- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Monday, 23 February 2015 22:03
- Hits: 2497
‘ซูเปอร์บอร์ด’ปิดช่องนักการเมืองแสวงผลประโยชน์ จี้ควบ SME BANK-ออมสิน
แนวหน้า : รมว.คลัง ยัน 'ซูเปอร์บอร์ด' มีสิทธิ์ควบรวม'เอสเอ็มอีแบงก์'กับธนาคารออมสิน แต่ยังไม่ถึงเวลาตอนนี้ รอผู้บริหารพิสูจน์ผลงาน ส่วนการแยก'สคร.' เป็นองค์กรอิสระ เหมือน 'แบงก์ชาติ'ต้องระดมความเห็นจากทุกฝ่ายก่อน
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุม คณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือ ซูเปอร์บอร์ด เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการหารือเรื่องการยุบ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ไปรวมกับ ธนาคารออมสิน เพื่อเป็นการประหยัดเงินงบประมาณในการเข้าไปช่วยเหลือชดเชยความเสียหาย และเป็นการปิดช่องไม่ให้นักการเมืองใช้หาผลประโยชน์จนเป็นภาระของประเทศจำนวนมาก เพราะมีหนี้เสีย(เอ็นพีแอล)เกิดขึ้นกว่า 3 หมื่นล้านบาท คิดเป็นประมาณ 40-50% ของสินเชื่อทั้งหมด โดยกระทำผิดทั้งผู้บริหาร เจ้าหน้าที่รวมถึงลูกค้าของธนาคารมาเกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ กรรมการในซูเปอร์บอร์ดบางรายเสนอให้ยุบเอสเอ็มอีแบงก์อย่างรวดเร็ว เนื่องจากการฟื้นฟูธนาคารที่ผ่านมาทำได้ดี มีการแยกหนี้ดีหนี้เสียออกจากกันอย่างชัดเจน และหนี้เสียเอ็นพีแอลก็มีการแบ่งคุณภาพเป็นกลุ่ม ทำให้การควบรวมกับธนาคารออมสินทำได้ง่ายว่าจะนำทรัพย์สินส่วนไหนไปบ้าง
“การทำงานของ คณะกรรมการและผู้บริหารชุดนี้ ทำงานได้ดีมาก แต่ซูเปอร์บอร์ดกลัวว่า หลังจากมีรัฐบาลปัญหาจะเหมือนเดิม คือ นักการเมืองเข้าแทรกแซง ส่งคนเข้ามาเป็นกรรมการและผู้บริหารหาผลประโยชน์ ดังนั้น จึงควรยุบรวมเอสเอ็มอีแบงก์กับธนาคารออมสินในทันทีภายในรัฐบาลชุดนี้ เพราะหากรัฐบาลชุดนี้ไม่ทำก็คงไม่มีรัฐบาลไหนทำ” แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า ประเด็นนี้ นายสุพจน์ อาวาส กรรมการผู้จัดการเอสเอ็มอีแบงก์ ได้พูดเสียงตามสายกับผู้บริหาร และพนักงานของแบงก์ทุกเช้าบ่อยครั้งว่า ให้ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันฟื้นฟูฐานะของแบงก์ให้สำเร็จ เพราะไม่เช่นนั้นเอสเอ็มอีแบงก์จะถูกควบรวมกับธนาคารออมสิน จนผู้บริหารกระทรวงการคลังได้กล่าวเตือนนายสุพจน์ ยังไม่ให้เปิดเผยเรื่องนี้ เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาอาจจะกระทบกับฐานะของธนาคารทำให้ไม่มีผู้ฝากเงิน และขาดสภาพคล่องได้
นอกจากนี้ นายสุพจน์ ยังได้เดินสายหารือกับผู้บริหารกระทรวงการคลังรวมถึงคณะกรรมการซูเปอร์บอร์ดบางรายขอให้ผู้บริหารและพนักงานได้พิสูจน์ฝีมือการทำงานอีก 1 ปี หลังจากนั้นค่อยมาประเมินอีกครั้งว่าควรจะยุบเอสเอ็มอีแบงก์เข้ากับธนาคารออมสินหรือไม่ รวมถึงขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอนุมัติเงินเพิ่มทุนให้ธนาคาร 2,000 ล้านบาท เพราะตอนนี้พนักงานกังวลว่าที่ยังไม่ได้เงินเพิ่มทุนเป็นเพราะรัฐบาลจะยุบเอสเอ็มอีแบงก์กับธนาคารออมสิน
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมซูเปอร์บอร์ดยังจะมีการพิจารณาแยก สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เป็นองค์กรอิสระกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ เหมือนกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำกับดูแลสถาบันการเงิน
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวว่า ซูเปอร์บอร์ดมีสิทธิ์ที่จะควบรวมเอสเอ็มอีแบงก์กับธนาคารออมสินได้ แต่ยังไม่ควรควบรวมตอนนี้ ควรให้เวลาพิสูจน์ฝีมือก่อน เนื่องจากมองว่านางสาลินี วังตาล ประธานคณะกรรมการเอสเอ็มอีแบงก์ทำงานได้ดี และกระทรวงการคลังจะเร่งอนุมัติเงินเพิ่มทุน 2,000 ล้านบาท ให้กับเอสเอ็มอีแบงก์เพื่อใช้ดำเนินการขยายสินเชื่อ
ส่วนแนวคิดการแยก สคร. จาก กระทรวงการคลัง ให้เป็นองค์กรอิสระเป็นข้อเสนอที่มีขึ้นมา ก็ต้องให้ทุกฝ่ายมาหารือระดมความเห็นว่าจะมีข้อดีข้อเสียอย่างไร
ซูเปอร์บอร์ด เอาแน่จับธพว.ควบออมสินสุพจน์ท้าพิสูจน์ 1 ปี
ไทยโพสต์ * ซูเปอร์บอร์ดปิ๊งไอเดียวจับเอสเอ็มอีแบงก์ควบรวมออมสิน หวังลดภาระงบประมาณดูแลความเสียหาย เสนอจัดการให้จบภายในรัฐบาลนี้ ชี้ปล่อยยาวหวั่นนักการเมืองเข้าแทรกแซงเหมือนเดิม
แหล่งข่าวกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรม การนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด ที่ผ่านมาได้มีการหารือเรื่องการยุบธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ รวมกับธนา คารออมสิน เพื่อเป็นการประหยัดเงินงบประมาณในการเข้าไปอุ้ม ความเสียหาย และเป็นการปิด ช่องไม่ให้นักการเมืองใช้หาผล ประโยชน์จนเป็นภาระของประเทศ จำนวนมาก เพราะมีหนี้เสียเกิด ขึ้น 3-4 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 40-50% ของสินเชื่อทั้งหมด โดย มีกระทำผิดทั้งผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ รวมถึงลูกค้าของธนาคารเกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ กรรมการของซูเปอร์บอร์ดบางคนเสนอให้ยุบเอสเอ็มอีแบงก์อย่างรวดเร็ว เพราะการฟื้นฟูธนาคารที่ผ่านมาทำได้ดี มีการแยกหนี้ดีหนีเสียออกจากกันชัดเจน และหนี้เสียก็มีการแบ่งคุณภาพเป็นกลุ่ม ทำให้การควบรวมกับธนาคารออมสินทำได้ง่ายว่าจะนำทรัพย์สินส่วนไหนไปบ้าง
"การทำงานของคณะกรรม การและผู้บริหารชุดนี้ ทำงานได้ดีมาก แต่ซูเปอร์บอร์ดกลัวว่า หลังจากมีรัฐบาลใหม่ ปัญหาจะเหมือนเดิม คือนักการเมืองเข้าแทรกแซง ส่งคนเข้ามาเป็นกรรมการและผู้บริหารหาผลประโยชน์ ดังนั้นจึงควรยุบรวมเอสเอ็มอีแบงก์กับธนาคารออมสินในทันทีภายในรัฐบาลชุดนี้ เพราะหากรัฐบาลชุดนี้ไม่ทำก็คงไม่มีรัฐบาลไหนทำ" แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า นายสุพจน์ อาวาส กรรมการผู้จัดการเอสเอ็มอีแบงก์ ได้ประกาศเสียงตามสายกับผู้บริหารและพนักงานของธนาคารทุกเช้าบ่อยครั้งว่า ให้ทุกคนรวมแรงรวมใจกันฟื้นฟูฐานะของธนาคารให้สำเร็จ เพราะไม่เช่นนั้นเอสเอ็มอีแบงก์จะถูกควบรวมกับธนาคารออมสิน จนผู้บริหารกระทรวงการคลังได้กล่าวเตือนนายสุพจน์ ยังไม่ให้เปิดเผยเรื่องนี้ เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาอาจจะกระทบกับฐานะของธนาคาร ทำให้ไม่มีผู้ฝากเงินและขาดสภาพคล่องได้
นอกจากนี้ นายสุพจน์ยัง ได้เดินสายหารือกับผู้บริหารกระ ทรวงการคลัง รวมถึงคณะกรรม การซูปอร์บอร์ดบางรายขอให้ผู้บริหารและพนักงานได้พิสูจน์ฝีมือการทำงานอีก 1 ปี หลังจากนั้นค่อยมาประเมินอีกครั้งว่าควรจะยุบเอสเอ็มอีแบงก์เข้ากับธนาคารออมสินหรือไม่ รวมถึงขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอนุมัติเงินเพิ่มทุนให้ธนาคาร 2 พันล้านบาท เพราะตอนนี้พนักงานธนาคารกังวลว่าที่ยังไม่ได้เงินเพิ่มทุนเป็นเพราะรัฐ บาลจะยุบเอสเอ็มอีแบงก์กับธนา คารออมสิน.