- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Sunday, 15 February 2015 20:13
- Hits: 2361
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดแผนธุรกิจปี 2558 เจาะตลาดลูกค้ารายเซกเมนท์ประสานพลังพันธมิตรตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้ารายย่อย ใช้จุดแข็งเครือข่ายอาเซียนดึงดูดลูกค้าธุรกิจ พร้อมเสนอบริการแบบแพ็คเกจ
นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (Mr. Subhak Siwaraksa, President and CEO, CIMB Thai Bank PCL) กล่าวว่า ปี 2558 เป็นปีที่ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จะใช้ทรัพยากรด้านคน ระบบ ผลิตภัณฑ์และบริการ ผสานเข้ากับพันธมิตรทางธุรกิจ และเครือข่ายอาเซียน เข้าไปนำเสนอบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ลูกค้ารายกลุ่มอย่างเต็มศักยภาพ โดยมองว่าท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันอันดุเดือดของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ก็ยังมีช่องว่างที่ธนาคารจะสามารถเข้าไปเจาะตลาด โดยใช้กลยุทธ์การมุ่งตอบสนองความต้องการลูกค้าให้ตรงจุดมากที่สุด
สิ่งที่น่าจับตาในปีนี้คือ ธนาคารได้พันธมิตรสำคัญที่ช่วยขยายขอบเขตช่องทางให้บริการกลุ่มลูกค้ารายย่อยอย่างสร้างสรรค์ นั่นคือการจับมือกับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)หรือ เอไอเอส สร้างสรรค์ธนาคารรูปแบบใหม่บนมือถือ ภายใต้ชื่อ “Beat Banking” ซึ่งจะเข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวก-รวดเร็ว-เลือกได้ตามจังหวะชีวิตของลูกค้า โดย Beat Banking เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์แรกอย่างเป็นทางการเร็วๆนี้
“ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงเร็ว ยุคนี้ลูกค้าต้องการความเร็ว ต้องสะดวก และอยากเป็นผู้เลือกได้-กำหนดเองได้ บริการการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่โจทย์สำคัญคือทำอย่างไรลูกค้าจะหันมาทำธุรกรรมการเงินบนมือถือ สิ่งที่เรากำลังพยายามทำ คือ นำธนาคารไปไว้ในมือของลูกค้า โดยมุ่งเน้นความต้องการของลูกค้าเป็นหลักสำคัญแทนที่จะมองไปที่ผลิตภัณฑ์หรือบริการของธนาคาร” นายสุภัค กล่าว
นายสุภัค กล่าวว่า ปีนี้การแข่งขันในตลาดลูกค้ารายย่อยจะรุนแรงขึ้นแน่นอน ซึ่งธนาคารตั้งเป้าหมายธุรกิจลูกค้ารายย่อยปี 2558 โดยจะเน้นขยายฐานลูกค้ารายใหม่เข้ามาอีก 2 แสนราย เพื่อให้ฐานลูกค้าเพิ่มจาก 9 แสนราย เป็น 1.1 ล้านราย (เติบโต 22%) ด้านเงินฝากลูกค้ารายย่อยจะระดมเข้ามาใหม่ 2.2 หมื่นล้านบาท เพื่อให้ฐานเงินฝากรายย่อยเพิ่มจาก 1.2 แสนล้านบาท เป็น 1.42 แสนล้านบาท (เติบโต 20%) สินเชื่อมีหลักประกันจะปล่อยใหม่ 1.45 หมื่นล้านบาท เพื่อให้ฐานสินเชื่อเพิ่มจาก 6.56 หมื่นล้านบาท เป็น 8.25 หมื่นล้านบาท (เติบโต 20%) ในจำนวนนี้เป็นสินเชื่อบ้านที่จะปล่อยใหม่ 1.3 หมื่นล้านบาทเพื่อให้พอร์ตสินเชื่อบ้านเพิ่มจาก 4.7 หมื่นล้านบาท เป็น 5.6 หมื่นล้านบาท (เติบโต 20%) ขณะที่สินเชื่อบุคคลจะปล่อยกู้ใหม่ 1 หมื่นล้านบาท ทำให้พอร์ตสินเชื่อเพิ่มจาก 1.05 หมื่นล้านบาทเป็น 1.72 หมื่นล้านบาท (เติบโต 65%) แม้เป็นการเติบโตที่สูง แต่จะเติบโตในกลุ่มลูกค้าคุณภาพ
ขณะเดียวกัน ธุรกิจที่จะเป็นไฮไลต์ของธุรกิจรายย่อยในปีนี้คือ การขายกองทุน ตราสารหนี้ ตราสารอนุพันธ์และ Structured Notes ผ่านสาขาธนาคาร สืบเนื่องจากปีที่ผ่านมาธนาคารประสบความสำเร็จในการนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนและได้รับการตอบรับที่ดีมากสะท้อนถึงความไว้วางใจของลูกค้า โดยทำยอดขายได้สูงถึง 3 หมื่นล้านบาท จึงตั้งเป้าหมายทำยอดขายปีนี้อีก 6 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโตสูงถึง 100%
ขณะที่การขายประกันชีวิตผ่านสาขาธนาคารตั้งเป้าหมายเบี้ยปีแรกไว้ที่ 1.3 พันล้านบาทใกล้เคียงปีก่อน ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นคือประกันอื่นๆ (non-life) ซึ่งตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันที่ 123 ล้านบาท เติบโตเกือบเท่าตัวเปรียบเทียบกับเบี้ยประกันที่ 70 ล้านบาทในปีที่แล้ว
นายสุภัค กล่าวว่า สำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) จะเดินหน้าขยายฐานลูกค้าขนาดเล็กต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ควบคู่ไปกับการบุกทำตลาดในต่างจังหวัด ผนวกเข้ากับจุดเด่นของธนาคารที่เป็นธนาคารภูมิภาคอาเซียน และความสามารถในการดูแลเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าอย่างใกล้ชิด ทำให้สามารถต่อยอดในการนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ให้แก่ลูกค้า โดยปีที่แล้วได้จัดโครงสร้างพอร์ตสินเชื่อเอสเอ็มอีขึ้นใหม่ และเน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านบริหารเงินและ Structured Product ให้กลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีที่เดิมทียังไม่ค่อยมาใช้บริการ ประกอบกับได้ปรับกระบวนการ สร้างทีมให้แข็งแกร่ง ปีนี้ธนาคารจึงพร้อมรุกธุรกิจเอสเอ็มอีอย่างเต็มที่ โดยจะมุ่งขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เช่น ลูกค้า Trade, ธุรกิจ Cross Border ตามแนวตะเข็บชายแดน, ลูกค้าภาคการผลิตและส่งออก เพื่อสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมให้มากขึ้น ปีนี้ตั้งเป้าหมายขยายสินเชื่อเอสเอ็มอีให้เติบโตอีก 16-17% หรือ ประมาณ 9 พันล้านบาท
ด้านกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ (Wholesale Banking) และวาณิชธนกิจ เครือข่ายและผู้เชี่ยวชาญตลาดอาเซียนยังคงเป็นกลยุทธ์หลัก โดยธนาคารจะต่อยอดความสำเร็จจากปีก่อนหน้าที่มีธุรกิจวาณิชธนกิจเป็นตัวนำในการได้ดีลสำคัญเข้ามาและสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้ายิ่งขึ้นจากเครือข่ายอาเซียนที่เรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนในต่างประเทศ ผลอันเป็นรูปธรรมคือลูกค้าให้ความไว้วางใจและเข้ามาต่อยอดธุรกิจทั้งด้านเงินฝากและบริการธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมให้ธนาคารอย่างมีนัยยะสำคัญ
ปี 2557 นับเป็นปีที่ธนาคารประสบผลสำเร็จในการทำธุรกิจกับลูกค้ารายใหญ่อย่างต่อเนื่อง โดยมีธุรกรรมเด่นๆ ซึ่งหลายรายการเป็นการเชื่อมโยงกับกลุ่มซีไอเอ็มบี เช่น การเป็นผู้ให้สินเชื่อแก่กลุ่มอี ฟอร์ แอล ในการเข้าซื้อกิจการ บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิค อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด มูลค่า 4.5 พันล้านบาท (วงเงินสินเชื่อ 1.7 พันล้านบาท) การเป็นที่ปรึกษาการเงินให้แก่ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด ธุรกิจพลังงานชั้นนำของประเทศไทย ในการเข้าซื้อโรงไฟฟ้า 2 แห่ง จาก บริษัท ไซม์ ดาร์บี้ พีทีอี เอนเนอร์จี จำกัด มูลค่าการลงทนรวมประมาณ 175 ล้านเหรียญสหรัฐ การเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้แก่บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิลในการเข้าซื้อกิจการบลจ.ฟินันซ่า มูลค่า 178 ล้านบาท ล่าสุด การเป็นที่ปรึกษาการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายร่วมหุ้นสามัญของบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มูลค่า 7 พันล้านบาท ที่ส่งผลให้ดีลนี้ได้รับรางวัล “Best Equity Deal of The Year 2014 in Southeast Asia” จาก นิตยสาร Alpha Southeast Asia
สำหรับปี 2558 มีธุรกรรมที่กำลังเจรจา โดยเป็นธุรกรรม IPO (รวมทั้งกองทุน REIT ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์) หลายรายการ มูลค่ารวมถึง 1.4 หมื่นล้านบาท และรายการซื้อขายกิจการที่มีมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ด้วยศักยภาพและการเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจในสปป.ลาว ธนาคารได้อนุมัติสินเชื่อให้แก่บริษัทลาวโคคา-โคลา และศูนย์การค้ารายใหญ่ในประเทศลาวเมื่อปลายปี 2557 และสำหรับปี 2558 ธนาคารมีแผนที่จะปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการใน สปป.ลาวอีกอย่างน้อย 3-4 รายขึ้นไป ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ อาหารและเครื่องดื่ม เทรดดิ้ง รวมวงเงินสินเชื่อประมาณ 1.5 -2 พันล้านบาท
ขณะเดียวกัน ธุรกิจ Treasury หรือบริหารเงินเป็นบริการที่นับเป็นจุดแข็งของธนาคารโดยปีที่ผ่านมาได้รับรางวัล'Best Structured Product House in Thailand'จากงาน The Asset Triple A Private Banking, Wealth Management & Investment Awards 2014 ซึ่ง Treasury ช่วยเติมเต็มทำให้ธนาคารสามารถนำเสนอบริการแบบแพ็คเกจซึ่งตอบโจทย์ธุรกิจขนาดใหญ่ครบทุกด้าน
นายสุภัค กล่าวว่า ปีนี้จะเพิ่มการเชื่อมโยงธุรกิจของบริษัทในกลุ่มซีไอเอ็มบีไทยเข้ากับเครือข่ายธนาคารให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ของบริษัท เวิลด์ลีส จำกัด และบริษัท เซ็นเตอร์ ออโต้ ลีส จำกัด ซึ่งพบว่าในปีที่ผ่านมาเติบโตได้ค่อนข้างดี ขณะเดียวกัน เร็วๆนี้ จะได้เห็นการเชื่อมโยงบริการของตลาดทุนเข้ามาในสาขาธนาคารมากยิ่งขึ้น จากทั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล และบริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)
โดยสรุป เป้าหมายสำคัญของปี 2558 จะขยายฐานสินเชื่อให้เติบโต 15-20% ฐานเงินฝาก 15-20% รายได้ดอกเบี้ย 18-22% รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย 25-30% นอกจากนี้ จะรักษา NIM ให้มากกว่า 3.4% และคุมอัตราส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวมให้น้อยกว่า 3.4%