- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Friday, 19 October 2018 16:08
- Hits: 1298
คำอธิบายและการวิเคราะห์งบการเงิน สิ้นสุด 30 กันยายน 2561 (ก่อนตรวจสอบ)
ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน
ภาพรวมผลการดำเนินงาน
ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2561ของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (ธนาคารเกียรตินาคิน และบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิไม่รวมส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเท่ากับ1,551ล้านบาทโดยอยู่ในระดับคงที่เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2561 ที่มีจำนวน 1,551 ล้านบาท และหากเทียบกับไตรมาส 3/2560 ลดลงร้อยละ 10.0
สำหรับผลกำรดำเนินงำนงวดเก้าเดือนปี 2561 เปรียบเทียบกับงวดเก้าเดือนปี 2560 มีกำไรสุทธิไม่รวมส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเท่ากับ 4,615 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 จากงวดเดียวกันของปี 2560
สินทรัพย์รวมณวันที่ 30 กันยายน 2561 มีจำนวน 295,877 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.1 จากสิ้นปี 2560
ตัวเลขที่สำคัญทางการเงิน
อัตราส่วนต่างๆ (ร้อยละ) | ไตรมาส3/2560 |
งวดเก้าเดือน ปี 2560 |
ไตรมาส 1/2561 | ไตรมาส 2/2561 |
ไตรมาส 3/2561 |
งวดเก้าเดือน ปี 2561 |
อัตราการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ | 0.2 | 4.4 | 5.7 | 4.3 | 3.5 | 14.1 |
สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (ไม่รวมรายการระหว่างธนาคาร) |
5.6 | 5.6 | 4.7 | 4.5 | 4.2 | 4.2 |
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย | 5.4 | 5.3 | 4.9 | 4.9 | 5.1 | 5.0 |
อัตราส่วนการตั้งสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ | 105.6 | 105.6 | 110.9 | 113.8 | 115.6 | 115.6 |
อัตราส่วนสำรองต่อสำรองตามเกณฑ์ | 185.4 | 185.4 | 186.1 | 183.0 | 184.9 | 184.9 |
ธุรกิจธนาคารพาณิชย์
ไตรมาส 3/2561 สินเชื่อของธนาคารมียอดรวมอยู่ที่ 220,141 ล้านบาท ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 3.5 เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาส 2/2561 ส่งผลใหสินเชื่อโดยรวมของธนาคารมีการขยายตัวที่ร้อยละ 14.1 จากสิ้นปี 2560 โดยสินเชื่อมีการขยายตัวในทุกประเภท ด้านคุณภาพของสินเชื่อ อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมยังคงปรับลดลงต่อเนื่องโดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2561 อยู่ที่ร้อยละ 4.2
ณวันที่ 30 กันยายน 2561 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) คำนวณตามเกณฑ์ Basel III ซึ่งเงินกองทุนทั้งสิ้นได้รวมกำไรถึงงวดครึ่งแรกของปี 2561 หลังหักเงินปันผลจ่ายอยู่ที่ร้อยละ 16.36 โดยเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับร้อยละ 12.85 แต่หากรวมกำไรถึงสิ้นไตรมาส 3/2561 จะส่งผลให้อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่ากับร้อยละ 17.03 และเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับร้อยละ 13.52
ธุรกิจตลาดทุน
ธุรกิจนายหน้ำ (Brokerage Business)
บล.ภัทรดำเนินธุรกิจให้บริการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์แก่ลูกค้าประเภทสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมถึงกลุ่มลูกค้าบุคคลรายใหญ่ภายใต้บริการ Private Wealth Management ซึ่งในกลุ่มนี้บริษัทให้บริการเป็นนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุนและหุ้นกู้อนุพันธ์อีกด้วยสำหรับไตรมาส 3/2561 บล.ภัทรมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 4.2 เป็นอันดับที่ 8 จากจำนวนบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหมด 38 แห่งและบล.ภัทรมีรายได้ค่านายหน้า 312 ล้านบาท
ธุรกิจวานิชธนกิจ (Investment Banking Business)
บล.ภัทร ประกอบธุรกิจวานิชธนกิจ ให้บริการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและการจัดจาหน่ายหลักทรัพย์ ในไตรมาส 3/2561 บล.ภัทร มีรายได้จากธุรกิจวานิชธนกิจรวม 86 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้ที่ปรึกษาทางการเงิน 40 ล้านบาท รายได้การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 12 ล้านบาท และรายได้อื่น 34 ล้านบาท
ธุรกิจกำรลงทุน (Investment Business)
ไตรมาส 3/2561 ฝ่ายลงทุนมีผลขาดทุนจากการลงทุนโดยรวมขาดทุนจากการวัดมูลค่าเงินลงทุนในหลักทรัพย์ 91 ล้านบาท ในส่วนของธุรกิจเฮดจ์ฟันด์มีผลขาดทุน 44 ล้านบาท สำหรับฝ่ายค้าหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสามารถทำรายได้จานวน 76 ล้านบาท และเมื่อรวมกับรายได้จากการลงทุนอื่นในส่วนของการบริหารเงินทุนและสภาพคล่องของบริษัท ทำให้ในไตรมาส 3/2561 บริษัทและบริษัทย่อยมีผลขาดทุนรวมจากธุรกิจลงทุนจำนวน 28 ล้านบาท
ธุรกิจจัดกำรกองทุน (Asset Management Business)
ณ วันที่ 30 กันยายน 2561 บลจ.ภัทร มีทรัพย์สินภายใต้การจัดการของกองทุน 66,407 ล้านบาท มีกองทุนภายใต้การบริหารรวม 26 กองทุน แบ่งเป็นกองทุนรวม (Mutual Fund) 23 กองและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 3 กอง โดยมีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 1.3 สำหรับไตรมาส 3/2561 บลจ.ภัทร มีรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจจัดการกองทุนรวมจานวน 125 ล้านบาท
สาหรับกองทุนส่วนบุคคลณวันที่ 30 กันยายน 2561 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารทั้งสิ้น 27,841 ล้านบาททั้งนี้บลจ.ภัทรมีรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจจัดการกองทุนส่วนบุคคลจำนวน 76 ล้านบาท
ภาวะเศรษฐกิจ ตลาดเงิน ตลาดทุน
เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/2561 ขยายตัวได้ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 2/2561 โดยเป็นผลจากการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศเป็นสาคัญทั้งการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนโดยการบริโภคภาคเอกชนฟื้นตัวอย่างชัดเจนในสินค้าคงทน (โดยเฉพาะรถยนต์) สอดคล้องไปกับรายได้ของครัวเรือนที่ปรับตัวดีขึ้น
ในส่วนของการลงทุนของภาครัฐปรับตัวดีขึ้นจากช่วงครึ่งแรกของปีตามการเบิกจ่ายค่าก่อสร้างและเครื่องจักรของกรมชลประทานและกรมทางหลวงชนบทเป็นสาคัญขณะที่ภาคต่างประเทศขยายตัวชะลอลงทั้งการส่งออกที่ขยายตัวชะลอลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องซักผ้าและโซลาร์เซลล์ที่หดตัวจากการขึ้นภาษีนาเข้าของสหรัฐและฐานสูงจากการเร่งส่งออกปีก่อนรวมถึงการส่งออกสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ก็เริ่มชะลอตัวลงด้วยเช่นกันในส่วนของการท่องเที่ยวในไตรมาส 3 มีทิศทางชะลอตัวลงมากจากผลกระทบจากเหตุการณ์เรือนักท่องเที่ยวจีนล่มที่จังหวัดภูเก็ตเป็นสำคัญสอดรับไปกับจำนวนนักท่องเที่ยวเดือนกรกฏาคมและสิงหาคมเมื่อปรับฤดูกาลแล้วลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อน
แม้ว่าแนวโน้มของเศรษฐกิจจะมีทิศทางที่ทยอยดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้จ่ายของภาคเอกชนในประเทศ แต่ยังมีอุปสรรคสำคัญที่ฉุดรั้งการฟื้นตัวในระยะข้างหน้า ได้แก่ หนึ่ง ปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจและสังคมไทย รวมถึงภาระหนี้ที่ยังอยู่ในระดับสูงทำให้การบริโภคของครัวเรือนยังขยายตัวได้ไม่ทั่วถึง สอง ความเสี่ยงจากนโยบายการค้าของสหรัฐและประเทศอื่นๆ ที่ตอบโต้สหรัฐ รวมถึงแนวโน้มความเสี่ยงของเศรษฐกิจจีนที่อาจอ่อนแอลง อาจส่งผลให้การขยายตัวของภาคส่งออก ต่อเนื่องมาถึงภาคการลงทุนชะลอตัวลง สาม ความผันผวนของราคาน้ำมันในทิศทางเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์โดยฉพาะแถบตะวันออกกลาง ซึ่งกระทบต่อดุลบัญชีเดินสะพัดให้ปรับตัวลดลง รวมถึงเงินเฟ้อให้สูงขึ้น และสี่ ความตึงตัวทางการเงินที่เริ่มเพิ่มขึ้น อันเป็นผลจากสัญญาณของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่เริ่มพิจารณาความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต และจากดอกเบี้ยในตลาดการเงินที่เริ่มปรับเพิ่มขึ้น โดยฝ่ายวิจัยฯ คาดว่าดอกเบี้ยนโยบายจะคงอยู่ที่ร้อยละ 1.5 จนถึงสิ้นปีนี้