- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Monday, 19 October 2015 22:36
- Hits: 4868
ไทยพาณิชย์ ประกาศผลกำไรไตรมาสที่ 3/2558 จำนวน 9 พันล้านบาท ผลกำไรลดลงเนื่องมาจากการตั้งสำรองที่เพิ่มสูงขึ้น
ธนาคารไทยพาณิชย์ประกาศผลกำไร (ก่อนสอบทาน) ประจำไตรมาสที่ 3/2558 จำนวน 9,018 ล้านบาท ลดลงประมาณ 32% จากไตรมาสที่ 3/2557 ซึ่งกำไรที่ลดลงนี้เป็นผลมาจากการการตั้งสำรองที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพื่อรองรับผลกระทบจากลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่จำนวน 2 ราย (บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI และ บริษัทลูกในประเทศอังกฤษซึ่งอยู่ระหว่างการพิทักษ์ทรัพย์ คือบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ประเทศอังกฤษ หรือ SSI UK) ซึ่งถูกจัดชั้นเป็นสินเชื่อด้อยคุณภาพในไตรมาสที่ 3/2558 รวมถึงรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลงจากการปรับรายการดอกเบี้ยค้างรับที่รับรู้เป็นรายได้แล้วจากลูกค้าทั้งสองรายดังกล่าว ทั้งนี้ ผลกำไรที่ลดลงในครั้งนี้ได้รับการทดแทนด้วยกำไรจำนวนมากจากการขายหุ้นสามัญในพอร์ตการลงทุนของธนาคารฯ ซึ่งหากไม่คิดรวมผลกระทบจาก SSI และ SSI-UK ธนาคารฯ จะมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) ในระดับเดียวกันกับในปีที่ผ่านมา ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) มีอัตราการเพิ่มขึ้นปานกลาง
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวถึงผลประกอบการในไตรมาสนี้ว่า “ผลกำไรที่ลดลงในครั้งนี้เกิดจากการที่ธนาคารฯ ดำเนินการตั้งสำรองเต็มจำนวนเพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์ของ SSI ซึ่งธนาคารฯ เห็นว่าเป็นหลักการที่รอบคอบและระมัดระวังอย่างดีที่สุดเมื่อคำนึงถึงสถานะของ SSI และ SSI-UK ทั้งนี้ ภาวะความผันผวนอย่างรุนแรงของอุตสาหกรรมเหล็กโลกในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเป็นเรื่องที่เกินการคาดหมาย ในขณะที่ SSI เข้าซื้อกิจการโรงถลุงเหล็กประเทศอังกฤษในปี 2554 อย่างไรก็ตาม สำหรับในอนาคตนั้น คณะกรรมการและผู้บริหารของธนาคารฯ มีความเชื่อมั่นว่าโครงการการปรับปรุงเพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้าที่ธนาคารฯ กำลังดำเนินการอยู่เพื่อยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจพื้นฐานของธนาคารฯ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับความสามารถในการทำกำไรในอนาคตได้ดียิ่งขึ้นและสร้างความยั่งยืนให้กับธนาคารต่อไป”
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ลดลง 3.7% ในไตรมาสนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว รายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลงมีสาเหตุหลักมาจากการปรับรายการดอกเบี้ยค้างรับที่รับรู้เป็นรายได้แล้วของ SSI และ SSI-UK และจากรายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อระหว่างธนาคารและตลาดเงินที่ลดลง รายได้ที่ลดลงในครั้งนี้บางส่วนได้รับการชดเชยด้วยรายจ่ายดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลง ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของตลาดและกลยุทธ์ของธนาคารฯ ในการลดค่าใช้จ่ายทางด้านเงินฝากเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นๆ หากไม่คิดรวมผลกระทบจาก SSI และ SSI-UK ธนาคารฯ จะมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิในระดับเดียวกับในปีที่ผ่านมา
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 75.3% ในไตรมาสนี้ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา เหตุผลหลักเนื่องมาจากการรับรู้รายได้จากการขายหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงมาก เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ ธนาคารฯ ได้ขายหุ้นสามัญจากพอร์ตการลงทุนของธนาคารฯ ออกไป และรับรู้เป็นกำไรจำนวน 7,700 ล้านบาท หากไม่รวมกำไรจำนวนนี้ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาสนี้จะเพิ่มขึ้นโดยพอประมาณที่ 5.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ในช่วงก่อนหน้าของปีนี้ ธนาคารฯ ได้มีการทบทวนปรับอัตราการกันสำรองหนี้สงสัยจะสูญสำหรับครึ่งปีหลังของปี 2558 ไว้ที่ประมาณ 100-110 bps (หรือประมาณ 1-1.1%) ของยอดสินเชื่อคงค้างทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการคาดการณ์ถึงเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ชะลอตัวท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอน ซึ่งอาจทำให้สินเชื่อด้อยคุณภาพใหม่เกิดขึ้นสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสนี้ หลังจากการปิดตัวลงของ SSI-UK และต้องอยู่ภายใต้คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์นั้น ทำให้ SSI-UK กลายเป็นสินเชื่อด้อยคุณภาพ และหลักทรัพย์ค้ำประกันถูกกำหนดมูลค่าเป็นศูนย์ด้วย ซึ่งการผิดนัดชำระ หนี้ดังกล่าว ได้ส่งผลต่อ SSI ให้ต้องร่วมรับผิดชอบการชำระหนี้ และทำให้มูลค่าของหลักประกันลดลง ธนาคารฯ จึงตัดสินใจที่จะตั้งสำรองเพิ่มเติมอย่างมีนัยสำคัญเป็นจำนวน 1.1 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับกรณีของ SSI และ SSI-UK ไว้ทั้งหมด ซึ่งเป็นจำนวนเพิ่มเติมจากเงินสำรองปกติจำนวน 5 พันล้านบาทที่ตั้งเอาไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้ไตรมาสนี้ ธนาคารฯ มีจำนวนเงินสำรองเพิ่มเป็น 1.6 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 400% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3/2557 จำนวน 3,222 ล้านบาท
ผลจากการที่ SSI และ SSI-UK ได้รับการจัดเป็นหนี้ด้อยคุณภาพนั้น ทำให้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารฯ เพิ่มขึ้นเป็น 3.02% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 จากเดิม 2.11% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 และ 2.22% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 และเนื่องจากสินเชื่อของ SSI-UK ได้รับการตั้งสำรองเอาไว้ทั้งหมดโดยกำหนดมูลค่าหลักประกันเป็นศูนย์ ธนาคารฯ จึงทำการจำหน่ายหนี้สูญลูกหนี้รายนี้ ณ สิ้นเดือนกันยายน พร้อมกันนี้ ระดับสำรองเพื่อการรองรับหนี้ด้อยคุณภาพโดยไม่รวมหลักทรัพย์ค้ำประกันลดลง จาก 140.4% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 และ 134.8% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 มาเป็น 100.8% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558
นายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “แม้ว่าผลประกอบการไตรมาสที่ 3 จะลดลง แต่คณะผู้บริหารและพนักงานก็ยังมีความมุ่งมั่นที่จะนำพาธนาคารฯ ให้สร้างผลประกอบการที่แข็งแกร่งได้ต่อไปในอนาคต ซึ่งจะบรรลุผลได้จากความแข็งแกร่งของธนาคารฯ ทางด้านธุรกิจพื้นฐานที่ดำเนินงานในปัจจุบันและการผลักดันการเติบโตของธุรกิจในอนาคตจากการขับเคลื่อนธุรกิจแนวใหม่ที่กำลังริเริ่มอยู่ ณ ขณะนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ธนาคารฯ มีความเชื่อมั่นว่าสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่เหลืออยู่ในปัจจุบันยังคงมีพื้นฐานที่ดี และเราหวังว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนผู้ถือหุ้นได้ตามเป้าหมายในอนาคตโดยการสร้างผลงานที่ดีเยี่ยมในทุกกลุ่มลูกค้าด้วยความสามารถของพนักงานที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างแท้จริง”
SCB Announces 3rd Quarter Net Profit of Baht 9 Billion The large drop in profit as a result of substantial additional provisions
Bangkok: Siam Commercial Bank PCL reported (unreviewed) consolidated net profit of Baht 9,018 million for the third quarter of 2015 – a 32.0% decrease year-on-year. This year-on-year drop in net profit was attributed by the Bank to the substantially higher additional provisions required for two large corporate customers (Sahaviriya Steel Industries PCL (SSI) and its UK subsidiary that is currently in receivership (SSI-UK)) who were classified as NPLs in the third quarter of 2015, as well as the lower net interest income from the reversal of accrued interest income for these two customers. This drop in profitability was partially offset by the large gains from the sales of investments from the Bank’s equity portfolio. Excluding the impact from SSI and SSI-UK, net interest income (NII) was relatively flat year-on-year while the non-NII increased at a moderate rate.
Commenting on the results, Arthid Nanthawithaya, Deputy Chairman of the Executive Committee and CEO of the Bank, noted that “the sharp decrease in net profits was disappointing but we believe that it is prudent for us to provide for the changed economic circumstances of SSI on a very conservative basis and then move on. The unprecedented scale and depth of the sharp global downturn in the steel industry would have been difficult to anticipate at the time SSI acquired its UK based steel plant. Looking ahead, the Board firmly believes that the current new initiatives that are underway to transform our Bank’s franchise will reinvigorate our future profitability and demonstrate the sustainability of our economic returns. To this end, the management and I are firmly pledged.
Net interest income decreased by 3.7%, year-on-year, in the current quarter. This decrease in interest income was mainly from the reversal of accrued interest income for SSI and SSI-UK as well as the lower interest income from the interbank and money market loans. This decline in income was partly offset by lower interest expenses on deposits, consistent with both the market trend and the Bank’s strategy to proactively reduce its cost of deposits relative to its peer group. Excluding the impact from SSI above, the net interest income would have been flat year-on-year.
Non-interest income increased by 75.3%, year-on-year, in the current quarter, mainly due to the large investment gains. To mitigate the impact of the substantial additional provisions made in the current quarter, the Bank recorded net investment gain of Baht 7,700 million from sales of equities in its investment portfolio. Excluding these large gains from the sale of equity investments, non-interest income would have increased modestly by 5.1%, year-on-year, in the current quarter.
Earlier this year, the Bank revised upwards its loan loss provisioning guidance for the second half of 2015 at between 100-110 bps of total loans outstanding, mainly on the expectation that a slowing Thai economy amid global economic volatility was likely to lead to higher than anticipated new NPLs. However, in the quarter following the abrupt closure of SSI-UK’s steel plant and the consequent appointment of an official receiver, not only did this large subsidiary of SSI turn NPL but, in addition, the value of its collateral was marked down to zero. Also, as a consequence default was called on SSI and the value of its collateral reduced. Given this deterioration, the Bank decided to set aside substantial additional provisions of Baht 11 billion to cover both SSI and SSI-UK, over and above the normal loan provision of Baht 5 Billion previously guided for the current quarter. As a result, total provisions set aside in this quarter rose to Baht 16 billion compared to Baht 3.222 billion in the third quarter of 2014, an increase of almost 400%.
As a result of the SSI being classed as an NPL, the ratio of NPL-to-loans rose to 3.02% at the end of September 2015, from 2.11% at the end of September 2014, and 2.22% at the end of June 2015. As loans to SSI-UK subsidiary has been fully provided assuming no collateral value, the Bank wrote-off this loan at the end of September. Concurrently, the coverage level for NPLs, excluding collateral, decreased from 140.4% at the end of September 2014, and 134.8% at the end of June 2015 to 100.8% at the end of September 2015.
The Bank’s president, Yol Phokasub, adds that “while the third quarter financial results were a clearly set-back, our management and employees remain determined to demonstrate that the Bank will continue to deliver strong competitive performance in the quarters ahead. This will be accomplished by both the health of the Bank’s existing franchise and by the medium-term boost from the new transformative growth initiatives. Further, the Bank is confident that the remaining large loans in its corporate segment remain fundamentally sound. As a result we expect to achieve to the stated return on equity targets in future through delivering a superior value proposition in all customer segments from the efforts of our deeply engaged employees.”
สื่อสารองค์กร ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน)
ดวงพร หุตะเสวี (แก้ว) โทร. 02-544-4503 Email: [email protected]
กุณฑลี โพธิ์แก้ว (ผึ้ง) โทร. 02-544-4501 , 086-1308560 Email: [email protected]