
 
http://www.efinancethai.com/images/icon_social_facebook.png
 
http://www.efinancethai.com/images/icon_social_twitter.png
 
http://www.efinancethai.com/images/icon_social_googleplus.png
 
 
                   
                   
ทิศทางตลาด                  
                    
  มีโอกาสปรับลดลง? ตามตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่เช้านี้ ภายใต้ความไม่แน่นอนในการดำเนินงานนโยบายของสหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้านี้มีความคาดหวังในเชิงบวกว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังเสียงสนับสนุนของพรรครีพับลิกันไม่เพียงพอ ทำให้ต้องยกเลิกร่างกฎหมาย อเมริกันเฮลธ์แคร์ที่จะนำมาใช้แทน โอบามาแคร์ไป                  
  นอกจากนี้คาดยังได้รับปัจจัยกดดันบ้างจากประเด็นการพิจารณาออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ ที่จะเริ่มกระบวนการอย่างเป็นทางการ ปลาย มี.ค. นี้                  
  ขณะที่แนะติดตามการเลือกตั้งในยุโรป โดยเฉพาะในฝรั่งเศส (เม.ย. – พ.ค.) ซึ่งคาด Sentiment เป็นบวก หลังผลการเลือกตั้งในเนเธอร์แลนด์ และผลสำรวจล่าสุดในช่วงการหาเสียงในฝรั่งเศส คาดช่วยลดความกังวลโดยเฉพาะการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง ที่อาจเป็นการจุดกระแสความนิยมต่อนโยบายขวาจัด                  
  ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ คาด Sentiment เป็นบวก โดยเฉพาะFund Flow ภายใต้ความไม่แน่นอนในการดำเนินงานนโยบายของสหรัฐฯ ข้างต้น คาดยังส่งผลให้เงินสหรัฐฯ กลับมาอ่อนค่า คาดเงินทุนไหลกลับเข้า Emerging Market รวมถึงไทย นอกจากนี้ยังมีประเด็น Window Dressing ซึ่งจะมีการปิดงบไตรมาส 1 ในวันที่ 31/3/60 และการประชุม กนง. ใน วันพุธนี้ (29/3/60)                  
  อย่างไรก็ตามคาดยังถูกกดดันบ้างจากความไม่แน่นอนในการเปิดประมูลของภาครัฐ ที่คาดยังมีผลต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะประเด็นการยกเลิกทีโออาร์รถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง คาดทำให้การประมูลล่าช้าไป 5 –6 เดือน แนะติดตามการประชุม กนง. (29/3/60)                   
  ขณะที่ในระยะกลาง – ยาว ยังได้รับปัจจัยหนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดดีขึ้นตามลำดับ ภายใต้ (1) การลงทุนของภาครัฐ ที่ได้แรงขับจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (2) รายได้เกษตรกรที่คาดปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และสถานการณ์ภัยแล้งที่ผ่อนคลายลง และ (3) การส่งออกปรับตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น โดย กกร. คาดส่งออกเติบโต 1.0 –3.0% รวมถึงได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า และ (4) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวไทย ซึ่ง ททท. คาดว่าทั้งปี60 อยู่ที่ 34 - 35 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 32.59 ล้านคน เมื่อปี59 พร้อมคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 10% จาก 1.64 ล้านบาทเมื่อปี59                  
                   
SET SET50 SET100                  
1,573.51 +4.79 998.25 +5.00 2,245.69 +10.16                  
                   
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด                  
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้                  
  (-/+) ตลาดต่างประเทศ DJIA -59.86, NASDAQ +11.05, S&P -1.98, FTSE -3.89, CAC -11.86 และ DAX +24.59 ภายใต้การซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯยกเลิกการลงมติร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" ที่จะนำมาใช้แทนกฎหมายประกันสุขภาพ "Affordable Care Act (ACA)" หรือ "โอบามาแคร์" เนื่องจากเสียงสนับสนุนของพรรครีพับลิกัน ยังไม่มากพอต่อการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าว ทำให้เกิดความกังวลว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆ อาจต้องล่าช้าออกไปด้วย ขณะที่ ปธน.ทรัมป์ ประกาศว่าจะไม่มีการรื้อฟื้นร่างกฎหมายดังกล่าวขึ้นมาอีก โดยจะปล่อยให้กฎหมายประกันสุขภาพ "โอบามาแคร์" มีผลบังคับใช้ต่อไป และหันไปผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆ เช่น การปฏิรูปภาษี                   
  ทางด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ (1) ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน – ก.พ. เพิ่มขึ้น 1.7% ต่อเนื่องจาก ม.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 2.3% และ (2) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต – มี.ค. อยู่ที่ 53.4 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน เช่นเดียวกับดัชนี PMI ภาคบริการ – มี.ค. อยู่ที่ 52.9 ลดลงจาก 53.8 เมื่อก.พ.                  
  ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยหนุนบ้างจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของยูโรโซน – มี.ค. อยู่ที่ 56.7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี และดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 55.8                  
                   
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)                  
17.36 1.93 3.14                  
                   
ที่มา : www.set.or.th                  
                   
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)                    
มูลค่าการซื้อขาย 35,671.48                    
สถาบัน 1,188.27                    
บัญชีหลักทรัพย์ -402.1                    
ต่างประเทศ 1,566.48                    
ในประเทศ -2,352.66                    
                   
                   
                   
และยังแนะจับตา                  
  (1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ TKN เป็นต้น                  
  (2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCBเป็นต้น                  
  (3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น                  
                    
  (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC                  
  (5) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากการเปิดขายโครงการในปี’60 ที่โดดเด่น เช่น ANAN และ SPALI เป็นต้น                  
  (6) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐและเอกชน ที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น SQ และ UNIQเป็นต้น                      
  (7) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น และ BANPU ปรับตัวขึ้นตามราคาถ่านหิน                  
  (8) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK                  
  (9) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจขนส่งทางเรือ เช่น PSL คาดได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินที่มีแนวโน้มฟื้นตัว จากการปรับตัวของอุตสาหกรรมเรือเทกอง                  
                   
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.02 อยู่ที่ 2.40%(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.54)                  
                   
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.16 อยู่ที่ 12.96                  
                   
หุ้นแนะนำ : หุ้นสัมนาเมื่อวันที่ 24/3/60                  
                   
                   
                   
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788                  
   

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!