WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FITCH12 3ฟิทช์ คงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารยูโอบี (ไทย) ที่ ‘A-’ และอันดับเครดิตภายในประเทศที่ ‘AAA(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ฟิทช์ เรทติ้งส์- สิงคโปร์- 21เมษายน 2566: ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating) ของ ธนาคารยูโอบี (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBT ที่ ‘A-’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ที่ ‘AAA(tha)’ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น (Shareholder Support Rating: SSR) ที่ 'a-' อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นของ UOBT ที่ ‘F1’ และอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating) ที่ ‘bbb-’

สำหรับ รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดแสดงไว้ในส่วนท้าย

 

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

การสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นช่วยหนุนอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ: อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ UOBT พิจารณาจากอันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น (SSR) ของธนาคาร ซึ่งสะท้อนถึงการคาดการณ์ของฟิทช์ว่าธนาคารจะได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษ (extraordinary support) จากธนาคารแม่ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งคือ United Overseas Bank Limited (UOB; AA-/Negative/aa-) ฟิทช์ให้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นแก่ UOBT ที่ 'F1' ซึ่งเป็นตัวเลือกที่สูงกว่า เมื่อเทียบกับ 'F2' เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มในการสนับสนุนของผู้ถือหุ้นมีความแน่นอนมากขึ้นในระยะสั้น

อันดับเครดิตภายในประเทศของ UOBT สะท้อนถึงโครงสร้างเครดิตของธนาคารที่พิจารณาจากการสนับสนุนของผู้ถือหุ้นเทียบกับธนาคารหรือบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ โดยอันดับเครดิตของ UOB นั้นสูงกว่าอันดับเครดิตของประเทศไทยที่ 'BBB+' อยู่หลายอันดับ อันดับเครดิต 'AAA(tha)' ของ UOBT สะท้อนถึงระดับของโอกาสในการผิดนัดชำระหนี้ที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารหรือบริษัทรายอื่นในประเทศไทย

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (VR) ของ UOBT พิจารณาจากขนาดของธุรกิจที่อยู่ในระดับปานกลางและฐานะที่เป็นธนาคารขนาดกลางในประเทศไทย รวมทั้งการมีผลการดำเนินงานที่ยอมรับได้แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายจากโรคระบาด การเข้าซื้อธุรกิจสินเชื่อรายย่อย จากธนาคารซิตี้แบงก์ (Citibank) ในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 จะช่วยเพิ่มความหลากหลายทางธุรกิจของธนาคาร แต่ก็จะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อระดับเงินกองทุนของธนาคารในระยะสั้นและอาจบ่งชี้ถึงการเพิ่มขึ้นของการยอมรับความเสี่ยง

 

อันดับเครดิตถูกจำกัดโดยเพดานอันดับเครดิตของประเทศ : เพดานอันดับเครดิตของประเทศไทย (Country Ceiling) ที่ 'A-'  เป็นปัจจัยที่จำกัดความสามารถของ UOBT ในการรับการสนับสนุนจาก UOB ดังนั้นจึงเป็นเพดานจำกัดอันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นของธนาคารลูกในประเทศไทย

มีความเชื่อมโยงและการผสานการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ : UOB ถือหุ้นใน UOBT 99.7% โดยธนาคารแม่มีการควบคุมการจัดการและการผสานการดำเนินงานในระดับสูง UOBT มีส่วนช่วยสนับสนุนฐานธุรกิจที่สำคัญในประเทศไทยให้กับกลุ่มธนาคารแม่ ซึ่งประเทศไทยเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การที่ UOBT  เข้าซื้อสินทรัพย์ในธุรกิจสินเชื่อรายย่อยจาก Citibank สะท้อนถึงกลยุทธ์การขยายธุรกิจของกลุ่มธนาคารแม่ในประเทศไทย อีกทั้งจะช่วยเพิ่มการรับรู้ถึงชื่อเสียงและธุรกิจของกลุ่มในประเทศไทยด้วย

สภาพแวดล้อมการดำเนินงานโดยรวมส่งผลสนับสนุน : ฟิทช์ คาดว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ(GDP) น่าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2566 (4.0% ในปี 2566 เทียบกับ 2.6% ในปี 2565) และน่าจะช่วยสนับสนุนโอกาสทางธุรกิจและการเติบโตของธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย อย่างไรก็ตามภาระหนี้สินของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่เกิดโรคระบาด (โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อของภาคเอกชนต่อ GDP ที่ 155% ในปี 2565 ตามการประมาณการของฟิทช์) ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงเชิงลบหากเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะปรับตัวถดถอยลงอย่างไม่คาดคิด

เครือข่ายทางธุรกิจอยู่ในระดับปานกลางแต่กำลังเติบโต : UOBT เป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ของประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งตลาดด้านเงินฝากประมาณ 4% การเข้าซื้อสินทรัพย์ในธุรกิจธุรกิจสินเชื่อรายย่อยจาก Citibank ของ UOBT จะช่วยให้เครือข่ายธุรกิจสินเชื่อรายย่อยที่ไม่มีหลักประกัน (เช่น บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล) ของธนาคารเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการดำเนินงานของธุรกิจเดิมของธนาคารในด้านสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อธุรกิจ อย่างไรก็ตามฟิทช์คาดว่าอาจต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งกว่าที่การควบรวมกิจการจะแล้วเสร็จอย่างสมบูรณ์และกว่าที่ได้รับประโยชน์จากการขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกันระหว่างบริษัท (cross-selling) อย่างเต็มที่

คุณภาพสินทรัพย์มีเสถียรภาพ : อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของ UOBT อยู่ที่ 3.1% ในเดือนมิถุนายน 2565 ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับก่อนเกิดโรคระบาดที่ 2.9% ณ สิ้นปี 2562 อย่างไรก็ตามธนาคารยังคงมีความเสี่ยงเชิงลบจากสินเชื่อปรับโครงสร้างที่เกิดจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด (เช่นเดียวกันกับธนาคารอื่นๆในประเทศไทย)

นอกจากนี้ สินเชื่อรายย่อยที่ไม่มีหลักประกันได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยหลังจากการเข้าซื้อธุรกิจสินเชื่อรายย่อย จาก Citibank อย่างไรก็ตาม ฟิทช์คาดว่าสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโดยรวมน่าจะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานและช่วยลดความเสี่ยงด้านเชิงลบในระดับที่รุนแรงได้

เงินกองทุนได้รับผลกระทบจากการเข้าซื้อธุรกิจ : ฟิทช์ได้ปรับลดอันดับคะแนนสำหรับฐานะเงินกองทุนลงเป็น 'bbb-' เนื่องจากการซื้อสินทรัพย์ในธุรกิจสินเชื่อรายย่อยจาก Citibank จะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออัตราส่วนเงินกองทุนของ UOBT ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565 เป็นต้นไป

โดยอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (CET1) ของ UOBT มีแนวโน้มว่าจะยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภาคธนาคารไทยอย่างมีนัยสำคัญในระยะปานกลาง (ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2565 อยู่ที่ 15.3%) แต่อย่างไรก็ตามการประเมินฐานะเงินทุนของ UOBT ของฟิทช์ ยังคงรวมการพิจารณาถึงสถานะของ UOBT ที่เป็นธนาคารในกลุ่ม UOB ด้วย

และเรามองว่ากลุ่มธนาคารมีข้อผูกพันตามแผนของกลุ่มธนาคารในระยะยาวที่จะต้องบริหารความสามารถในการรองรับความเสี่ยงของธนาคารลูกในด้านของฐานะเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

สภาพคล่องได้รับประโยชน์จากความเชื่อมโยงกับกลุ่ม : อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝากของ UOBT อยู่ที่ 92.2% ในเดือนมิถุนายน 2565 (เทียบกับค่าเฉลี่ยของภาคธนาคารไทยที่ 92.8% ณ สิ้นปี 2565)

และฟิทช์ไม่คาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะปรับตัวลดลงหลังจากการเข้าซื้อสินทรัพย์จาก Citibank อันดับคะแนนด้านการระดมเงินและสภาพคล่องของธนาคารที่ 'bbb+' ยังสะท้อนให้เห็นว่าสถานะสภาพคล่องของ UOBT ยังได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนในด้านการดำเนินงานตามปกติอย่างต่อเนื่องจากธนาคารแม่ ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงวงเงินกู้ระหว่างธนาคารและ ความสัมพันธ์กับกลุ่ม และการให้ความช่วยเหลือในการเข้าระดมทุนในตลาดการเงิน

 

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

อันดับเครดิตสากล อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น อันดับเครดิตภายในประเทศ

อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นและอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวอาจถูกปรับลดอันดับเครดิตหากความสามารถและโอกาสในการให้การสนับสนุนของธนาคารแม่แก่ธนาคารลูกในประเทศไทยปรับตัวลดลงอย่างมาก

ตัวอย่างเช่น การที่อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ UOB ถูกปรับลดลงหลายอันดับ ลงมาในระดับต่ำกว่าเพดานอันดับเครดิตของประเทศไทย อาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่ออันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นของ UOBT และอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ รวมถึงอันดับเครดิตภายในประเทศ

 

นอกจากนี้ อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น และอันดับเครดิตภายในประเทศยังอาจถูกปรับลดอันดับได้ หากการเชื่อมโยงกันระหว่าง UOB และ UOBT มีการปรับตัวด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งหมายถึงโอกาสในการให้การสนับสนุนที่ปรับตัวลดลง

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้จากตัวอย่างเช่น การลดลงของสัดส่วนการถือหุ้นของธนาคารแม่ลงต่ำกว่า 75% รวมถึงการลดระดับการควบคุมการบริหารงานและการเชื่อมโยงในด้านกลยุทธ์ อย่างไรก็ตามฟิทช์ ไม่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในด้านโอกาสที่ธนาคารแม่จะให้การสนับสนุนในระยะปานกลาง

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นอาจถูกปรับลดอันดับได้ หากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารถูกปรับลดลงเป็น 'BBB'

ทั้งนี้ การปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศยังจะต้องพิจารณาเทียบเคียงกับโครงสร้างอันดับเครดิตของธนาคารและบริษัทอื่นๆในประเทศไทยด้วยเช่นกัน

 

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ UOBT อาจถูกปรับลดอันดับ หากอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญมีการปรับตัวด้อยลงกว่าคาดการณ์ของฟิทช์ ตัวอย่างเช่น หากอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมอยู่ในระดับที่สูงกว่า 4% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง (ณ สิ้นเดือน มิถุนายน ปี 2565 อยู่ที่ 3.1%) ควบคู่ไปกับการปรับลดลงของความสามารถในการรองรับความเสี่ยง เช่น อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงทรงตัวที่ประมาณ 1% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวอาจบ่งชี้ว่าผลประโยชน์จากการซื้อธุรกิจาก Citibank ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างที่คาด และอาจบ่งชี้ว่าโครงสร้างธุรกิจของธนาคารมีแนวโน้มที่อ่อนแอลง

การรักษาระดับอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของที่ 11% (ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าระดับอ้างอิงของฟิทช์อย่างมีนัยสำคัญ) อาจส่งผลให้มีการทบทวนและปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร นอกจากนี้กการเพิ่มขึ้นของระดับการยอมรับความเสี่ยงและการเติบโตในกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นอาจกดดันคะแนนด้านฐานะเงินทุนและส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารลง

 

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

อันดับเครดิตสากล อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น อันดับเครดิตภายในประเทศ

อันดับเครดิตสนับสนุนผู้ถือหุ้น และอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว ไม่มีโอกาสได้รับการปรับเพิ่มอันดับ เว้นแต่จะมีการปรับเพิ่มเพดานอันดับเครดิตของประเทศไทย อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นก็ไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้อีก ถ้าอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวไม่ได้มีการปรับขึ้นเป็น 'A'

ไม่มีโอกาสที่อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวจะได้รับการปรับเพิ่มอันดับขึ้นอีก เนื่องจากเป็นอันดับที่สูงที่สุดสำหรับอันดับเครดิตภายในประเทศแล้ว

 

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับจากการพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของเครือข่ายธุรกิจซึ่งจะนำไปสู่ความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นๆ ซึ่งอาจบ่งชี้โดยอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ทรงตัวในระดับที่สูงกว่า 2%

และอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 3%  ควบคู่ไปกับความสามารถในการรองรับความเสี่ยงในระดับที่ยอมรับได้  อย่างไรก็ตามการปรับตัวดีขึ้นดังกล่าวอาจไม่เพียงพอสำหรับการปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินหากอัตราส่วนด้านเงินกองทุนยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าธนาคารอื่นในประเทศไทย

 

อันดับเครดิตหุ้นกู้

    อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ UOBT อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคาร เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของธนาคาร

   หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซล 3 (Basel III-compliant Tier 2 subordinated notes) ได้รับการจัดอันดับต่ำกว่าอันดับเครดิตอ้างอิง ซึ่งคืออันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารอยู่ 2 อันดับ

อันดับเครดิตที่ต่ำกว่าอยู่ 2 อันดับสะท้อนความเสี่ยงของการขาดทุนจากการชำระคืนเงินกู้ (loss severity risk) ที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ที่ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันเนื่องจากสถานะด้อยสิทธิของตราสารดังกล่าว หุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวไม่มีคุณสมบัติรองรับผลขาดทุนระหว่างการดำเนินกิจการ (going-concern loss absorption)

จึงไม่ได้มีการปรับลดอันดับเครดิตเพิ่มเติมสำหรับความเสี่ยงที่ผู้ถือหุ้นกู้จะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดการณ์ (non-performance risk) วิธีการจัดอันดับเครดิตเป็นไปตามเกณฑ์ในการจัดอันดับเครดิตของฟิทช์และสอดคล้องกับตราสารที่คล้ายคลึงกันสำหรับธนาคารพาณิชย์ไทยอื่นๆซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยฟิทช์

หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคาร 4 อันดับ โดยแนวทางในการจัดอันดับเครดิตดังกล่าวสอดคล้องกับการจัดอันดับเครดิตสำหรับตราสารหนี้ประเภทเดียวกันในกรณีที่ออกโดยธนาคารแม่ ซึ่งคือ UOB

และสอดคล้องกับแนวทางพื้นฐานสำหรับการจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้ประเภทดังกล่าวตามเกณฑ์ของฟิทช์ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ UOBT สะท้อนถึงความคาดหวังที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนพิเศษนอกเหนือจากการดำเนินงานตามปรกติจาก UOB 

ฟิทช์ ใช้อันดับเครดิตซึ่งรวมปัจจัยสนับสนุนจากธนาคารแม่ (support-driven rating) ของ UOBT เป็นอันดับเครดิตอ้างอิงสำหรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 แทนที่จะใช้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของตัวธนาคารเอง

เนื่องจากฟิทช์เชื่อว่า UOB จะให้การสนับสนุนแก่บริษัทลูกในประเทศไทยล่วงหน้าเพื่อป้องกันภาวะวิกฤติ (pre-emptive) ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่ผู้ถือหุ้นกู้จะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดการณ์ (non-performance risk)

 

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

การปรับลดอันดับเครดิตของอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวจะส่งผลในทางเดียวกันกับอันดับเครดิตของหุ้นกู้ทั้งหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซล 3  และหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่มีโอกาสปรับขึ้นอีกแล้ว เนื่องจากอันดับเครดิตอ้างอิง ซึ่งก็คือ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวนั้นอยู่ในอันดับสูงสุดของอันดับเครดิตภายในประเทศแล้ว

 

การปรับคะแนนของปัจจัยในการพิจารณาอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน

อันดับคะแนนที่ให้แก่ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานอยู่สูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์เนื่องจากการปรับเพิ่มคะแนนด้วยปัจจัยด้าน ‘อันดับเครดิตของประเทศ’

 

อันดับเครดิตที่เชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น

อันดับเครดิตของ UOBT มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตของ ธนาคารแม่ซึ่งคือ UOB ในประเทศสิงคโปร์

การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)

ระดับคะแนนที่สูงที่สุดสาหรับความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต (หากมีการเปิดเผย) แสดงว่าระดับคะแนนจะอยู่ที่ระดับ 3 ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของธนาคาร ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของธนาคารก็ตามสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมหาได้จาก www.fitchratings.com/esg

 

 

ติดต่อ

Tania Gold

Senior Director

Primary Rating Analyst

+65 6796 7224

Fitch Ratings Singapore Pte Ltd.

1 Wallich Street #19-01 Guoco Tower

Singapore 078881

 

พาสันติ์ สิงหะ

Senior Director

Secondary Analyst

อันดับเครดิตสากล

+662 108 0151

 

พาสันติ์ สิงหะ

Senior Director

Primary Analyst

อันดับเครดิตภายในประเทศ

+662 108 0151

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จากัด

ชั้น 17 อาคารปาร์คเวนเชอร์ 57 ถนน วิทยุ

ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

 

จินดารัตน์ สิริสิทธิโชติ

Associate Director

Secondary Analyst

อันดับเครดิตภายในประเทศ

+662 108 0153

 

Jonathan Cornish

Managing Director

Committee Chairperson

+852 2263 9901

 

ข้อมูลเพิ่มเติมหาได้จาก www.fitchratings.com

 

Click Donate Support Web  

MTL 720x100

kasat 720x100

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

PTG 720x100ais 720x100

TOA 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!