- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Sunday, 18 November 2018 12:32
- Hits: 2863
EXIM BANK จัดประชุมประจำปีธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าในเอเชีย ครั้งที่ 24 จ.ภูเก็ต เตรียมความพร้อมผู้ส่งออกและนักลงทุนไทยและเอเชียเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0
EXIM BANK เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีธนาคารเพื่อการส่งออกและนําเข้าในเอเชีย (Asian EXIM Banks Forum : AEBF) ครั้งที่ 24 ภายใต้หัวข้อ ‘อุตสาหกรรม 4.0’ โดยมีนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม ณ โรงแรมเดอะ เวสทิน สิเหร่ เบย์ รีสอร์ทแอนด์สปา ภูเก็ต เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 เพื่อแสดงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยที่พร้อมสนับสนุนความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการในเวทีการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมการค้าเสรีที่จะนำไปสู่การพัฒนาทางเศรษฐกิจและความอยู่ดีกินดีของประชาชนไทยและชาติเอเชีย
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในพิธีเปิดการประชุมว่า การค้าระหว่างประเทศเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาของทุกประเทศทั่วโลก โดยประเทศไทยส่งออกสินค้าและบริการเป็นสัดส่วนสูงกว่า 77% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) การรวมกลุ่มความร่วมมือระหว่างสถาบันการเงิน อาทิ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของชาติต่างๆ ในเอเชีย จึงเป็นประโยชน์ต่อการอำนวยความสะดวกและสนับสนุนทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการในภูมิภาค ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยจึงมี EXIM BANK ทำหน้าที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ดำเนินภารกิจส่งเสริมและสนับสนุนการส่งออก การนำเข้า และการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ นับตั้งแต่ปี 2536 เป็นต้นมา โดยขยายเครือข่ายความร่วมมืออย่างแข็งแกร่งกับองค์กรการเงินเพื่อการส่งออกในประเทศต่างๆ รวมถึงสมาชิก AEBF ที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวต่อไปว่า วิกฤตการเงินโลกที่ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกชะลอลงต่ำกว่าอัตราการเติบโตของจีดีพีโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนกระทั่งปี 2560 มูลค่าการค้าโลกเริ่มฟื้นตัว เติบโตที่ระดับ 4.7% สูงสุดในรอบ 6 ปี เป็นผลจากเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาฟื้นตัวและเศรษฐกิจจีนโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การส่งออกสินค้าและบริการของไทยขยายตัว 5.5% ในปี 2560 และขยายตัวต่อเนื่องในปี 2561 คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยทั้งปี 2561 อยู่ที่ 4.5% เป็นผลจากการเติบโตของภาคการส่งออกไทยเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ 8.0% ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนสูง อาทิ ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อชาติในเอเชียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความตกลงเป็นหุ้นส่วนกันระหว่างชาติในเอเชียจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่ช่วยลดผลกระทบดังกล่าว นำไปสู่การค้าเสรี ความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ
และการลดปัญหาความยากจนของประชาชนในเอเชียในที่สุด ภารกิจส่วนหนึ่งของกระทรวงการคลัง ได้แก่ การทยอยลดอัตราภาษีนำเข้า ปรับปรุงกระบวนการศุลกากร และพัฒนาระบบพิธีการหน้าต่างเดียวในอาเซียนเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของไทยกับประเทศสมาชิกอาเซียน ตลอดจนการส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์และขนส่งเชื่อมโยงประเทศไทยกับตลาดการค้าโลก โดยปัจจุบันประเทศไทยกำลังก้าวสู่โมเดล ‘ไทยแลนด์ 4.0’ซึ่งรัฐบาลไทยกำหนดเป้าหมายจะพัฒนาอุตสาหกรรมในกลุ่ม S-Curve เชื่อมโยงกับการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมเพื่อรองรับการลงทุน อาทิ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) โดยให้มาตรการจูงใจด้านภาษี ประเทศไทยมิได้มีเป้าหมายเพียงเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของตนเองเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของความเชื่อมโยงและร่วมมือกับประเทศอื่นในภูมิภาค เพื่อความมั่งคั่งและรุ่งเรืองของเอเชียอย่างยั่งยืน
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง มีเป้าหมายการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ จึงพร้อมดำเนินภารกิจสอดประสานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยมีข้อมูลและเครื่องมือทางการเงินที่จะเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจในโลกการค้ายุคใหม่ ดำเนินธุรกิจการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศได้อย่างยั่งยืน โดยศึกษาต้นแบบจากประเทศพัฒนาแล้ว อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ด้วยเหตุนี้ EXIM BANK จึงผลักดันให้เกิดการประชุมหารือในหัวข้อ ‘อุตสาหกรรม 4.0’ ในการประชุมประจำปีครั้งที่ 24 ของ AEBF ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมในปีนี้ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ในการส่งเสริมผู้ประกอบการให้สามารถสร้างอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น รองรับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ท่ามกลางกระแสหรือเทรนด์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา กล่าวคือ การก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งผู้ประกอบการต้องปรับตัวครั้งใหญ่ในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ผลิตสินค้า สร้างกระบวนการผลิตอัจฉริยะเพื่อผลิตสินค้าที่หลากหลายและตรงกับความต้องการป้อนผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดต้นทุน มีประสิทธิภาพ และครบวงจร สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่จะยกระดับการพัฒนาภาคการผลิต ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนของไทยและภูมิภาคเอเชีย
นายพิศิษฐ์ เปิดเผยต่อไปว่า ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของเอเชียผนวกกับความร่วมมือระหว่างสมาชิก AEBF เพื่อลดอุปสรรคทางการค้าการลงทุนและแสวงหาโอกาสใหม่ร่วมกัน จะนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างประเทศของเอเชีย ต่อยอดการเติบโตทางเศรษฐกิจในภาพรวมของเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะขยายตัว 5.6% ในปี 2561 และ 5.4% ในปี 2562 เป็นผลมาจากอุปสงค์ภายในประเทศและการส่งออกขยายตัวในเกณฑ์ดี ประกอบกับเม็ดเงินจากต่างประเทศที่หลั่งไหลเข้ามายังภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้ GDP ของประเทศในเอเชีย-แปซิฟิกขยายตัวเพิ่มขึ้นได้อีกมาก นำไปสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยังเป็นที่ต้องการอีกกว่า 40 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะมีส่วนผลักดันให้เศรษฐกิจและสังคมของภูมิภาคและโลกโดยรวมขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว
ทั้งนี้ การประชุมระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าในเอเชียจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อให้สมาชิก 11 ประเทศสมาชิก ประกอบด้วย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนําเข้าแห่งประเทศไทย จีน อินเดีย เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ตุรกี รวมทั้งธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) องค์กรสนับสนุนการเงินและการรับประกันการส่งออกของออสเตรเลีย (EFIC) และธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเวียดนาม (VDB) โดยมีธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) เป็นผู้สังเกตการณ์ถาวร มีศูนย์การส่งออกแห่งรัสเซีย (REC) และสำนักงานพัฒนาการส่งออกของแคนาดา (EDC) เป็นผู้สังเกตการณ์ ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหารือร่วมกันถึงแนวทางเสริมสร้างความร่วมมืออย่างแน่นแฟ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกัน นำไปสู่การพัฒนาของเอเชีย-แปซิฟิกอย่างยั่งยืน
“ผู้ที่ปรับตัวได้ทันในโลกยุคใหม่ย่อมมีความได้เปรียบ ขณะที่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้จะนำไปสู่การพัฒนาในอนาคต EXIM BANK จึงทำหน้าที่จัดการประชุมประจำปีของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าในเอเชียในปีนี้ ด้วยความมุ่งหวังจะขยายเครือข่ายข้อมูลข่าวสารและความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก เพื่อส่งเสริมการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยและเอเชียให้ทันกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกไปสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 และการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเอเชีย-แปซิฟิก”นายพิศิษฐ์กล่าว
EXIM Thailand hosted the 24th Asian EXIM Banks Forum annual meeting under the topic “Industry 4.0” at The Westin Siray Bay Resort & Spa Phuket on November 15, 2018. Presided over by Mr. Apisak Tantivorawong, Thai Finance Minister, the 2018 Forum demonstrates the Thai government’s commitment to collaboration with other public organizations particularly financial institutions with a mandate to promote and support entrepreneurs in their international trade and investment. This aims to promote free trade and well-being of Thai and Asian people.
Mr.Apisak Tantivorawong, Minister of Finance, indicates in his opening address that international trade is indeed a major factor driving economic growth and development in every country around the world. In the case of Thailand, in particular, exports constitute over 77% of GDP. Financial cooperation such as this AEBF is thus viewed to be of great financial and other supportive benefits to all business operators within the region. For similar reasons, in the case of Thailand, EXIM Thailand has been established as a specialized financial institution (SFI) under the auspices of the Ministry of Finance (MOF) since 1993 to help promote and support exports, imports as well as investment within and outside Thailand. Under these functions, EXIM Thailand has also played a key role in supporting and promoting cooperative fora among other regional EXIM Banks including the AEBF members in the meeting.
Minister of Finance further said that the recent global financial crisis has contributed to much slower global and regional economic growth rates compared with the past few years. It was not until 2017 when world trade began to recover at some 4.7% which was a record high in six years, thanks to the recovery in both the US and China. Meanwhile, Thai exports edged up moderately by 5.5% in the same year. Thailand overall GDP growth is thus expected to reach 4.5% in 2018 boosted by a stronger export growth of 8% this year. The global economic prospects, nevertheless, remain uncertain as highlighted by the trade conflict between the US and China with inevitable consequences on Asian economies. Partnerships and solidarity among the Asian nations would, therefore, be of great benefit, serving not only to help alleviate the impacts of the current trade conflict but also sustain free trade, future economic prosperity and ultimately poverty reductions in Asia as a whole. As one of our key joint mandates, the Thai MOF continues to keep up with its tariffs reduction schedules, streamlining its customs procedures and develop the ASEAN/National Single Window to integrate the diverse electronic data bases into a platform for promoting logistics and transport systems development connecting Thailand with the global markets even more closely for sustainable wealth and prosperity of Asia. Under the current “Thailand 4.0” model, the Royal Thai government has targeted a number of s-curve industries earmarked to a number of regional industrial estates development to cater for and promote investments. In particular, the Eastern Economic Corridor (EEC) Special Economic Zone has been endowed with extra tax privileges. This is certainly not only targeted for domestic economic development but also gearing towards the strengthening of international connections and cooperation within the region for mutual wealth and prosperity of Asian in a sustainable fashion.
Mr.Pisit Serewiwattana, EXIM Thailand President, reveals that as one of the key SFIs under the MOF supervision, EXIM Thailand aims to drive for the realization Thailand’s International Trade and Investment Strategic goals. To accomplish this, EXIM Thailand has played a critical role in coordinating with public and private institutions both domestic and abroad in equipping Thai businesses with the latest information and financial instruments necessary to access modern trading opportunities in the global arena. To ensure a sustainable international trade and investment strategy, EXIM Thailand has taken initiatives and opened opportunities for the exchanges of lessons learnt and experiences with some of the best international practitioners from countries such as Japan, South Korea, Australia. Among the key agenda discussed in this 24th AEBF annual meeting, the topic of “Industry 4.0” has been prioritized with the aim of enhancing regional businesses’ capabilities in creating higher value-added industries and meeting new and more sophisticated demands of modern consumers. Amidst the continuous flux of rapidly changing trends, as a manifestation of Industry 4.0, regional business operators/enterprises need to embark on major adjustments process in integrating digital technologies into their productions. Smart and comprehensive production processes will help them to responsively produce the varieties of goods and services that meet rapidly shifting demands of modern consumers at lower costs, with needed efficiency. To meet this competition under Thailand 4.0, production will need to be upgraded to ensure sustainable developments for both Thailand and the Asian region as a whole.
Mr.Pisit elaborates further that, with the combined strength and cooperative solidarity among the AEBF members, obstacles to trade and investment can be overcome, opening up new opportunities and giving boosts to international trade and investments among the Asian nations. To build on the current trend of the Asia-Pacific regional growth of 5.6% in 2018 and 5.4% in 2019, both domestic and export demands are expected to continue to grow, facilitated by continuous capital inflows into the region. The overall Asia-Pacific growth potential obviously has a long way to go with correspondingly strong demands for infrastructure estimated at some 40 trillion US dollars. This strength will naturally contribute to regional economic and social development as well as global growth and stability in the long term.
This AEBF forum is an annual event, organized to allow its 11 members consisting of EXIM Banks from China, India, South Korea, Indonesia, Malaysia, the Philippines, Thailand, Turkey, (Japanese) Japan Bank for International Cooperation (JBIC), (Australian) Export Finance and Insurance Corporation (EFIC), and (Vietnamese) Vietnam Development Bank (VDB); as well as 3 observers i.e. Asian Development Bank (ADB), (Russian) Russian Export Center (REC), (Canadian) Export Development Canada (EDC) to exchange views and discuss future cooperative directions for firmer supports to regional businesses conducting trade and investments for sustainable development within the Asia-Pacific region.
“The advantages will obviously belong to those who have successfully adapted to the modern world while the exchanges of views and experiences will naturally lead to future development. This is the theme of the AEBF Meeting organized by EXIM Thailand this year. Among other objectives, the meeting aims to expand the networks of information and cooperation among member countries with the ultimate aim of boosting businesses’ competitiveness within both Thailand and the Asian region in line with the global trends under “Industry 4.0” and sustainable development for the Asia-Pacific region as a whole,” said Mr. Pisit.
Click Donate Support Web