- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Wednesday, 21 October 2015 22:59
- Hits: 4349
BBL เผย กำไรโค้ง 3 ปี 58 ลดลง 5.4% และ 9 เดือน ลดลง 3.9% หลังตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญกว่า 1.07 หมื่นลบ.
ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2558 จำนวน 9,057 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,022 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.7 จากไตรมาส 2 ปี 2558 และลดลง 518 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.4 จากไตรมาสเดียวกันปี 2557 สำหรับ 9 เดือนแรกปี 2558 ธนาคารมีกำไรสุทธิจานวน 26,499 ล้านบาท ลดลง 1,070 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.9 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปี 2557
รายงานข่าวจากธนาคารกรุงเทพ (BBL) ระบุว่า ในไตรมาส 3 ปี 2558 เศรษฐกิจไทยขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเร่งตัวของการลงทุนและการใช้จ่ายของภาครัฐ และภาคการท่องเที่ยวที่ยังคงขยายตัวได้ดี อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังคงได้รับผลกระทบทั้งจากปัญหาการชะลอลงของประเทศคู่ค้าที่สาคัญ โดยเฉพาะจีน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับลดลง รวมถึงปัญหาภัยแล้ง ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ ส่งผลให้การใช้จ่ายและการลงทุนชะลอออกไปจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ฟื้นตัว ส่งผลให้เงินให้สินเชื่อของธนาคาร ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 มีจำนวน 1,809,886 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20,270 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.1 จากสิ้นเดือนมิถุนายน 2558 และสินเชื่อด้อยคุณภาพมีจำนวน 58,112 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อที่ร้อยละ 2.8 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.5 ในไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงเน้นการบริหารความเสี่ยงด้านคุณภาพสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ด้วยการให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือลูกค้าอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
ธนาคารยังคงยึดหลักความระมัดระวังโดยมีการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายหนี้สูญ และหนี้สงสัยจะสูญอย่างสม่ำเสมอ สำหรับงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 ธนาคารมีค่าใช้จ่ายหนี้สูญ และหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 10,773 ล้านบาท ทำให้อัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพคิดเป็นร้อยละ 172.5 และอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ร้อยละ 5.5
ด้านสภาพคล่อง ธนาคารมุ่งเน้นความสำคัญในด้านการบริหารสภาพคล่องให้เพียงพอควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนให้เหมาะสม ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 ธนาคารมีเงินรับฝากจานวน 2,068,240 ล้านบาท ลดลง 59,862 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 2.8 จากสิ้นไตรมาส 2 ปีนี้ ส่งผลให้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 84.1 ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 เป็นร้อยละ 87.5
ผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2558 ธนาคารมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนโดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 14,441 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,223 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.3 และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.14 ส่วนใหญ่เป็นผลจากเงินรับฝากประจำที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงครบกำหนดจึงทำให้ต้นทุนเงินรับฝากลดลง รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 12,299 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 972 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.6 ส่วนใหญ่จากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิและกาไรจากการจาหน่ายสินทรัพย์ ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานมีจำนวน 10,948 ล้านบาท ลดลง 641 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.5 และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำาเนินงานลดลงเป็นร้อยละ 40.9
ด้านเงินกองทุน ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเพื่อรองรับการดาเนินธุรกิจภายใต้ภาวะปกติและภาวะวิกฤต โดยหากนับรวมกาไรสุทธิของไตรมาส 3 ปี 2558 เข้าเป็นเงินกองทุน อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยจะอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 18.6 ร้อยละ 16.6 และร้อยละ 16.6 ตามลาดับ
ส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 30 กันยายน 2558 มีจานวน 355,048 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12.6 ของสินทรัพย์รวม และมูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 186.00 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 16.53 บาท จากสิ้นปี 2557