WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TRIS7 18ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 'ธ.เกียรตินาคิน' ที่ 'A' หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ที่ 'BBB+' แนวโน้ม 'Stable'

 

      ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรของ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ 'A' รวมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของธนาคารที่ระดับ 'A' และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของธนาคารที่ระดับ BBB+’ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต Stable’หรือ ‘คงที่’ โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการมีแหล่งรายได้ที่หลากหลาย ตลอดจนเงินกองทุนที่เพียงพอซึ่งได้รับแรงหนุนจากความสามารถในการทำกำไรที่เข้มแข็ง และคุณภาพสินทรัพย์ที่ยอมรับได้

อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากการที่ธุรกิจธนาคารของธนาคารเกียรตินาคินมีขนาดค่อนข้างเล็กและธนาคารมีการพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมและลูกค้าเงินฝากรายใหญ่ในระดับค่อนข้างสูง ในระยะปานกลาง ธนาคารอาจเผชิญกับแรงกดดันจากการมีคุณภาพสินทรัพย์ที่เสื่อมถอยลงจากสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอยอันเกิดจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ในขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนด้านเครดิตก็อาจบรรเทาลงบางส่วนจากการมีนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบของธนาคารและมาตรการผ่อนปรนสำหรับลูกหนี้ของธนาคารเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ธุรกิจธนาคารมีขนาดเล็กแต่ธุรกิจตลาดทุนมีความแข็งแกร่ง

    สถานะทางธุรกิจของธนาคารเกียรตินาคินสะท้อนถึงการมีธุรกิจธนาคารที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจวาณิชธนกิจที่แข็งแกร่งภายใต้การบริหารงานของ บริษัทหลักทรัพย์ภัทร จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ บล. ภัทรมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจวาณิชธนกิจ รวมทั้งการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ลูกค้าสถาบัน และธุรกิจบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคล (Private Banking) ที่กำลังเติบโต ส่วนธุรกิจด้านธนาคารหลัก ๆ ของธนาคารเกียรตินาคินนั้นประกอบด้วยธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ รวมถึงธุรกิจสินเชื่อสำหรับกลุ่มลูกค้าพาณิชยกรรมและธุรกิจขนาดใหญ่ โดยธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในระดับปานกลางที่ 5.8% ณ สิ้นปี 2561 จากบรรดาผู้ประกอบการสินเชื่อรถยนต์ที่เป็นธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ที่อยู่ในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้ง ทั้งนี้ ธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อและเงินฝากรวมอยู่ที่ระดับ 1.9% และ 1.4% ตามลำดับ ณ สิ้นปี 2562

      ทริสเรทติ้ง คาดว่าการผสานพลังระหว่างธุรกิจในกลุ่มจะยังคงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนการเติบโตในธุรกิจหลักของธนาคารอันประกอบไปด้วยบริการสินเชื่อและบริการทางการเงินสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ ได้แก่ ลูกค้าวาณิชธนกิจ รวมไปถึงการบริหารความมั่งคั่งและการให้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความซับซ้อนแก่ลูกค้า Private Banking

แหล่งที่มาของรายได้มีความหลากหลาย

      การพิจารณาอันดับเครดิตของธนาคารเกียรตินาคินนั้น ทริสเรทติ้งยังให้ความสำคัญกับแหล่งรายได้ที่หลากหลายซึ่งสร้างสัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิต่อรายได้รวมที่ค่อนข้างเข้มแข็งที่ระดับ 25% ณ สิ้นปี 2562 รายได้ค่าธรรมเนียมดังกล่าวประกอบด้วยค่าธรรมเนียมจากธุรกิจหลักทรัพย์ นายหน้าขายประกัน การบริหารสินทรัพย์ และวาณิชธนกิจ ในความเห็นของทริสเรทติ้งมองว่าสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์สำหรับกลุ่มลูกค้าสถาบัน

รวมทั้งในธุรกิจวาณิชธนกิจและที่ปรึกษาทางการเงินของธนาคารมีศักยภาพที่จะสร้างผลประกอบการที่มั่นคงมากกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทคู่แข่งอื่นๆ ในธุรกิจเดียวกันเหล่านี้ กระนั้นทริสเรทติ้งก็ยังคาดว่าธุรกิจธนาคารจะยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างรายได้ให้แก่ธนาคารเกียรตินาคินในช่วงอีก 2-3 ปีข้างหน้าอยู่เช่นเดิม โดยในปี 2562 ผลกำไรสุทธิจากธุรกิจธนาคารมีสัดส่วนถึง 72% ของผลกำไรสุทธิของธนาคารเกียรตินาคินในปี 2562 ตามมาด้วยธุรกิจตลาดทุน (17%) และธุรกิจบริหารหนี้เสีย (11%)

เงินกองทุนค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น

      ทริสเรทติ้ง ประมาณการอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของของธนาคารว่าจะอยู่ที่ระดับสูงกว่า 14.5% ในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้าจากการบริหารเงินกองทุนที่มีความระมัดระวังและแนวโน้มการหดตัวของพอร์ตสินเชื่อในปี 2563 จากผลกระทบที่ทำให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงอันเกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทริสเรทติ้งประมาณการว่าพอร์ตสินเชื่อของธนาคารเกียรตินาคินจะหดตัวที่ระดับ 10% ในปี 2563 แล้วจะกลับมาเติบโตจากฐานที่ต่ำดังกล่าวในปีถัดไป

       อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ ณ สิ้นปี 2562 ของธนาคารเมื่อรวมกับผลกำไรในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 และอัตราส่วนเงินปันผลที่ระดับ 60% แล้วนั้นจะอยู่ที่ระดับ 13.9%-14.0% นอกจากนี้ ธนาคารอาจจะออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามหลักเกณฑ์ Basel III เพื่อมาทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมซึ่งมีมูลค่า 3 พันล้านบาทภายในสิ้นปี 2563 นี้

ผลกำไรอยู่ภายใต้ความท้าทาย

       ธนาคารเกียรตินาคินมีความสามารถในการทำกำไรสูงกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยเมื่อวัดจากอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาของธนาคารซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.94% ในปี 2562 โดยถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.2% อัตรากำไรจากดอกเบี้ยสุทธิหลังหักต้นทุนทางเครดิตที่อยู่ในระดับสูง ตลอดจนธุรกิจตลาดทุนและธุรกิจบริหารหนี้เสียที่ให้ผลตอบแทนสูงเป็นปัจจัยที่ช่วยทำให้ธนาคารคงความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในระดับสูงได้และจะช่วยรองรับความสูญเสียทางเครดิตที่อาจเพิ่มสูงขึ้นได้ด้วย ทั้งนี้ ธนาคารมีอัตรากำไรจากดอกเบี้ยสุทธิหลังหักต้นทุนทางเครดิตอยู่ที่ระดับ 3.7% ในปี 2562 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.0%

      ทริสเรทติ้ง ประมาณการอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของธนาคารในกรณีพื้นฐานว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.4%-1.6% ในระหว่างปี 2563-2565 โดยได้พิจารณารวมไปถึงกรณีผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้ว ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดการณ์รายได้ในกลุ่มธุรกิจหลักทั้งหมดของธนาคารเกียรตินาคินว่าจะหดตัวในปี 2563 และหลังจากนั้นจะฟื้นตัวโดยเริ่มจากฐานที่ต่ำตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดการณ์ต้นทุนทางเครดิตของธนาคารว่าจะเพิ่มสูงขึ้นไปจนถึงระดับ 1.5%-1.7% ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอลงในช่วงเวลาเดียวกันด้วย

มีแรงกดดันต่อคุณภาพสินทรัพย์

       ทริสเรทติ้ง คาดว่าธนาคารเกียรตินาคินจะเผชิญกับแรงกดดันด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมเพิ่มสูงขึ้นต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งยังคาดว่ามาตรการผ่อนปรนของธนาคารที่มีให้แก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะช่วยให้ธนาคารสามารถคุมอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมให้อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยทริสเรทติ้งประมาณการว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 4.5% ณ สิ้นปี 2563 จากที่ระดับ 4.0% ณ สิ้นปี 2562

      ในความเห็นของทริสเรทติ้ง คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารที่มีสัญญาณอ่อนแอลงในปี 2562 นั้นยังอยู่ในวิสัยที่สามารถบริหารจัดการได้ อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมซึ่งไม่รวมหนี้เสียเดิมจากกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ 3 รายแรกและจากธุรกิจบริหารหนี้เสียเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 2.9% ณ สิ้นปี 2562 จาก 2.8% ณ สิ้นปี 2561 ประเภทของสินเชื่อหลักที่มีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นได้แก่สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.5% ณ สิ้นปี 2562 จากระดับ 2.3% ณ สิ้นปี 2561 ธนาคารมีแผนจะลดการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสองที่ให้ผลตอบแทนต่ำและเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สัดส่วนของสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มสูงขึ้นนี้ลง

สำหรับ กลุ่มสินเชื่อเพื่อการพาณิชย์นั้น อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มสูงขึ้นอย่างค่อนข้างชัดเจนในภาคการผลิต รวมถึงภาคสถานบริการและร้านอาหาร โดยทริสเรทติ้งคาดว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคอุตสาหกรรมดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ธนาคารมีความเสี่ยงดังกล่าวในระดับไม่มากนักเนื่องจากธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อสำหรับอุตสาหกรรมเหล่านี้เมื่อเทียบกับสินเชื่อรวมที่ระดับประมาณ 7% เท่านั้น ณ สิ้นปี 2562 ซึ่งไม่รวมเงินกู้ยืมระหว่างธนาคาร

               ในขณะเดียวกัน ธนาคารเกียรตินาคินยังคงลดสัดส่วนหนี้เสียจากกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายเดิมอยู่อย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพในลูกค้ากลุ่มนี้ลดลงสู่ระดับ 10.7% ณ สิ้นปี 2562 จากระดับ 13.5% ณ สิ้นปี 2561 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพแบบรวมงบการเงินของธนาคารซึ่งรวมหนี้เสียเดิมจากกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และจากธุรกิจบริหารหนี้เสียอยู่ที่ระดับ 4.0% ณ สิ้นปี 2562 โดยลดลงจากระดับ 4.1% ณ สิ้นปี 2561 และใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย ณ สิ้นปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 3.7%

การพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมและลูกค้าเงินฝากรายใหญ่ยังอยู่ในระดับสูง

     ธนาคารเกียรตินาคินยังคงพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมและลูกค้าเงินฝากรายใหญ่ในระดับค่อนข้างสูง โดยแหล่งเงินทุนที่ไม่ใช่เงินฝากของธนาคาร ณ สิ้นปี 2562 มีสัดส่วน 31% ของแหล่งเงินทุนรวมของธนาคารซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยที่ระดับ 13% ในขณะที่สัดส่วนของบัญชีเงินฝากกระแสรายวันและออมทรัพย์ (Current Account and Savings Account – CASA) อยู่ที่ระดับ 38% ของเงินฝากรวม

โดยยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยซึ่งอยู่ที่ระดับประมาณ 60% เป็นอย่างมาก ลักษณะดังกล่าวสะท้อนถึงธุรกิจเงินฝากที่มีขนาดเล็กและมีต้นทุนสูงซึ่งธนาคารต้องพึ่งพาจากกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ รวมถึงลูกค้าธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และลูกค้าธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ส่งผลให้ธนาคารมีต้นทุนทางการเงินที่ระดับ 2.32% ในปี 2562 ซึ่งอยู่ในระดับสูงที่สุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 1.5% ในช่วงเวลาเดียวกัน

               ในความเห็นของทริสเรทติ้ง กลยุทธ์ขยายฐานเงินฝากที่มีเสถียรภาพและต้นทุนต่ำของธนาคารถือเป็นพัฒนาการในเชิงบวก กลยุทธ์ดังกล่าวมุ่งเน้นส่งเสริมให้มีการเปิดบัญชีเงินฝากเพื่อการลงทุนที่ให้ดอกเบี้ยสูงเหมือนเงินฝากประจำ (KK Phatra Smart Settlement -- KKPSS) สำหรับลูกค้าในกลุ่มธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง รวมไปถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝาก CASA และบริการบริหารเงินสดให้แก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจ โดยธนาคารมีความก้าวหน้าในการขยายเงินฝากดังกล่าวในช่วงปีที่ผ่านมา

สภาพคล่องเพียงพอ

               ทริสเรทติ้ง คาดว่าธนาคารเกียรตินาคินจะยังดำรงสภาพคล่องให้เพียงพอต่อไปในช่วง 12 เดือนข้างหน้า อัตราส่วนสภาพคล่องเพื่อรองรับสถานการณ์ด้านสภาพคล่องที่มีความรุนแรง (Liquidity Coverage Ratio -- LCR) ของธนาคารอยู่ที่ระดับ 124% ณ สิ้นปี 2562 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของทางการ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดเล็กที่ 158% และค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่ 183% ณ สิ้นปี 2562 ตามตัวเลขในรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ธนาคารเกียรตินาคินมีอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อเงินฝากรวมและเงินกู้ยืมระหว่างธนาคารอยู่ที่ระดับ 32.2% ณ สิ้นปี 2562 ซึ่งอยู่ในระดับที่เพียงพอแม้จะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยที่ระดับประมาณ 40% ในช่วงเวลาเดียวกันก็ตาม

อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามหลักเกณฑ์ Basel III

      อันดับเครดิต 'BBB+'สำหรับ หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 (KK25DA) ของธนาคารเกียรตินาคินสะท้อนความเสี่ยงในการด้อยสิทธิและความเสี่ยงในการไม่ได้รับการชำระหนี้ตามเงื่อนไขการรองรับผลขาดทุนเมื่อธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ตราสารดังกล่าวมีคุณสมบัติที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ Basel III และเป็นไปตามเกณฑ์ของ ธปท. ในการนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2

ทั้งนี้ ตราสารประเภทนี้มีลักษณะด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ไม่สามารถเลื่อนการชำระดอกเบี้ย และไม่สามารถแปลงสภาพได้ ธนาคารสามารถไถ่ถอนตราสารคืนทั้งจำนวนก่อนวันครบกำหนดได้อย่างน้อยภายหลังระยะเวลา 5 ปีนับจากวันที่ออกตราสารและได้รับความเห็นชอบจาก ธปท. แล้ว โดยผู้ถือตราสารประเภทนี้มีสิทธิที่ด้อยกว่าผู้ฝากเงินและผู้ถือหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของธนาคาร ทั้งนี้ ตราสารดังกล่าวสามารถตัดเป็นหนี้สูญได้ในกรณีที่หน่วยงานกำกับดูแลพิจารณาเห็นว่าธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ และจะให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ธนาคารภายใต้เงื่อนไขที่ได้ระบุไว้ดังกล่าว

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

ทริสเรทติ้ง มีสมมติฐานสำหรับการดำเนินงานของธนาคารเกียรตินาคินในระหว่างปี 2563-2565 ดังนี้

  • อัตราการเติบโตของสินเชื่อ: ระดับ -10% สำหรับปี 2563 และระดับ 3%-5% สำหรับปี 2564-2565
  • ต้นทุนทางเครดิต: 1.5%-1.7%
  • อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม: 4.1%-4.6%
  • อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1: 14.0%-15.5%
  • อัตรากำไรจากดอกเบี้ยสุทธิหลังหักต้นทุนทางเครดิต: 3.3%-3.4%

แนวโน้มอันดับเครดิต

       แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่' สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าธนาคารเกียรตินาคินจะยังคงเพิ่มความแข็งแกร่งของเงินกองทุน พัฒนาคุณภาพสินทรัพย์และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการผสานพลังกับธุรกิจตลาดทุนและธุรกิจบริหารความมั่งคั่งให้มากขึ้นซึ่งจะนำไปสู่ผลการดำเนินงานทางการเงินที่ดียิ่งขึ้น

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

      การปรับเพิ่มอันดับเครดิตจะขึ้นอยู่กับความสามารถของธนาคารเกียรตินาคินในการขยายธุรกิจธนาคารและ/หรือเพิ่มความสามารถในการระดมเงินจากแหล่งเงินทุนที่มีความมั่นคงได้ อันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากเงินกองทุน รวมไปถึงคุณภาพสินทรัพย์ หรือสภาพคล่องอ่อนแอลงอย่างมีสาระสำคัญ นอกจากนี้ หากความสามารถในการทำกำไรของธนาคารลดลงอย่างมีนัยสำคัญอันเนื่องมาจากการมีคุณภาพสินทรัพย์ที่เสื่อมถอยลง หรือมีรายการขาดทุนขนาดใหญ่ที่ไม่ได้คาดหมายจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนก็อาจส่งผลให้มีการปรับลดอันดับเครดิตลงได้เช่นกัน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- Banks Rating Methodology, 3 March 2020

ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK)

อันดับเครดิตองค์กร: A

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

KK208A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A

KK212A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A

KK218A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A

KK25DA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 BBB+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com

ติดต่อ [email protected] โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

             บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

               ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!