- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Wednesday, 08 February 2017 11:42
- Hits: 4151
EXIM BANK รุกพัฒนาบริการ'ประกันส่งออก' พร้อมขยาย 'สินเชื่อเพื่อการลงทุน' ช่วยผู้ประกอบการไทยแข่งขันได้ในโลกยุคใหม่ พร้อมเดินหน้าแผนแม่บทขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศ
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) แถลงนโยบายปี 2560 ภายใต้บทบาทใหม่ของ EXIM BANK เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศว่า ในปี 2560 EXIM BANK จะเริ่มต้นดำเนินงานตามแผนแม่บท 10 ปี (ปี 2560-2570) โดยมีเป้าหมายจะเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (Specialized Financial Institution : SFI) ชั้นนำระดับโลกที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศของไทย โดยสอดคล้องกับ Thailand 4.0 แผนยุทธศาสตร์ 20 ปีของประเทศ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (ปี 2560-2564)
EXIM BANK ได้กำหนด 6 ยุทธศาสตร์หลัก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายระยะยาวตามแผนแม่บท ดังนี้ 1. การส่งเสริมการค้าและการลงทุนด้วยการสร้างความต้องการสินค้าและบริการของไทยในประเทศตลาดหลักและประเทศตลาดใหม่ มุ่งเน้นการสร้างโอกาสการค้าและการลงทุนของไทยในตลาดใหม่ (New Frontier Markets) ซึ่งรวมถึงการบุกเบิกโอกาสการค้าการลงทุนของไทยในตลาดประเทศเพื่อนบ้านที่มีความต้องการสินค้าและบริการของไทยจำนวนมาก 2. การเป็นที่ปรึกษาและสนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการลงทุนของรัฐและเอกชนไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 3. การขยายตลาดรับประกันการส่งออกและลงทุน ด้วยนวัตกรรมบริการประกันและการรับประกันต่อ และการสร้างเครือข่ายพันธมิตร เพื่อสนับสนุนการเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนของไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจโลก 4. การส่งเสริมการค้าและการทำธุรกรรมออนไลน์ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs เข้าสู่โลกการค้าดิจิทัลได้อย่างประสบความสำเร็จและแข่งขันได้ 5. การสนับสนุนด้านความรู้และการเงินให้ SMEs ที่มีศักยภาพ นำไปพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตสินค้าและการบริการ เพื่อต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมของไทยและแข่งขันในเวทีการค้าระหว่างประเทศได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง 6. การเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลการดำเนินงาน โดยยึดหลักธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่ที่ทำงานอย่างแข็งขันร่วมกับภาครัฐเป็นไทยแลนด์ทีม
นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า แผนแม่บท 10 ปีเป็นผลจากการทำงานของ EXIM BANK ร่วมกับภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อหาจุดยืนที่เหมาะสม โดยใช้จุดแข็งของ EXIM BANK เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศไทยอย่างยั่งยืนในระยะยาว จากปัจจุบัน EXIM BANK เป็น SFI ที่มีส่วนสนับสนุนรายได้มวลรวมประชาชาติ (Gross National Income : GNI) ของไทยประมาณ 1.0% จะเพิ่มขึ้น 1.5% ในอีก 10 ปีข้างหน้า เป็น 2.5% ของ GNI ช่วยสนับสนุนผู้ส่งออกและการเติบโตของภาคการส่งออกของไทยได้เพิ่มมากขึ้น การส่งเสริมการลงทุนโดยตรงของไทยในต่างประเทศ ตลอดจนการส่งเสริมการจ้างงาน การเสริมสร้างองค์ความรู้ทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการไทย ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมของผู้ประกอบการไทย การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล และการพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยต่อไปว่า ในปี 2560 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของการปรับบทบาทองค์กรครั้งใหญ่ EXIM BANK จะดำเนินการผลักดันให้เกิดโครงการต้นแบบของการพัฒนารูปแบบการให้บริการประกันการส่งออกผ่านช่องทางใหม่ๆ อาทิ การให้บริการทางออนไลน์ เนื่องจาก EXIM BANK เป็นสถาบันการเงินของไทยรายแรกและรายเดียวที่ให้บริการนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยมีเครื่องมือลดความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าส่งออก อันมีสาเหตุมาจากความเสี่ยงทางการค้าและการเมือง ควบคู่กับการส่งเสริมการค้าและการทำธุรกรรมออนไลน์ เพื่อช่วยลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ในการส่งออกสินค้าไทยไปยังตลาดค้าปลีกและค้าส่งทั่วโลก
นายพิศิษฐ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะเดียวกัน ด้วยโมเดลการค้าการลงทุนที่เปลี่ยนไป การส่งออกมิใช่ฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ขณะที่การลงทุนในต่างประเทศเป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงตลาดและก้าวข้ามมาตรการทางการค้าที่มิใช่ภาษีศุลกากร ในปี 2560 EXIM BANK จะเร่งส่งเสริมการลงทุนของไทยในต่างประเทศ โดยจะทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ สนับสนุนข้อมูลในเชิงลึกและเงินทุนสำหรับโครงการลงทุนให้แก่นักลงทุนไทยที่พร้อมและมีศักยภาพจะขยายการลงทุนไปต่างประเทศ ทั้งการสร้างโรงงานผลิตและการประกอบกิจการการค้าในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะใน CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ซึ่ง EXIM BANK กำลังทยอยเข้าไปเปิดสำนักงานตัวแทน เพื่อทำงานร่วมกับไทยแลนด์ทีมในการสนับสนุนการขยายการค้าการลงทุนของไทยในตลาดดังกล่าว
สำหรับ ผลการดำเนินงานของ EXIM BANK ในปี 2559 EXIM BANK มีกำไรสุทธิ 1,304 ล้านบาท ช่วยให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs แข่งขันได้มากขึ้น ทั้งด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2559 มีเงินให้สินเชื่อคงค้างจำนวน 83,169 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2558 จำนวน 9,630 ล้านบาท ซึ่งเป็นสินเชื่อใหม่ที่เบิกจ่ายเพิ่มขึ้นในระหว่างปีจำนวน 25,327 ล้านบาท และมีการชำระคืนของสินเชื่อเดิมบางส่วน ทำให้เกิดปริมาณธุรกิจ (Business Turnover) 133,993 ล้านบาท โดยเป็นปริมาณธุรกิจของ SMEs เท่ากับ 86,497 ล้านบาท และมีเงินให้สินเชื่อคงค้างแก่ SMEs จำนวน 35,031 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,848 ล้านบาท หรือร้อยละ 20.04 เมื่อเทียบกับปีก่อน
ด้านการรับประกันการส่งออกและการลงทุน ในปี 2559 EXIM BANK มีปริมาณธุรกิจส่งออกและลงทุนรวมด้านรับประกัน เท่ากับ 56,486 ล้านบาท โดย 11,255 ล้านบาท เป็นธุรกิจส่งออกของ SMEs หรือร้อยละ 19.92 ของปริมาณธุรกิจสะสมรวม ส่วนด้านการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยขยายฐานการค้าและการลงทุนไปยังตลาดใหม่ ปัจจุบัน EXIM BANK มีวงเงินให้การสนับสนุนแก่สินเชื่อโครงการระหว่างประเทศรวมทั้งสิ้น 56,382 ล้านบาท
อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคาร (NPLs Ratio) ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2559 อยู่ที่ร้อยละ 3.57 โดยมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ จำนวน 2,970 ล้านบาท ลดลง 1,023 ล้านบาทจากปีก่อน และมีเงินสำรองหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 6,842 ล้านบาท โดยเป็นสำรองหนี้พึงกันตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 2,675 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินสำรองที่กันไว้แล้วต่อสำรองพึงกันร้อยละ 255.81 ทำให้ธนาคารยังคงดำรงฐานะการเงินที่มั่นคง
EXIM BANK วันนี้กำลังปรับบทบาทใหม่ไปสู่การทำหน้าที่บนจุดแข็งของธนาคาร ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยมี SFI อย่าง EXIM BANK เป็นที่ปรึกษาและเครื่องมือทางการเงินในการประกอบธุรกิจการค้าและการลงทุนในโลกยุคใหม่ได้อย่างประสบความสำเร็จ แข่งขันได้ และช่วยลดความเสี่ยงจากผลกระทบของความไม่แน่นอนของการเมืองและเศรษฐกิจโลก” นายพิศิษฐ์ กล่าว
EXIM Thailand Promotes Export Insurance and Investment Credit to Boost Thai Entrepreneurs’ Global Competitiveness Forging ahead with the Enterprise Plan to Drive National Strategies
Mr. Pisit Serewiwattana, President of Export-Import Bank of Thailand (EXIM Thailand), announced EXIM Thailand’s policy for 2017 under its new role to drive national strategies. In 2017, the Bank would start to implement its 10-year enterprise plan (2017-2027) aiming to become a world-class specialized financial institution (SFI) serving as a mechanism in driving forward the country’s international trade and investment strategies. Such goal was in line with the 20-year national strategy and national economic and social development plan no. 12 (2017-2021) geared towards the attainment of Thailand 4.0 status.
EXIM Thailand has identified six key strategies to achieve its long-term objectives under the enterprise plan as follows: 1. Promotion of trade and investment through creation of demand for Thai goods and services in both main and new frontier markets, with focus on exploring trade and investment opportunities in those markets including neighboring countries where Thai goods and services are in high demand; 2. Financial and advisory services for Thai public and private investment projects overseas, particularly those in the Mekong Sub-region; 3. Expansion of export credit and investment insurance markets, leveraging on insurance and re-insurance innovations and business partnerships to add value to Thai trade and investment on a concrete and sustainable basis amidst global economic and political volatility; 4. Promotion of online trade and transactions, to assist Thai entrepreneurs, especially SMEs, in competing and succeeding in the global digital trade arena; 5. Knowledge sharing and financial support for high potential SMEs, to promote manufacturing and services technology improvements and innovations which will in turn enhance the country’s industrial advancement and competitive advantage in international trade based on public-private collaboration; 6. Enhancement of operation efficiency and effectiveness, with adherence to good corporate governance and social responsibility principles, while emphasizing the development of new generation workforce to work closely with the government sector as Thailand Team.
Mr. Pisit said that the 10-year enterprise plan has been initiated by EXIM Thailand in collaboration with relevant public and private entities to work out the common platform using EXIM Thailand’s strengths to add value to the Thai economy in the long run. At present, as an SFI, EXIM Thailand has contributed to around 1.0% of Thailand’s gross national income (GNI), targeted to increase by 1.5% to 2.5% in the next 10 years. The Bank has actively supported Thai exporters and Thai export growth, promotion of outward foreign direct investment of Thai entities, as well as enhancement of employment opportunities, creation of financial knowledge base for Thai entrepreneurs, and promotion of Thai entrepreneurs’ innovation efforts, digital economy and national development on a sustainable basis.
EXIM Thailand President said further that the year 2017 would witness the Bank’s transformation and transition into its new role. The Bank will push for the inception of a prototype project for development of export credit insurance service through new channels, such as online service, as EXIM Thailand is the country’s first and sole Thai financial institution to provide this service to equip Thai exporters with risk mitigating tool to safeguard against non-payments for commercial or political reasons; along with promotion of online trade and transactions, to help reduce cost for Thai entrepreneurs, SMEs in particular, in exporting Thai goods to wholesale and retail markets around the world.
With the changing trade and investment model, export may no longer be the main engine in driving economic growth while foreign investment may serve as an alternative vehicle to help increase entrepreneurs’ access to markets and withstand various non-tariff trade protectionist measures. In 2017, EXIM Thailand aims to promote Thai investment overseas by collaborating with public and private sectors in and outside Thailand to give in-depth data and financial support to projects where Thai investors are ready or have the potential to expand their investment. Such support covers construction of factories and trade establishments abroad, particularly in CLMV (Cambodia, Lao PDR, Myanmar and Vietnam). At present, representative offices have been scheduled to open abroad with staff recruited to work with Thailand Team in supporting and boosting Thai trade and investment in the respective markets.
In view of EXIM Thailand’s operating results in 2016, it posted a net profit of 1,304 million baht. The Bank has supported Thai entrepreneurs, particularly SMEs, by enhancing their trade and investment competitive edge. As of the end of December 2016, it recorded outstanding loans of 83,169 million baht, a 9,630 million baht growth year-on-year, with new loan drawdown of 25,327 million baht during the year and partial repayment of existing loans. This contributed to a business turnover of 133,993 million baht, of which 86,497 million baht was derived from SMEs. Outstanding SME loans amounted to 35,031 million baht, surging 5,848 million baht or 20.04% year-on-year.
The Bank generated 56,486 million baht in the 2016 export and investment business turnover, of which 11,255 million baht came from SMEs’ exports, representing 19.92% of the Bank’s total export credit insurance business. As regards support for Thai entrepreneurs to expand trade and investment to new frontier markets, at present, the Bank has a total accumulated loan approval amount of 56,382 million baht for international trade and investment.
The Bank’s non-performing loan (NPL) ratio as of the end of December 2016 stood at 3.57% or NPL amount of 2,970 million baht, a 1,023 million baht drop year-on-year. Its allowance for doubtful accounts was 6,842 million baht, of which 2,675 million baht was set aside to fulfill provisioning requirement by the Bank of Thailand, representing a provision to provisioning requirement ratio of 255.81%, hence enabling the Bank to maintain a strong financial status.
“EXIM Thailand has now taken on a new role of performing duty with the best use of our strengths in collaboration with public and private agencies concerned. We aim to fulfill our SFI’s role as an advisor and financial tool for Thai entrepreneurs to promote their competitiveness and success in the business world of today while helping to mitigate their risks derived from the global economic and political uncertainties,” added Mr. Pisit.