WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1aaaA1ABaTMBThe

TMB แนะกลยุทธ์วางหมากธุรกิจ พิชิตเศรษฐกิจโลก ปี 2562 ชี้ EEC เป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย

    (1) (From left to right)Naris Sathapholdeja,Alexander Nondh Langfeldt, Senathip Sripaipan,Pachana Rujirek and Pirapong Nithikraiwut

      ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) จัดงาน TMB The Economic Insight 2019 ‘เจาะลึกเศรษฐกิจไทยพร้อมตั้งรับ EEC ในยุคดิจิทัล’ เพื่อให้บริการด้านข้อมูลเชิงเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้าธุรกิจ โดยเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน พร้อมชี้ว่าในปี 2562 ผู้ประกอบการไทยควรปรับกลยุทธ์หาตลาดใหม่ๆ พร้อมพัฒนานวัตกรรมสร้างความต่างและเครือข่ายการผลิต นอกจากนี้ยังควรพิจารณาช่องทางการลงทุนในโครงการ EEC เพราะเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมศักยภาพแห่งอนาคต ที่พร้อมรองรับหลากหลายภาคอุตสาหกรรม และมากไปด้วยมาตรการส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ

      ทีเอ็มบี ชี้ระบบเศรษฐกิจโลกในปี 2562 มีทีท่าชะลอตัวขนานใหญ่ โดยมีปัจจัยสำคัญ คือ (1) ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (OECD)[1] ที่ส่งสัญญาณภาคเศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วงปลายของการขยายตัวตามวัฏจักรเศรษฐกิจ (Late Economic Cycle) (2) ระดับราคาน้ำมัน และค่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ภาคการผลิต (PMI) ที่อยู่ในขาลงมาตั้งแต่ปี 2561[2] (ราคาน้ำมันโลกลดลงถึง 35% จาก 83 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล สู่ 53.8 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรลเมื่อปลายปี 2561 ขณะที่ค่าดัชนี PMI ลดลงตลอดทั้งปี 2561 จาก 54.5 สู่ 51.5) และ (3) สถานการณ์บีบคั้นของจีน ทั้งจากสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกา ที่ส่งผลให้ค่าดัชนี PMI ของบริษัททุกขนาดติดลบ และความพยายามรัดเข็มขัดเพื่อปรับลดระดับหนี้ของประเทศลง (จีนมีระดับหนี้ 267% ของ GDP เป็นหนี้ภาคธุรกิจขนาดใหญ่ถึง 162% ของ GDP รวมถึงมีหนี้นอกระบบที่ต้องจัดการ) นอกจากนี้สภาพตลาดหุ้นที่ราคาตกต่ำ ก็ทำให้ระดับความมั่งคั่งของคนจีนเริ่มมีปัญหา[3]

      ขณะที่เศรษฐกิจไทย ในปี 2562 จะขยายตัว ด้วยแรงผลักดันจากอุปสงค์ภายในประเทศเป็นหลัก อัตราการเติบโตในปีนี้อยู่ที่ 3.8% ลดลงจาก 4.0% ในปีก่อน เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนหลักคือการบริโภคภาคเอกชนที่สูงขึ้น สำหรับการส่งออกในปีนี้ คาดว่าจะขยายตัว 4.3%YoY ลดลงจาก 6.7%YoY ในปี 2561 เนื่องด้วยผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวโดยเฉพาะจีน การที่ไทยถูกสหรัฐอเมริกาตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) และผลกระทบจากสงครามการค้าของจีนกับสหรัฐอเมริกาที่ยืดเยื้อ ทั้งนี้การส่งออกของไทยในปีนี้มีตลาดรองรับที่สำคัญ คือ CLMV (+9.0%), อาเซียน (+6.5%), ญี่ปุ่น (+5.5%), ยุโรป (+4.5%) และสหรัฐอเมริกา (+4.5%) ตามลำดับ มีสินค้าส่งออกที่โดดเด่น คือ ยานยนต์และชิ้นส่วน, สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์, เครื่องจักร, สินค้าอาหาร และสินค้าจากการเกษตร[4]

       การท่องเที่ยวของไทยยังเป็นบวก ด้วยอัตราการเติบโต 6.6%YoY ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 6.4%YoY ในปีก่อน คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวขาเข้าในปี 2562 จำนวน 40.2 ล้านคน โดยแม้ว่าจะมีผลประทบจากยอดนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงจนมีอัตราการเติบโตรายเดือนติดลบในช่วงปลายปีที่แล้ว[5] ภาคการท่องเที่ยวไทยก็จะคงขยายตัวด้วยแรงสนับสนุนของนักท่องเที่ยวจากอาเซียน เอเชียตะวันออก และสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ดี คาดว่าระดับนักท่องเที่ยวจีนน่าจะกลับมาในเวลาอีกไม่นาน โดยธุรกิจท่องเที่ยวของไทยควรหันไปให้ความสนใจกับกลุ่มคนจีนที่มีการใช้จ่ายระดับกลางถึงบน และกลุ่มที่เดินทางเองโดยไม่ใช้บริษัททัวร์[6]

      ในด้านระบบการเงิน ทีเอ็มบี คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 ด้วยอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับเป้าหมายและเพื่อคงขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายทางการเงินไว้

      จากสภาพเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศดังกล่าว...ธุรกิจไทยยังคงมีโอกาสที่ดี โดยเฉพาะการส่งเสริมการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมของประเทศที่มีศักยภาพ ด้วยอัตราค่าแรงที่ยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ (เมื่อเทียบกับ จีน มาเลเซีย และสิงคโปร์) และระดับความสะดวกในการประกอบธุรกิจที่ค่อนข้างสูง (Ease of doing business ranking ในปี 2561 ไทยอยู่อันดับ 26 ซึ่งสูงกว่า เวียดนาม อินโดนีเซีย และจีน) นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ประกอบการไทยจะปรับกลยุทธ์ เช่น มองหาตลาดส่งออกใหม่ๆ พัฒนาสินค้าให้มีนวัตกรรมสูงขึ้น สร้างความแตกต่างของสินค้า ใช้สิทธิประโยชน์จากมาตรการยกเว้นภาษีของหน่วยงานภาครัฐ อาทิ บีโอไอ และประเทศคู่ค้าอื่นๆ รวมถึงสร้างเครือข่ายการผลิตที่แข็งแกร่งกว่าเดิม

       โดยโอกาสทองที่สำคัญ อยู่ที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (EEC: Eastern Economic Corridor) แผนยุทธศาสตร์ภายใต้ ไทยแลนด์ 4.0 อันเป็นโครงการพัฒนาเชิงพื้นที่ต่อยอดจาก Eastern Seaboard ซึ่งมุ่งพัฒนาศักยภาพของภาคอุตสาหกรรมไทยให้แข็งแกร่งและสามารถค้ำจุนเศรษฐกิจโดยรวมได้ในระยะยาว ผ่านการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นสูง โดยโอกาสทางธุรกิจอันดีมี 2 ส่วน ได้แก่ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน และด้านการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย

       ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของ EEC เป็นเม็ดเงินมูลค่า 988 พันล้านบาท การก่อสร้างเขตนิคมอุตสาหกรรม และการก่อสร้างโรงงาน โดยมีโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ได้แก่ ทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อสนามบิน 3 แห่ง มูลค่า 220 พันล้านบาท, เมืองการบินภาคตะวันออก มูลค่า 300 พันล้านบาท, ท่าเรือแหลมฉบังเฟสที่ 3 มูลค่า 110 พันล้านบาท และท่าเรือมาบตะพุดเฟสที่ 3 มูลค่า 55 พันล้านบาท[7]

       ด้านการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ปัจจุบันมี 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งมีศักยภาพในการเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย ประกอบด้วยกลุ่ม First S-Curve ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต, อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ, อุตสาหกรรมเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ, อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร, และ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และกลุ่ม New S-Curve ได้แก่ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์, อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์, อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร, อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ และอุตสาหกรรมดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่สามารถเติมเต็มพื้นที่โครงการ EEC ได้

     เช่น อุตสาหกรรมพลาสติก และอุตสาหกรรมแฟชั่น ทั้งนี้ในช่วงปี 2559 จนถึงเดือนกันยายน ปี 2561 ได้มีโครงการการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ได้ยื่นขอรับการส่งเสริมจากบีโอไอเป็นมูลค่ารวม 913 พันล้านบาท และกรอบระยะเวลาในช่วงปี 2018-2023 การลงทุนผ่านบีโอไอในโครงการ EEC มีมูลค่ารวม 600 พันล้านบาท โดยคาดว่ากลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายและกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ จะมีรายได้ 1ล้านล้านบาทและ 2.83 ล้านล้านบาท ตามลำดับ[8] โดยมีมาตรการส่งเสริมโครงการ EEC อาทิ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 13 ปี และลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50%[9]

       นายนริศ สถาผลเดชา หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี กล่าวว่า “สำหรับเศรษฐกิจไทยโดยรวม โครงการ EEC จะมีส่วนยกระดับการลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ได้อย่างยิ่ง จากข้อมูลจะเห็นได้ว่าโครงการ EEC ยังสามารถรองรับผู้ลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้เพิ่มอีกจำนวนมาก จากตัวเลขรายรับที่ผู้ลงทุนพึงได้เก็บเกี่ยวจากการลงทุน ประกอบกับช่องทางการรับการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เพิ่มขึ้นอันจะยกระดับศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก โอกาสทองที่พร้อมให้ผลตอบแทนในระยะยาวแก่นักธุรกิจไทยจึงอยู่เพียงแค่เอื้อม”

        นายเสนธิป ศรีไพพรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบี กล่าวว่า “ทีเอ็มบี มุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการที่มีคุณภาพและคุณค่าแก่ลูกค้าธุรกิจอยู่เสมอ ด้วยเชื่อมั่นว่าธุรกิจไทยคือรากฐานสู่อนาคตที่ยั่งยืนของประเทศ ทีเอ็มบี จึงมุ่งมั่นที่จะเป็นมากกว่าธนาคาร แต่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่จะช่วยส่งต่อความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและการเงินการธนาคารผ่านบทวิเคราะห์และคำแนะนำที่มีประโยชน์แก่ลูกค้าธุรกิจของเรา”

        งาน TMB The Economic Insight 2019 ‘เจาะลึกเศรษฐกิจไทยพร้อมตั้งรับ EEC ในยุคดิจิทัล’ จัดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 ณ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ โดยมีลูกค้าธุรกิจให้เกียรติเข้าร่วมจำนวน 400 ราย ทั้งนี้ ทีเอ็มบี วางแผนจัดกิจกรรมเพื่อลูกค้าธุรกิจเป็นประจำทุกปี

ภาพที่ 1

(จากซ้ายไปขวา) นริศ สถาผลเดชา หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี, อเล็กซานเดอร์ นนท์ แลงเฟลด์

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีเอ็มบี,

เสนธิป ศรีไพพรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบี, พาจนา รุจิเรข หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าบรรษัทธุรกิจ ทีเอ็มบี, และ พีรพงศ์ นิธิไกรวุฒิ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบี

ภาพที่ 2

เสนธิป ศรีไพพรรณ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบี

ภาพที่ 3

นริศ สถาผลเดชา

หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี

ภาพที่ 4

เสนธิป ศรีไพพรรณ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบี

ภาพที่ 5

นริศ สถาผลเดชา

หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี

ภาพที่ 6

นริศ สถาผลเดชา

หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี

ภาพที่ 7

นริศ สถาผลเดชา

หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี

ภาพที่ 8

ลูกค้าธุรกิจของทีเอ็มบี ให้เกียรติร่วมฟังสัมมมา

ภาพที่ 9

ลูกค้าธุรกิจของทีเอ็มบี ให้เกียรติร่วมฟังสัมมมา

อ่านข้อมูลและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับเศรษฐกิจของไทย ภูมิภาค และโลก โดยทีเอ็มบี ได้ที่ www.tmbbank.com/analytics

ช่องทางการติดตาม ทีเอ็มบี

Website           www.tmbbank.com

Facebook       www.facebook.com/TMB  

Line@             TMB

Instagram       @makethedifference_by_tmb

Twitter             @tmb_bank

LinkedIn         TMB Bank PCL

* * * * * *

#TMBTheEconomicInsight2019 #เพราะคุณต้องได้มากกว่า #GetMOREwithTMB #TMBMakeTHEDifference

* * * * * *

makeTHEdifference.org

Click Donate Support Web

ais 790x90

GC 950x120

sme 720x90SIAM790x90

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!