- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Tuesday, 21 July 2015 23:03
- Hits: 4147
กรุงศรีรายงานผลกำไรสุทธิ 8.8 พันล้านบาท สำหรับครึ่งแรกของปี 2558 เพิ่มขึ้น 29.1% จากครึ่งแรกของปี 2557
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) ในเครือมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) วันนี้ได้รายงานผลกำไรสุทธิสำหรับครึ่งแรกของปี 2558 จำนวน 8.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.1% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2557 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของกำไรสุทธิจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ อันเป็นผลมาจากการขยายตัวของเงินให้สินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ
สำหรับไตรมาส 2 ของปีนี้ กรุงศรีมีกำไรสุทธิ 4.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.9% จากไตรมาส 2/2557 และเพิ่มขึ้น 0.7% จากไตรมาส 1/2558
สรุปผลประกอบการ (ตามงบการเงินรวม) และฐานะการเงินที่สำคัญ สำหรับไตรมาส 2/2558
· การเติบโตของเงินให้สินเชื่อ: เพิ่มขึ้น 22.9% หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 232 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 และเพิ่มขึ้น 0.8% หรือจำนวน 10.1 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558
· การเติบโตของเงินรับฝาก: เพิ่มขึ้น 20.3% หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 170 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 แต่ลดลง 0.3% หรือจำนวน 3.2 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558
· กำไรสุทธิ: เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.4 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.7% จากไตรมาส 1/2558 และเพิ่มขึ้น 25.9% จากไตรมาส 2/2557
· ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM): อยู่ที่ 4.23% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558
· รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ: ลดลง 1.8% จากไตรมาส 1/2558 แต่เพิ่มขึ้น 17.4% จากไตรมาส 2/2557
· อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้: อยู่ที่ 47.1% ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 46.3% ในไตรมาส 1/2558
· สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้: อยู่ที่ 2.35% ต่อเงินให้สินเชื่อรวม เมื่อเทียบกับ 2.36% ในไตรมาส 1/2558
· อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้: อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 142%
· อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง: อยู่ที่ 13.8% เมื่อเทียบกับ 14.7% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 สินเชื่อขยายตัว 22.9% โดยมียอดรวมอยู่ที่ 1.245 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 232 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 ทั้งนี้ สินเชื่อเพื่อรายย่อยเพิ่มขึ้น 2.0% จากความต้องการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ขณะที่สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น 79.5% ปัจจัยหลักเป็นผลจากสินเชื่อธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด (BTMU) สาขากรุงเทพฯ ที่โอนมายังกรุงศรีในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ขณะที่สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) หดตัว 5.6% สะท้อนกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอลง
เงินรับฝากมีจำนวนทั้งสิ้น 1.007 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 170 พันล้านบาท หรือ 20.3% จากเดือนธันวาคม 2557 การเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลจากการรับโอนเงินฝากจาก BTMU สาขากรุงเทพฯ และความสำเร็จในการระดมเงินฝากผ่าน “เงินฝากประจำ Step up 8 เดือน” และความสำเร็จในผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์ “กรุงศรีมีแต่ได้” และ “ออมทรัพย์จัดให้” ทั้งนี้ สัดส่วนของเงินรับฝากประเภทออมทรัพย์และจ่ายเงินคืนเมื่อทวงถามต่อสัดส่วนเงินรับฝากทั้งหมดอยู่ที่ 52.7% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 4.23% เทียบกับ 4.21% ในไตรมาสก่อนหน้า และ 4.32% ในปี 2557 ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่ปรับลดลง ปัจจัยหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของขนาดสินทรัพย์เฉลี่ยสำหรับครึ่งแรกของปี 2558
การบริหารพอร์ตสินเชื่อด้วยความรอบคอบระมัดระวังส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับที่ดี โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งหมดลดลงมาอยู่ที่ 2.35% เมื่อเทียบกับ 2.36% ในไตรมาส 1/2558
นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แม้ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมการดำเนินธุรกิจที่ชะลอตัว ผลการดำเนินงานในครึ่งแรกของปี 2558 ของกรุงศรี สะท้อนขีดความสามารถในการแข่งขันของธนาคาร โดยปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและพลังทางธุรกิจอันเป็นผลจากการผสานความร่วมมือ จากการรับโอนธุรกิจจาก BTMU สาขากรุงเทพฯ ในช่วงต้นปี 2558”
นายโกโตะ ให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจโดยรวมของธนาคารว่า “จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในช่วงครึ่งแรกของปี กอปรกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอกประเทศในช่วงที่เหลือของปี 2558 ส่งผลให้ธนาคารปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2558 มาอยู่ที่ 2.7-3.2% จากเดิมที่ประมาณการที่ 3.3-3.8% ในช่วงต้นปี อย่างไรก็ดี การเร่งลงทุนของภาครัฐ นโยบายการเงินที่ยังคงผ่อนคลาย และภาคการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง น่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้นภายใต้การปรับปรุงสมมติฐานการขยายตัวของเศรษฐกิจดังกล่าว ธนาคารจึงได้ปรับเป้าการเติบโตสินเชื่อสำหรับปี 2558 จาก 7-9% มาอยู่ที่ 4-6% (ไม่รวมผลจากสินเชื่อที่ได้รับโอนจาก BTMU สาขากรุงเทพฯ)”
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 กรุงศรีซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่ใหญ่เป็นอันดับห้าในไทยมีสินเชื่อรวม 1.2 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.0 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 1.6 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ 167 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 13.8% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น 12.03%
เกี่ยวกับกรุงศรี
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) เป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของไทยด้านสินทรัพย์ สินเชื่อ และเงินฝาก และดำเนินธุรกิจมานานกว่า 70 ปี กรุงศรีเป็นบริษัทในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) กลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก กลุ่มกรุงศรีให้บริการทางการเงินการธนาคารอย่างครบวงจร ทั้งในด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค การลงทุน การบริหารจัดการกองทุน รวมทั้งผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอันหลากหลายแก่กลุ่มลูกค้าบุคคล ลูกค้า SME และลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ผ่านสาขาของธนาคารกว่า 657 สาขา (เป็นสาขาที่ให้บริการทางการเงินในรูปแบบปกติ 620 สาขาและสาขาที่ให้บริการเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 37 สาขา) และช่องทางการขายกว่า 23,000 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ กรุงศรียังเป็นผู้ออกบัตรเครดิตรายใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยมีจำนวนบัญชีบัตรเครดิตและสินเชื่อเพื่อการผ่อนชำระ/สินเชื่อส่วนบุคคลมากกว่า 6.4 ล้านบัญชี และเป็นผู้ให้บริการด้านสินเชื่อรถยนต์ชั้นนำ (กรุงศรี ออโต้) พร้อมทั้งมีบริษัทบริหารจัดการกองทุนที่มีอัตราเติบโตสูงที่สุดแห่งหนึ่ง (บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี จำกัด) ทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้มีรายได้น้อย (บริษัท ซีเอฟจี เซอร์วิส จำกัด ภายใต้แบรนด์ “เงินติดล้อ”) อีกด้วย
กรุงศรี มีพันธสัญญาในการดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างสูงสุด ธนาคารและบริษัทในเครือได้ผ่านการรับรองการเป็นสมาชิกอย่างสมบูรณ์ของ “แนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต” โดยมุ่งร่วมมือกับองค์กรชั้นนำในไทยและผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียของธนาคาร เพื่อให้การดำเนินธุรกิจปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่น
เกี่ยวกับ MUFG (มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป)
มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) เป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันทางการเงินชั้นนำระดับโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงโตเกียว ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานในการดำเนินธุรกิจกว่า 350 ปี MUFG มีเครือข่ายสำนักงาน 1,100 แห่งในกว่า 40 ประเทศทั่วโลก และมีพนักงานกว่า 140,000 คน ซึ่งนำเสนอบริการที่หลากหลายครอบคลุมทั้งธนาคารพาณิชย์ ทรัสต์ แบงก์กิ้ง ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อย ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธุรกิจเช่าซื้อ ซึ่งรวมทั้งธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ, มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ทรัสต์ แอนด์ แบงก์กิ้ง คอร์เปอเรชั่น (ทรัสต์แบงก์ชั้นนำของญี่ปุ่น) และมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ซิเคียวริตี้ โฮลดิ้ง หนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น MUFG มีเป้าหมายที่จะเป็น “กลุ่มสถาบันทางการเงินที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดของโลก” ตอบสนองทุกความต้องการทางการเงินของลูกค้า เป็นส่วนหนึ่งของสังคม และสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน MUFG จดทะเบียนซื้อขายในตลาด หลักทรัพย์โตเกียว ตลาดหลักทรัพย์นาโกยา และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ ฝ่ายประชาสัมพันธ์
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์: 02 296 2443-4
อีเมล์: [email protected]