- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Saturday, 18 July 2015 12:49
- Hits: 5137
CIMBT ลดเป้าสินเชื่อรายย่อยปีนี้เหลือโตไม่ถึง 10% จากเดิมคาด 15-20%
นายอดิศร เสริมวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT)เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับลดเป้าการเติบโตของสินเชื่อรายย่อยในปีนี้ลงเหลือเติบโตไม่ถึง 10% หรือคิดเป็นเม็ดเงิน 1.8 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะเติบโตได้ 15-20% เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศไทยยังมีการชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันสถานการณ์ภัยแล้ง และราคาสินค้าเกษตรที่ยังตกต่ำกระทบต่อยอดการบริโภค รวมถึงการใช้จ่ายของประชาชน
ปัจจุบัน ธนาคารมียอดสินเชื่อรายย่อยคงค้างอยู่ที่ 7 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่า ณ สิ้นปียอดสินเชื่อคงค้างจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 8 หมื่นล้านบาท ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ของสินเชื่อรายย่อยปัจจุบันอยู่ที่ 2.3-2.4% และคาดว่า ณ สิ้นปีจะอยู่ที่ระดับดังกล่าว โดยเชื่อว่าครึ่งปีหลัง NPL จะทรงตัว เนื่องจากลูกค้าใหม่ที่เข้ามาขอสินเชื่อกับทางธนาคารเป็นลูกค้าที่มีคุณภาพ และมีความสามารถในการผ่อนชำระได้ตรงตามเวลาที่กำหนด
อย่างไรก็ตาม ธนาคารได้มีความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อนำเสนอบริการใหม่ ๆ ต่อลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดธนาคารจับมือกับ บริษัท ไทยสมาร์ทคาร์ด ออกบัตรร่วมรวม ATM กับสมาร์ทเพิร์สในบัตรเดียว โดยธนาคารตั้งเป้าหมายที่จะมีผู้ใช้บริการบัครดังกล่าวในปีแรกนี้ 60,000-100,000 ใบ ซึ่งเป็นลูกค้าเก่าเปลี่ยนมาใช้บัตรใหม่ 20-30% และเป็นลูกค้าใหม่ 70-80%
นายอดิศร กล่าวว่า บัตร ATM ซีไอเอ็มบี ไทย สมาร์ทพอยต์ อีกหนึ่งนวัตกรรม cashless หรือการลดการพกพาเงินสด ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายอีกขั้นให้ลูกค้าในการจับจ่ายใช้สอยประจำวันผ่าน 7-Eleven ด้วยข้อดีของการเป็นบัตรใบแรกและบัตรใบเดียวในขณะนี้ ที่สามารถเติมเงินเข้ากระเป๋า Smart Purse ได้ที่ตู้ ATM และ Internet Banking ซึ่งสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น จากปกติที่ลูกค้าต้องเติมเงินด้วยเงินสดที่ 7-Eleven เท่านั้น
“นอกจากลูกค้าจะจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องพกเงินสด ต่อไปนี้ยังสามารถทำธุรกรรมเติมเงินจากที่ไหน และเมื่อไหร่ก็ได้ นับเป็นก้าวสำคัญของการต่อยอดนวัตกรรมด้านอื่นๆ อาทิ การขยายบริการด้านการโอนเงิน และสินเชื่อบุคคล เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าของบัตร Smart Purse ที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น และมีการใช้จ่ายผ่านบัตรอย่างแพร่หลายในเวลาอันรวดเร็ว" นายอดิศร กล่าว
ทั้งนี้ CIMBT ยังเปิดตัวบัญชีออมทรัพย์ ซีไอเอ็มบี ไทย สมาร์ทพอยต์ ซึ่งเป็นบัญชี e-Savings คู่กับ บัตร ATM ซีไอเอ็มบี ไทย สมาร์ทพอยต์ พร้อมกับโปรโมชั่นช่วงเปิดตัว สมัครใช้บริการวันนี้ ได้แต้มสะสม 3,000 พอยต์เข้าบัญชีทันที วันนี้ – 30 กันยายน 2558 พิเศษอีกขั้น เติมเงินเข้ากระเป๋าสมาร์ทเพิร์ส 500 บาทจะได้รับเงินคืน 10 บาท ต่อเดือน/บัญชี โดยเงิน Cash back จะกลับเข้าสู่บัญชีออมทรัพย์ ซีไอเอ็มบี ไทย สมาร์ทพอยต์
ขณะเดียวกัน บัตร ATM ซีไอเอ็มบี ไทย สมาร์ทพอยต์ จะช่วยเพิ่มความคุ้มค่าในการจับจ่ายใช้สอยด้วยคุณสมบัติของบัตรสมาร์ทเพิร์ส ซึ่งปกติ ทุกๆ การใช้จ่าย 10 บาท ที่ 7-Eleven รับแต้มสะสม 5 พอยต์ นอกจากนี้ ทุกๆ 1 บิลของการชำระค่าบริการที่ Counter Service รับแต้มสะสม 5 พอยต์ ซึ่งแต้มสะสมดังกล่าว ทุกๆ 50 พอยต์มีมูลค่า 1 บาท ใช้แทนเงินสด และแลกของพรีเมี่ยม ที่ 7-Eleven ได้อีกด้วย
อนึ่ง บัตร ATM ซีไอเอ็มบี ไทย สมาร์ทพอยต์ สามารถฝาก-ถอนเงินสดจากตู้ ATM ได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียมถอนเงินสดจากตู้ ATM ข้ามเขต สำหรับบัญชี ซีไอเอ็มบี ไทย สมาร์ทพอยต์ เป็นบัญชี e-Savings ไม่ต้องมีสมุดคู่ฝาก เพียงแค่มี email สำหรับรับ e-Statement สามารถดู statement ได้ง่ายผ่าน Clicks และ internet banking รับดอกเบี้ยเท่าออมทรัพย์ และรับดอกเบี้ยเข้าบัญชีทุกเดือน ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 190 บาท (ราคาเท่ากับบัตร 7-Eleven ที่ขายอยู่ในปัจจุบัน) ค่าธรรมเนียมรายปีๆละ 200 บาท พิเศษ โปรโมชั่นช่วงเปิดตัว ชำระค่าธรรมเนียมรายปีๆแรก 100 บาท (ลด 50% จากราคาปกติ 200 บาท)
ด้านนายเฉลิมชัย ฉัตรชัยกนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานธุรกิจและปฏิบัติการ บริษัทไทย สมาร์ท คาร์ด จำกัด เปิดเผยว่า ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตร สมาร์ทเพิร์ส(Smart Purse)ในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ อยู่ที่ 8 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคในต่างจังหวัดชะลอตัว เป็นผลมาจากรายได้เกษตรกรที่ลดลงและปัญหาภัยแล้ง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการการเร่งโปรโมชั่นและแคมเปญพิเศษเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรสมาร์ทเพิร์ส เชื่อว่าจะทำให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรในปีนี้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 1.8 หมื่นล้านบาท แต่ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 2 หมื่นล้านบาท โดยการใช้จ่ายผ่านบัตรสมาร์ทเพิร์สในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven คิดเป็น 10% ของยอดขายทั้งหมด ดังนั้นจึงเชื่อว่ายังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก
อินโฟเควสท์