- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Tuesday, 21 February 2017 14:59
- Hits: 3271
KTC ทำกำไรนิวไฮ 4 ปีซ้อน กำไรสุทธิปี 2559 พุ่ง 2,495 ล้านบาท มุ่งโฟกัสตลาดออนไลน์ ต่อยอดธุรกิจใหม่ ทำกำไรนิวไฮ 4 ปีซ้อน กำไรสุทธิปี 2559 พุ่ง 2,495 ล้านบาท มุ่งโฟกัสตลาดออนไลน์ ต่อยอดธุรกิจใหม่
เคทีซี เผยอนาคตสดใส ทำนิวไฮกำไร-รายได้เติบโต 4 ปีติดต่อกัน ธุรกิจขยายตัวต่อเนื่องในทุกมิติ ทั้งธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ล่าสุดปี 2559 มีกำไรสุทธิเติบโต 20% อยู่ที่ 2,495 ล้านบาท ฐานสมาชิกรวมโต 10.6% อยู่ที่ 2.9 ล้านบัญชี ยอดลูกหนี้รวมเท่ากับ 68,697 ล้านบาท ขยายตัว 13% ส่วน NPL ลูกหนี้รวม (หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้) ลดลงเหลือ 1.7% ทิศทางปี 2560 รุกขยายกรอบแนวคิดการตลาดรูปแบบใหม่ เน้นตลาดออนไลน์ และการต่อยอดทางธุรกิจใหม่
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร "เคทีซี" หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "เศรษฐกิจไทยในปี2560 มีแนวโน้มจะขยายตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย ภาวะการเงินที่เริ่มผ่อนคลาย ซึ่งจะส่งผลให้การใช้จ่ายภาคเอกชนทั้งการบริโภคและการลงทุนมีแนวโน้มฟื้นตัว สำหรับอุตสาหกรรมสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในภาพรวมเติบโตในลักษณะชะลอตัวลงจากปีก่อน แต่ยังคงเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับบนที่มีรายได้สูง และกลุ่มลูกค้า Gen Y ที่เพิ่งเริ่มมีบัตรเครดิต"
"เคทีซี ยังคงขยายตัวต่อเนื่องในทุกมิติ ทั้งธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล โดยมีสัดส่วนของลูกหนี้บัตรเครดิตเทียบกับอุตสาหกรรมที่12.9% เพิ่มขึ้นจาก 12.3% ในปี 2558 ส่วนแบ่งการตลาดในด้านมูลค่าของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรในปี 2559 ที่ 11.1% เติบโตจากปีที่ผ่านมา10.5% และมีสัดส่วนของลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเคทีซีเทียบกับอุตสาหกรรมเท่ากับ 6.5% เพิ่มขึ้นจาก 5.7% ในปีที่ผ่านมา"
ในปี 2559 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 2,495 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปี 2558 เป็นผลจากรายได้ธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ความสามารถในการบริหารต้นทุนการเงินให้ต่ำอย่างต่อเนื่อง สัดส่วนค่าใช้จ่ายการดำเนินงานต่อรายได้รวมคงที่ ตลอดจนการรักษาประสิทธิภาพในการติดตามหนี้และการบริหารควบคุมคุณภาพพอร์ตลูกหนี้
ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรของบริษัทฯ ขยายตัวสูงกว่าอุตสาหกรรมในทุกไตรมาสของปี 2559 โดยมีมูลค่าใช้จ่ายผ่านบัตรทั้งปีที่ 164,991ล้านบาท เติบโต 13.2% สูงกว่าอุตสาหกรรมซึ่งเท่ากับ 6.8% บริษัทฯ มีปริมาณซื้อขายผ่านร้านค้ามูลค่า 61,340 ล้านบาท เติบโตที่ 22.2% ฐานจำนวนร้านค้าเพิ่มขึ้น 29.2% เป็น 29,764 ร้านค้า จากโครงการร่วมขยายร้านค้าและติดตั้งเครื่องรูดบัตร โครงการขยายร้านค้าออนไลน์ โครงการรับชำระเงินผ่านระบบ Virtual Terminal และโครงการขยายร้านค้าอาลีเพย์
ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 68,297 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปี 2558 ที่ 60,179 ล้านบาท โดยพอร์ตลูกหนี้การค้ารวมสุทธิเท่ากับ 63,303 ล้านบาท ฐานสมาชิกรวม 2.9 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 10.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนแบ่งเป็น บัตรเครดิต 2,095,563 บัตร ยอดลูกหนี้บัตรเครดิตสุทธิ 42,988 ล้านบาท สินเชื่อบุคคล 818,068 บัญชี ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลสุทธิ 20,154 ล้านบาท ลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รวม (NPL) ลดเหลือ 1.7% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ 2.1% NPL บัตรเครดิตลดเหลือ 1.2%จาก 1.3% และ NPL สินเชื่อบุคคลลดเหลือ 0.9% จาก 1%
บริษัทฯ มีรายได้รวมปี 2559 เท่ากับ 17,580 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มูลค่า 15,559 ล้านบาท จากรายได้ดอกเบี้ย (รวมรายได้ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน) เพิ่ม 12% รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่ม 13% และรายได้หนี้สูญได้รับคืนเพิ่ม 18% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Net Interest Margin) เพิ่มขึ้นจาก 14.5% เป็น 15.1% จากการที่บริษัทฯ สามารถจัดหาต้นทุนเงินที่ต่ำลง สัดส่วนค่าใช้จ่ายรวมต่อรายได้รวม (Cost to Income Ratio) เท่ากับ 39.3% อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า ในขณะที่สัดส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิ (Operating Cost to Income Ratio) เท่ากับ 28.5% ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สิ้นปี 2559 บริษัทฯ มีวงเงินสินเชื่อคงเหลือ (Available Credit Line) 26,190 ล้านบาท เป็นวงเงินของธนาคารกรุงไทย 18,030 ล้านบาท และจากธนาคารพาณิชย์อื่นๆ 8,160 ล้านบาท โดยมีต้นทุนการเงิน ณ สิ้นปี 2559 อยู่ที่ 3.08% ลดลงจาก 3.74% เนื่องจากบริษัทฯ ออกหุ้นกู้ใหม่ชดเชยหุ้นกู้ที่ครบกำหนดอายุ ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ประกอบกับการคงอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับของอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทที่ระดับ "A+" สะท้อนภาพฐานะการเงินที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง และเป็นผลให้ต้นทุนการเงินของบริษัทฯ ยังคงระดับอยู่ได้ในระดับต่ำ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีอัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 5.62 เท่า ซึ่งต่ำกว่าภาระผูกพันที่กำหนดไว้ที่ 10 เท่า
นายระเฑียรกล่าวเพิ่มเติม "เคทีซีเล็งเห็นสภาพการแข่งขันในธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลที่เข้มข้นต่อเนื่อง จึงไม่หยุดนิ่งและมีนโยบายพัฒนากลยุทธ์การตลาดให้แตกต่างหลากหลายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ โดยรูปแบบและกิจกรรมการตลาดจะปรากฏชัดเจนในทุกมิติ โดยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปี 2560 บริษัทฯ จะมุ่งเน้นขยายฐานสมาชิกบัตรเครดิตในกลุ่มที่มีศักยภาพสูง ทั้งกลุ่มลูกค้าระดับบน (Upper) และกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Young Generation) ที่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ชัดเจน พร้อมตอบสนองความต้องการสมาชิกในรูปแบบที่เป็นดิจิทัลมากขึ้น เน้นสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายและครอบคลุมความต้องการของสมาชิกบัตร ในแง่ของธุรกิจร้านค้าจะมุ่งเป้าหมายไปที่ธุรกิจประเภทใหม่ๆ ธุรกิจออนไลน์ โดยนำเสนอบริการ 'เคทีซี เพย์' เพื่อสนองธุรกรรมอีคอมเมิร์ซ และเอ็มคอมเมิร์ซ
และขยายธุรกิจไปยังต่างจังหวัด รวมทั้งพัฒนาคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์สินเชื่อพร้อมใช้ "เคทีซี พราว" เพื่อสร้างประสบการณ์ออนไลน์ มุ่งขยายฐานสมาชิกใหม่และสร้างความผูกพันกับสมาชิกในระยะยาว ทั้งนี้ ได้วางเป้าหมายการเติบโตด้วยแผนการขยายตัวของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตรวมไม่ต่ำกว่า 15% พอร์ตลูกหนี้ขยายตัวประมาณ 10% และจะรักษา NPL ให้อยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นได้ไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 2559