- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Sunday, 07 August 2022 22:32
- Hits: 2920
ฟิทช์ คงอันดับเครดิตของธนาคารกสิกรไทยที่ 'BBB' และ 'AA+(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
ฟิทช์ เรทติ้งส์ - สิงคโปร์ - 27 กรกฎาคม 2565: ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBank ที่ 'BBB’ และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'AA+(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ฟิทช์ประกาศคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating หรือ VR) ที่ 'bbb' และอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล (Government Support Rating: GSR) ที่ 'bbb'
รายละเอียดอันดับเครดิตทั้งหมดแสดงไว้ในส่วนท้าย
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตสากลพิจารณาจากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินและปัจจัยสนับสนุน: อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ KBank พิจารณาจากทั้งความแข็งแกร่งของโครงสร้างเครดิตของธนาคารเองซึ่งสะท้อน โดยอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินและความคาดหวังของฟิทช์ถึงโอกาสที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย ซึ่งสะท้อนโดยอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นของ KBank ที่ F2 ซึ่งเป็นตัวเลือกที่สูงกว่าสำหรับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ 'BBB' สะท้อนถึงโอกาสที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนซึ่งจะมีความแน่นอนกว่าในระยะสั้น นอกจากนี้อันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารยังรวมการพิจารณาถึงโครงสร้างเครดิตของธนาคารในเชิงเปรียบเทียบกับธนาคารหรือบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับในประเทศ
สภาพแวดล้อมในการดำเนินงานฟื้นตัวจากผลกระทบโรคระบาด: สภาพแวดล้อมในการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินงานของภาคธนาคาร โดยฟิทช์คาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) จะอยู่ที่ 3.2% ในปี 2565 และ 4.5% ในปี 2566 อันดับคะแนนด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ ‘bbb’ แนวโน้มมีเสถียรภาพ โดยมีคะแนนตามเกณฑ์มาตรฐานอยู่ในกลุ่ม ‘bb’
แต่ฟิทช์ มีการปรับเพิ่มอันดับคะแนนโดยใช้ปัจจัยด้าน ‘อันดับเครดิตของประเทศ’ ซึ่งประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ ‘BBB+’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ รัฐบาลมีความสามารถและความตั้งใจที่จะช่วยเหลือสนับสนุนกิจกรรมทางธุรกิจและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งสังเกตได้จากมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ในช่วงโรคระบาดโควิด
เครือข่ายทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง: อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ KBank สะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของธนาคารในฐานะที่เป็นหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดสำหรับเงินฝากที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ธนาคารมีฐานลูกค้าที่หลากหลาย แต่ KBank ก็มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในกลุ่มธุรกิจ SME ธนาคารมีแพลตฟอร์มรองรับการทำธุรกรรมทางธนาคารที่แข็งแกร่ง รวมถึงแอปพลิเคชั่นมือถือที่ได้รับความนิยม ซึ่งช่วยส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจ SME และธนาคารเพื่อลูกค้ารายย่อย และเพิ่มโอกาสในการขายผลิตภัณฑ์อื่น (cross-selling)
โครงสร้างความเสี่ยงสะท้อนถึงความเสี่ยงที่อาจเผชิญ: ฟิทช์ได้ปรับอันดับคะแนนด้านโครงสร้างความเสี่ยงของ KBank เป็น 'bbb-/แนวโน้มมีเสถียรภาพ' จาก 'bbb/แนวโน้มเป็นลบ' เพื่อสะท้อนถึงการที่ฟิทช์ทบทวนความเสี่ยงของธนาคารเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นในประเทศ อันเป็นผลมาจากความท้าทายในระยะปานกลาง ธนาคารมีการเติบโตของสินเชื่อที่ค่อนข้างสูง
แม้ในภาวะที่สภาพแวดล้อมการดำเนินงานจะยังคงท้าทาย และฟิทช์เชื่อว่าธนาคารจะยังคงมุมมองในเชิงบวกในด้านการแสวงหาการเติบโต นอกจากนี้ความเสี่ยงของธนาคารต่อกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงอาจส่งผลให้มีความผันผวนมากกว่าธนาคารขนาดใหญ่อื่นๆ
สินเชื่อด้อยคุณภาพทรงตัว: อันดับคะแนนตามเกณฑ์ประเมินมาตรฐานของฟิทช์ด้านคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารอยู่ที่ 'bb' แต่ฟิทช์ให้คะแนนที่ 'bbb-' ซึ่งการปรับเพิ่มอันดับคะแนนพิจารณาจาก 'หลักประกันและระดับการตั้งสำรอง' ของธนาคารเนื่องจากฟิทช์มองว่าความเสี่ยงเชิงลบได้รับการบรรเทาลงบางส่วนจากการมีระดับหลักประกันที่สูงสำหรับพอร์ตสินเชื่อ SME
รวมถึงธนาคารมีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในระดับที่ยอมรับได้ (อยู่ที่ 137% ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565) และมีความสามารถในการสร้างกำไรที่ดี ฟิทช์ปรับแนวโน้มของคุณภาพสินทรัพย์เป็น 'มีเสถียรภาพ' จาก 'แนวโน้มเป็นลบ' เพื่อสะท้อนมุมมองของฟิทช์ว่าแรงกดดันต่อคุณภาพสินทรัพย์ในระยะสั้นที่ลดลงเล็กน้อย และฟิทช์เชื่อว่าตัวเลขบ่งชี้ด้านคุณภาพสินทรัพย์จะยังทรงตัวในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า
การฟื้นตัวของกำไรอย่างค่อยเป็นค่อยไป: ฟิทช์คาดว่าความสามารถในการทำกำไรของ KBank จะค่อยๆฟื้นตัว โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สูญที่ลดลง รายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของสินเชื่อ ต้นทุนเงินทุนที่ต่ำ และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของธนาคารมีแนวโน้มลดลงจากระดับสูงสุดที่ 48% ในปี 2563
เนื่องจากการตั้งสำรองล่วงหน้าที่ผ่านมา ทั้งนี้กำไรของ KBank เช่น ในด้านของกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยง (ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 4 ปีย้อนหลังที่ 2.2%) ปรับตัวดีกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมและฟิทช์คาดว่าธนาคารจะมีผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างแข็งแกร่งต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากระดับการยอมรับความเสี่ยงของธนาคาร
การบริหารจัดการเงินกองทุนอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ: ฟิทช์คาดว่า KBank จะคงอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (CET1) ในช่วง 15%-17% ในช่วงสามปีข้างหน้า ซึ่งสอดคล้องกับระดับคะแนน 'bbb+' ฟิทช์คาดว่าแผนการของธนาคารในการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน PT Bank Maspion Indonesia Tbk (Maspion) จะมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อเงินกองทุนเนื่องจากธุรกรรมมีขนาดเล็ก ในขณะเดียวกันความสามารถในการสร้างรายได้ที่ดีของ KBank จะช่วยสนับสนุนฐานะเงินกองทุนของธนาคารจากกำไรสะสมที่เพิ่มขึ้นในอีกหลายปีข้างหน้า
เงินกองทุนและสภาพคล่องที่มีเสถียรภาพ: โครงสร้างการระดมทุนของ KBank ได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายทางธุรกิจในด้านธุรกรรมทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับลูกค้ารายย่อยและลูกค้า SME ธนาคารมีส่วนผสมของเงินฝากที่เอื้อประโยชน์ต่อต้นทุนการระดมทุน
โดยสัดส่วนเงินฝากบัญชีกระแสรายวันและบัญชีออมทรัพย์ที่มีต้นทุนต่ำ (CASA) คิดเป็น 82% ของเงินฝากของลูกค้าทั้งหมด ซึ่งทำให้ธนาคารมีโครงสร้างเงินทุนที่มั่นคง อัตราส่วนเงินกู้/เงินฝากของธนาคารยังคงทรงตัวที่ 94% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 ซึ่งสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยของภาคการธนาคารที่ 93%
มีความสำคัญต่อระบบอย่างชัดเจน: อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลของ KBank มีปัจจัยสนับสนุนมาจากความสำคัญของธนาคารต่อระบบการเงินของไทยที่อยู่ในระดับสูง จึงทำให้มีโอกาสสูงที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดให้ธนาคารเป็นหนึ่งในหกธนาคารที่มีความสำคัญเชิงระบบในประเทศไทย ซึ่งสะท้อนถึงขนาดและความเชื่อมโยงของธนาคารต่อระบบการเงิน อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล (ที่ BBB+/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ยังสะท้อนถึงความสามารถของรัฐบาลไทยในการให้การสนับสนุนแก่ธนาคารซึ่งบ่งชี้โดยอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของประเทศไทย
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ และอันดับเครดิตภายในประเทศ
การปรับลดอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลและอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินพร้อมกันจะส่งผลให้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิถูกปรับลดอันดับเช่นกัน อันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารอาจได้รับการปรับลดอันดับเป็น 'AA(tha)' หากฟิทช์มองว่าโครงสร้างเครดิตของธนาคารปรับตัวอ่อนแอลงเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นที่ได้รับการจัดอันดับในประเทศไทย
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นของธนาคารอาจถูกปรับลดอันดับหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารถูกปรับลดลงเป็น 'BBB-'
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารอาจถูกปรับลดลงเป็น 'bbb-' หากธนาคารมีฐานะทางการเงินที่อ่อนแอลงมากกว่าที่ฟิทช์คาด ซึ่งอาจสะท้อนได้โดยการปรับลดคะแนนของปัจจัยต่างๆ ที่ใช้พิจารณาอันดับเครดิต
กรณีดังกล่าวอาจเกิดจากการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ช้ากว่าคาดเนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารยอมรับความเสี่ยงมากขึ้น หรือมีโครงสร้างทางธุรกิจที่อ่อนแอลงจากระดับปัจจุบัน
โดยแรงกดดันดังกล่าวอาจบ่งชี้ได้จากการเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมที่สูงกว่า 6% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง (ไตรมาส 1 ปี 2565 อยู่ที่ 4.4%) ประกอบกับธนาคารมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงที่ด้อยลง เช่น มีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของที่ต่ำกว่า 13 % (ไตรมาส 1 ปี 2565 อยู่ที่ 15.3%)
และมีอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ต่ำกว่า 120% และ/หรือไม่สามารถรักษาระดับอัตรากำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ระดับสูงกว่า 1.5% (ไตรมาส 1 ปี 2565 อยู่ที่ 2.1%) ได้
อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล
อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลอาจถูกปรับลดอันดับหากฟิทช์เชื่อว่าความสามารถที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารนั้นลดลง เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยถูกปรับลดอันดับ
นอกจากนี้ การปรับลดอันดับเครดิตยังอาจเกิดขึ้นได้หากฟิทช์เชื่อว่าโอกาสที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ KBank ลดลง เช่น จากการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของระดับความสำคัญของธนาคารที่มีต่อระบบ หรือมีการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ฟิทช์เชื่อว่า มีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อยที่โอกาสที่ KBank จะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลจะปรับตัวลดลงในระยะปานกลาง
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ และอันดับเครดิตภายในประเทศ
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ KBank อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลหรืออันดับความแข็งแกร่งทางการเงินได้รับการปรับเพิ่มอันดับ ทั้งนี้อันดับเครดิตภายในประเทศของ KBank ได้รวมการพิจารณาถึงโครงสร้างอันดับเครดิตของธนาคารเทียบกับธนาคารอื่นในประเทศที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศด้วย
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ KBank อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับเป็น 'bbb+' หากอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญของธนาคารปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่โครงสร้างธุรกิจสามารถสนับสนุนให้ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งกว่าอุตสาหกรรมได้อย่างสม่ำเสมอโดยที่ไม่มีการยอมรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะต้องได้รับแรงหนุนจากสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากและจะเห็นได้จากอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ เช่น อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ปรับตัวสูงกว่า 2.5% และค่าเฉลี่ยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม 4 ปีย้อนหลังอยู่ในระดับต่ำกว่า 3%
โดยที่ยังคงความสามารถในการรองรับความเสี่ยง เช่น การมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของที่สูงกว่า 16% อย่างไรก็ตามโอกาสการปรับเพิ่มอันดับในระยะอันใกล้นี้ค่อนข้างจำกัดเนื่องจากความท้าทายของสภาพแวดล้อมในการดำเนินงาน
อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล
อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยได้รับการปรับเพิ่ม ซึ่งอาจบ่งชี้ได้ว่ารัฐบาลมีความสามารถเพิ่มขึ้นในการสนับสนุนธนาคารที่มีความสำคัญต่อระบบการเงินในประเทศรวมถึง KBank อย่างไรก็ตาม การพิจารณาอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลต้องคำนึงถึงโอกาสในการให้การสนับสนุนธนาคารว่าจะยังคงอยู่ในระดับเดิม
อันดับเครดิตหุ้นกู้และอันดับเครดิตอื่น
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ KBank ได้รับการจัดอันดับเครดิตให้อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวนับเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิของธนาคาร
หุ้นกู้ด้อยสิทธิ
อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของ KBank ได้รับการจัดอันดับที่ระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตอ้างอิง (ซึ่งคืออันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน) อยู่สองอันดับ เพื่อสะท้อนความเสี่ยงของการขาดทุนจากการชำระคืนเงินกู้ (loss severity risk) ที่มีสูงกว่าเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ที่ไม่ด้อยสิทธิ
ทั้งนี้ ไม่ได้มีการลดทอนอันดับเครดิตเพิ่มเติมเนื่องจากข้อกำหนดสิทธิของหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวที่ไม่ได้มีคุณสมบัติรองรับผลขาดทุนในระหว่างการดำเนินกิจการ (going-concern loss absorption) ซึ่งอันดับเครดิตของตราสารและจำนวนอันดับเครดิตที่ลดทอนจากอันดับเครดิตอ้างอิงสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของฟิทช์ในการจัดอันดับเครดิตตราสารประเภทดังกล่าว
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ KBank อาจถูกปรับลดอันดับลงหากมีการปรับลดอันดับเครดิตอ้างอิงซึ่งคืออันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว
การปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารจะส่งผลให้อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิของ KBank ได้รับการปรับลดอันดับ
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวน่าจะส่งผลให้อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของธนาคารได้รับการปรับเพิ่มอันดับ
อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิของ KBank จะได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากอันดับเครดิตอ้างอิงซึ่งคืออันดับความแข็งแกร่งทางการเงินได้รับการปรับเพิ่มอันดับ
การปรับคะแนนของปัจจัยในการพิจารณาอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับคะแนนที่ให้แก่ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ 'bbb' อยู่สูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์ซึ่งอยู่ในกลุ่ม 'bb' เนื่องจากการปรับเพิ่มคะแนนด้วยปัจจัยด้าน 'อันดับเครดิตของประเทศ'
อันดับคะแนนที่ให้แก่ปัจจัยด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่ 'bbb-' อยู่สูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์ซึ่งอยู่ในกลุ่ม 'bb' เนื่องจากการปรับเพิ่มคะแนนด้วยปัจจัยด้าน 'หลักประกันและระดับสำรองผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น'
อันดับเครดิตที่มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น
อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลของ KBank มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตสากลของประเทศไทย
การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
ระดับคะแนนที่สูงที่สุดสำหรับความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต (หากมีการเปิดเผย) แสดงว่าระดับคะแนนจะอยู่ที่ระดับ 3 ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของธนาคาร ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของธนาคารก็ตามสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมหาได้จาก www.fitchratings.com/esg
KBank:
รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว คงอันดับที่ ‘BBB’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ ‘F2’
- อันดับความเข็งแกร่งทางการเงิน คงอันดับที่ ‘bbb’
- อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล คงอันดับที่ 'bbb'
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ ‘AA+(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ ‘F1+(tha)’
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ ‘BBB’
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ด้อยสิทธิคงอันดับที่ ‘BB+’
ติดต่อ
Primary Analysts
Tania Gold (อันดับเครดิตสากลของ KBank)
Senior Director
+65 6796 7224
Fitch Ratings Singapore Pte Ltd
One Raffles Quay, South Tower #22-11
Singapore 048583
จินดารัตน์ สิริสิทธิโชติ (อันดับเครดิตภายในประเทศของ KBank)
Associate Director
+662 108 0153
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ชั้น 17 อาคารปาร์คเวนเชอร์ 57 ถนน วิทยุ
ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
Secondary Analysts
จินดารัตน์ สิริสิทธิโชติ (อันดับเครดิตสากลของ KBank)
Associate Director
+662 108 0153
พชร ศรายุทธ (อันดับเครดิตภายในประเทศของ KBank)
Director
+662 108 0152
Committee Chairperson
Jonathan Cornish
Managing Director
+852 2263 9901
ข้อมูลเพิ่มเติมหาได้จาก www.fitchratings.com