WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

CIMBT มั่นใจสินเชื่อ-รายได้ปีนี้โต 15% มั่นใจรักษา NIM ปีนี้อยู่ที่ 3.4%

   CIMBT มั่นใจสินเชื่อ-รายได้ปีนี้โต 15% มาจากสินเชื่อรายใหญ่เป็นหลัก มั่นใจรักษา NIM ปีนี้อยู่ที่ 3.4%ส่วนเอ็นพีแอลคุมไม่ให้เกิน 3% ด้าน 'ดาโต๊ะ ศรี นาเซียร์ ราซัค'ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มซีไอเอ็มบี ระบุพอใจผลงาน CIMBT งวดครึ่งปีแรกแม้ต่ำกว่าที่คาด  ขณะที่มีแผนจะขอไลเซ่นส์แบงก์ในเวียดนาม-พม่า เดินหน้าปักหมุดตลาดอาเซียน

    นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) หรือCIMBT เปิดเผยว่า คาดว่าการเติบโตของสินเชื่อรวมปีนี้จะอยู่ที่15% เช่นเดียวกับการเติบโตของรายได้รวมที่ระดับ 15% แม้ในครึ่งปีแรกสินเชื่อจะโตเพียง4% แต่เชื่อว่าจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จะทำให้สินเชื่อเติบโตได้เร็วขึ้นกว่าครึ่งปีแรก และทำให้ทั้งปีโตตามเป้าหมายได้ ส่วนใหญ่จะมาจากสินเชื่อรายใหญ่ ในส่วนของรายได้รวม จะเติบโตจากธุรกิจค้าเงิน ธุรกิจวาณิชธนกิจและการบริการต้นทุนเงินฝากได้ดี

    "ตัวแปรที่สำคัญคือเศรษฐกิจจะฟื้นได้ เร็วแค่ไหน แต่มองว่าน่าจะดีขึ้นตามที่ ธปท.หรือสภาพัฒน์มอง หลังมี คสช.เข้ามา หากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การเมืองนิ่งขึ้น ตลาดทุนฟื้น ทั้งงานไอพีโอ งานที่ปรึกษาควบรวมมีมากขึ้น รายได้เราจะดีขึ้น"นายสุภัค กล่าว

    นอกจากนี้ ธนาคารจะพยายามรักษาส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM)ที่ระดับ 3.4%ในปีนี้  ซึ่งเป็นตัวเลขที่เท่ากับระดับปัจจุบัน โดยธนาคารสามารถควบคุมต้นทุนเงินฝากได้ดี สะท้อนจากงวดครึ่งปีแรกที่ NIM ปรับเพิ่มขึ้นดีกว่างวดเดียวกันปีก่อนประมาณ 0.1%

   ในส่วนของหนี้ด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม ธนาคารจะควบคุมไม่ให้เกิน 3%ของสินเชื่อรวม ซึ่งปัจจุบันก็อยูที่ประมาณ 3%

   นายสุภัค กล่าวต่อว่า ปัจจุบันธนาคารนำส่งกำไรให้กับกลุ่มซีไอเอ็มบี ประมาณ 6-7% จากเป้าหมายที่ตกลงกันไว้คือ 10%

    อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า หากการควบรวมระหว่าง 3ธนาคารในมาเลเซีย คือ CIMB, RHB Capital (RHBC) และ Malaysia Building Socirty Bhn (MBSB)แล้วเสร็จ ก็จะทำให้กำไรของกลุ่มซีไอเอ็มบีเพิ่มมากขึ้น ทำให้สัดส่วนกำไรที่ CIMBT ต้องนำส่งที่ 10% อาจจะปรับลดเเลงมาจากฐานกำไรที่ใหญ่ขึ้นของกลุ่มซีไอเอ็มบี

   "แรกๆ เราส่งกำไร 2% รายได้จากแบงก์ในไทยที่ส่งกำไรให้กลุ่มก็ราวๆ 6-7% แต่ที่เราคุยกันคือต้องส่งกำไรประมาณ 10% อย่างไรก็ตาม ถ้ากลุ่มซีไอเอ็มบีควบรวมสำเร็จ  ฐานกำไรของของกลุ่มก็จะใหญ่ขึ้น และตัวเลข 10%ก็จะต้องลดลง"นายสุภัค กล่าว

    ด้านนาย ดาโต๊ะ ศรี นาเซียร์ ราซัค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มซีไอเอ็มบี เปิดเผยว่า พอใจกับผลงานของ CIMBTในงวดครึ่งปีแรก ที่แม้ว่าจะต่ำกว่าเป้าหมาย แต่ก็ถือว่าทำได้ดีท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่วุ่นวายในช่วงครึ่งปีแรก

    นอกจากนี้ ยอมรับว่า กลุ่มซีไอเอ็มบี ยังคงมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการลงทุนในไทย เพื่อสร้างการเติบโตให้กับกลุ่มซีไอเอ็มบี ไม่ใช่เฉพาะเพียงอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเร่งรีบ  ซึ่งนอกจากไทย แล้ว ยังมีแผนที่จะขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในประเทศเวียดนาม และพม่า เนื่องจากต้องการขยายเครื่อข่ายให้ครอบคลุมในภูมิภาคอาเซียนภายในปี 2558จากปัจจุบัน ที่กลุ่มซีไอเอ็มบี มีฐานการตลาดด้านการเงินการธนาคารแบบครบวงจรในมาเลเซีย  อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และไทย

   "เรามีแผนจะขอไลเซ่นส์แบงก์ในเวียดนาม และพม่า เพราะเราจะปักหมุดให้ครบในอาเซียนภายในปี 2015"นาย ดาโต๊ะ กล่าว 

    อนึ่ง กลุ่มซีไอเอ็มบี เป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่อันดับ 2 ในมาเลเซีย โดยให้บริการครบวงจรด้านการเงินและการธนาคารภายใต้ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ 1.CIMB Invesment Bank 2.CIMB Bank 3.CIMB Islamic ทั้งนี้ หากกลุ่มซีไอเอ็มบี โดย CIMB Bank ควบรวมกับอีก 2 ธนาคารในมาเลเซีย คือ RHBC และ MBSBจะทำให้ CIMB Bank ขึ้นมาใหญ่เป็นอันดับ 1 แทนที่  Maybankในด้านขนาดสินทรัพย์

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!