- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 15 January 2018 16:23
- Hits: 7517
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อ/ถือต่อเมื่อ SET เหนือ 1790”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ปัจจัยภายนอก เงินเฟ้อทั่วไปสหรัฐเดือนธ.ค.60 อยู่ที่ 2.1% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานเท่ากับ 1.8% ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายระยะยาวที่ 2.0% ยอดค้าปลีกสหรัฐเดือนธ.ค. +0.4%MoM (+5.4%YoY) นับว่าแข็งแกร่ง ทาง CME Group FedWatch ระบุว่าโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยปี 61 มี 3 ครั้งในเดือนมี.ค., มิ.ย.และธ.ค. ทางด้านยูโรโซน นอกจากเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้นจน ECB ส่งสัญญาณชะลอ QE ที่ใช้มาราว 3 ปีแล้ว ก็มีข่าวว่านางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เจรจาจัดตั้งรัฐบาลในเบื้องต้นกับอีก 2 พรรคได้แล้ว หลังจากเลือกตั้งไปเมื่อ 24 ก.ย.60 ยังผลให้ค่าเงินยูโรแข็งขึ้นเมื่อเทียบ US$ ส่วนราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นต่อ 0.8-0.9% แต่ราคาน้ำมัน และราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมีเข้าโซนซื้อมากเกินไปทางเทคนิค จึงควรระวังการแกว่งตัวช่วงสั้น
ส่วนปัจจัยภายใน นายสมคิด รองนายกฯ จะร่วมประชุมติดตามและผลักดันโครงการ EEC โดยคาดว่าสนช.จะพิจารณาพ.ร.บ. EEC ภายในก.พ.นี้ ด้านธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำ ทางกพท.จะเสนอทบทวนเพดานค่าโดยสารอัตราใหม่ ให้เก็บไม่เกิน 9.40 บาทต่อกิโลเมตร (ปัจจุบันไม่เกิน 13 บาทต่อกิโลเมตร) หรือลดลง 28% โดยจะเสนอต่อคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ปลายม.ค.61 นี้ ... นับเป็น Sentiment ลบต่อหุ้นสายการบินต้นทุนต่ำ เช่น AAV (ถือหุ้นไทยแอร์เอเชีย 55%), NOK เป็นต้น
หุ้น Update วันนี้ : TISCO กำไรปี 60 ออกมา 6.1 พันล้านบาท (+22%YoY) เป็นไปตามที่ DBSV คาดการณ์ไว้ ซึ่งมาจากรายได้เพิ่ม การตั้งสำรองฯ ลดลง คาดกำไรปี 61 ยังเติบโตต่ออีก 14% มาจากรายได้ดอกเบี้ยและไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มตามภาวะเศรษฐกิจ และตั้งสำรองฯลดลง คาดการณ์ Dividend yield ปี 60-61ไว้ที่ 4.0% และ 4.2% ให้ราคาพื้นฐาน 97 บาท มี Upside 3% จากราคาปิดวันศุกร์
กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS รอบนี้เลือก 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท) และ 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท)
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากตลาดเป็นบวก แต่ก็ควรระวังการแกว่งตัว ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกหุ้นและตลาด แนวต้าน SET ให้ไว้ที่ 1820-1830 ถ้าหลุด 1790 ควร Stop loss แนวรับ 1760-1750, 1730-1700 จุด หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ได้แก่ KTB, ROJNA, HMPRO, M, BLA, SEAFCO, WHA ส่วนหุ้นที่หาจังหวะ Take profit เป็น CKP, ESSO, TCMC, ASAP, KKP, JAS หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ INTUCH, CK, GLOBAL, TU, SUSCO, PTTGC, MONO หุ้นที่หลุด List –ไม่มี-
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : เงินเฟ้อทั่วไปเดือนธ.ค.60 อยู่ที่ 2.1% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานเท่ากับ 1.8%
# ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) +0.1%MoM (+2.1%YoY) ในเดือนธ.ค. หลัง +0.4%MoM (+2.2%YoY) ในเดือนพ.ย. ส่วน Core CPI เดือนธ.ค. +0.3%MoM (+1.8%YoY) เมื่อเทียบกับพ.ย.ที่ +0.1%MoM (+1.7%YoY)
# CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ได้แก่ ในการประชุมเดือนมี.ค., มิ.ย. และธ.ค.61
# ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) -0.1%MoM ในเดือนธ.ค.60 ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค.2559 หลังจากที่ +0.4%MoM ติดต่อกัน 2 เดือน
• สหรัฐ : ยอดค้าปลีกธ.ค.โตตามคาดที่ +5.4%YoY
# ยอดค้าปลีก +0.4%MoM ในเดือนธ.ค. (+5.4%YoY) สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร +0.3%MoM ในเดือนธ.ค.
• ยูโรโซน : เงินยูโรแข็งค่าเทียบ US$ หลัง ECB จะทยอยยุติ QE และเยอรมนีจัดตั้งรัฐบาลเบื้องต้นได้แล้ว
# ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในช่วงนี้ เนื่องจาก
1. ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค. โดยระบุว่า ECB จะตัดถ้อยคำที่ว่า "ECB จะซื้อพันธบัตรจนกระทั่งอัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของ ECB" ซึ่งส่งสัญญาณว่า ECB พร้อมจะลดวงเงินในโครงการ QE มูลค่า 2.55 ล้านล้านยูโร หลังใช้ QE มาราว 3 ปี
2. สื่อเยอรมนีรายงานว่าพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) และพรรคสหภาพสังคมคริสเตียน (CSU) ของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และพรรคสังคมประชาธิปไตย (SPD) สามารถบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลแล้ว หลังจากเลือกตั้งไปเมื่อวันที่ 24 ก.ย.60...ทั้งนี้ทั้ง 3 พรรคเห็นพ้องกันว่าจะไม่มีการปรับขึ้นภาษีและจะจำกัดจำนวนผู้อพยพเข้าประเทศให้อยู่ในช่วง 180,000-220,000 คนต่อปี รวมทั้งจะให้เยอรมนีสมทบเงินช่วยเหลือ EU มากขึ้น
+ ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นต่อ ตลาดหุ้นยุโรปและอังกฤษบวกเช่นกัน
# ดัชนีดาวโจนส์ปิด 25,803.19 จุด +228.46 จุด หรือ +0.89% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,786.24 จุด เพิ่มขึ้น 18.68 จุด หรือ +0.67% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 7,261.06 จุด เพิ่มขึ้น 49.28 จุด หรือ +0.68%
# ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปิด +0.2%-0.3% ส่วนดัชนีตลาดหุ้นลอนดอน +15.70 จุด หรือ +0.20% เพราะคาดการณ์ว่ากำไรภาคเอกชนจะดีขึ้น
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ขยับขึ้นต่อ 0.8%-0.9%
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.78% ปิดที่ 64.30 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 61 เซนต์ หรือ 0.88% ปิดที่ 69.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
# ตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากความคิดเห็นของรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของรัสเซียที่ระบุว่า อุปทานน้ำมันดิบโลกยังไปไม่ถึงจุดสมดุล
+ ภาวะตลาดทองคำ : ราคาพุ่งขึ้น 0.9%
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 12.4 ดอลลาร์ หรือ 0.94% ปิดที่ 1,334.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะเงินดอลลาร์อ่อนค่า
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
• TISCO (ราคาปิด 94.25 บาท) : กำไรปี 60 โต 22% เป็นไปตามคาด
# TISCO รายงานกำไรสุทธิปี 60 เท่ากับ 6.1 พันล้านบาท เติบโต 22%YoY เป็นไปตามที่ฝ่ายวิจัยฯ DBSV คาดการณ์ไว้ซึ่งการเติบโตมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น และตั้งสำรองฯค่าเผื่อฯลดลง แม้ว่าค่าใช้จ่ายดำเนินงานสูงขึ้นก็ตาม ส่วนกำไร 4Q60 ลดลง QoQ เพราะรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยต่ำลง
# แนวโน้มปี 61 ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง เราคาดการณ์กำไรไว้ที่ 6.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 12%YoY มาจากธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อรายย่อยที่ดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ การตั้งสำรองค่าเผื่อฯน้อยลง และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยขยายตัวได้ดีขึ้น
# คาดการณ์ Dividend yield ปี 60-61 ไว้ที่ 4% และ 4.2% ตามลำดับ (จ่ายปีละ 2 ครั้ง)
# ฝ่ายวิจัยฯ DBSV ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 97 บาท เทียบกับราคาปัจจุบันมี Upside 3%
•/- AAV & NOK : รัฐจะกำหนดเพดานค่าโดยสารใหม่ซึ่งลดลงจากเดิม 28%
# สายการบินไทยแอร์เอเชีย ออกเอกสารเผยแพร่ระบุว่า จากกรณีที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) จะเสนอทบทวนกรอบเพดานค่าโดยสารสายการบินที่ให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศเฉพาะสายการบินราคาประหยัดในอัตราใหม่ ที่จะต้องเก็บไม่เกิน 9.40 บาทต่อกิโลเมตร ลดลงจากเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 13 บาทต่อกิโลเมตร โดยจะเสนอต่อคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ที่มีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เป็นประธานในช่วงปลายม.ค.61
# สายการบินไทยแอร์เอเชียยืนยันว่าหากมีการกำหนดเพดานราคาใหม่ดังกล่าวข้างต้น ก็จะไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างราคาโดยสาร เนื่องจากสายการบินสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีแนวทางเพิ่มรายได้จากส่วนอื่นมาเสริม ทั้งนี้บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ถือหุ้นร้อยละ 55 ในสายการบินไทยแอร์เอเชีย
# ความเห็น DBSV : เราเห็นว่าถ้ามีการลดกรอบเพดานอัตราค่าโดยสารสายการบินต้นทุนต่ำลงข้างต้น ก็จะกระทบ Sentiemnt การลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องก่อน (เช่น AAV, NOK เป็นต้น) เพราะตลาดไม่แน่ใจว่าบริษัทจะสามารถบริหารจัดการต้นทุน และรักษาระดับมาร์จิ้นให้อยู่ในระดับเดิมได้หรือไม่ ประกอบกับในปี 61 ราคาน้ำมันก็มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อ
ด้วย นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
“เลือกซื้อ/ถือต่อเมื่อ SET เหนือ 1790”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ปัจจัยภายนอก เงินเฟ้อทั่วไปสหรัฐเดือนธ.ค.60 อยู่ที่ 2.1% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานเท่ากับ 1.8% ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายระยะยาวที่ 2.0% ยอดค้าปลีกสหรัฐเดือนธ.ค. +0.4%MoM (+5.4%YoY) นับว่าแข็งแกร่ง ทาง CME Group FedWatch ระบุว่าโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยปี 61 มี 3 ครั้งในเดือนมี.ค., มิ.ย.และธ.ค. ทางด้านยูโรโซน นอกจากเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้นจน ECB ส่งสัญญาณชะลอ QE ที่ใช้มาราว 3 ปีแล้ว ก็มีข่าวว่านางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เจรจาจัดตั้งรัฐบาลในเบื้องต้นกับอีก 2 พรรคได้แล้ว หลังจากเลือกตั้งไปเมื่อ 24 ก.ย.60 ยังผลให้ค่าเงินยูโรแข็งขึ้นเมื่อเทียบ US$ ส่วนราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นต่อ 0.8-0.9% แต่ราคาน้ำมัน และราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมีเข้าโซนซื้อมากเกินไปทางเทคนิค จึงควรระวังการแกว่งตัวช่วงสั้น
ส่วนปัจจัยภายใน นายสมคิด รองนายกฯ จะร่วมประชุมติดตามและผลักดันโครงการ EEC โดยคาดว่าสนช.จะพิจารณาพ.ร.บ. EEC ภายในก.พ.นี้ ด้านธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำ ทางกพท.จะเสนอทบทวนเพดานค่าโดยสารอัตราใหม่ ให้เก็บไม่เกิน 9.40 บาทต่อกิโลเมตร (ปัจจุบันไม่เกิน 13 บาทต่อกิโลเมตร) หรือลดลง 28% โดยจะเสนอต่อคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ปลายม.ค.61 นี้ ... นับเป็น Sentiment ลบต่อหุ้นสายการบินต้นทุนต่ำ เช่น AAV (ถือหุ้นไทยแอร์เอเชีย 55%), NOK เป็นต้น
หุ้น Update วันนี้ : TISCO กำไรปี 60 ออกมา 6.1 พันล้านบาท (+22%YoY) เป็นไปตามที่ DBSV คาดการณ์ไว้ ซึ่งมาจากรายได้เพิ่ม การตั้งสำรองฯ ลดลง คาดกำไรปี 61 ยังเติบโตต่ออีก 14% มาจากรายได้ดอกเบี้ยและไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มตามภาวะเศรษฐกิจ และตั้งสำรองฯลดลง คาดการณ์ Dividend yield ปี 60-61ไว้ที่ 4.0% และ 4.2% ให้ราคาพื้นฐาน 97 บาท มี Upside 3% จากราคาปิดวันศุกร์
กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS รอบนี้เลือก 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท) และ 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท)
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากตลาดเป็นบวก แต่ก็ควรระวังการแกว่งตัว ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกหุ้นและตลาด แนวต้าน SET ให้ไว้ที่ 1820-1830 ถ้าหลุด 1790 ควร Stop loss แนวรับ 1760-1750, 1730-1700 จุด หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ได้แก่ KTB, ROJNA, HMPRO, M, BLA, SEAFCO, WHA ส่วนหุ้นที่หาจังหวะ Take profit เป็น CKP, ESSO, TCMC, ASAP, KKP, JAS หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ INTUCH, CK, GLOBAL, TU, SUSCO, PTTGC, MONO หุ้นที่หลุด List –ไม่มี-
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : เงินเฟ้อทั่วไปเดือนธ.ค.60 อยู่ที่ 2.1% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานเท่ากับ 1.8%
# ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) +0.1%MoM (+2.1%YoY) ในเดือนธ.ค. หลัง +0.4%MoM (+2.2%YoY) ในเดือนพ.ย. ส่วน Core CPI เดือนธ.ค. +0.3%MoM (+1.8%YoY) เมื่อเทียบกับพ.ย.ที่ +0.1%MoM (+1.7%YoY)
# CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ได้แก่ ในการประชุมเดือนมี.ค., มิ.ย. และธ.ค.61
# ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) -0.1%MoM ในเดือนธ.ค.60 ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค.2559 หลังจากที่ +0.4%MoM ติดต่อกัน 2 เดือน
• สหรัฐ : ยอดค้าปลีกธ.ค.โตตามคาดที่ +5.4%YoY
# ยอดค้าปลีก +0.4%MoM ในเดือนธ.ค. (+5.4%YoY) สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร +0.3%MoM ในเดือนธ.ค.
• ยูโรโซน : เงินยูโรแข็งค่าเทียบ US$ หลัง ECB จะทยอยยุติ QE และเยอรมนีจัดตั้งรัฐบาลเบื้องต้นได้แล้ว
# ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในช่วงนี้ เนื่องจาก
1. ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค. โดยระบุว่า ECB จะตัดถ้อยคำที่ว่า "ECB จะซื้อพันธบัตรจนกระทั่งอัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของ ECB" ซึ่งส่งสัญญาณว่า ECB พร้อมจะลดวงเงินในโครงการ QE มูลค่า 2.55 ล้านล้านยูโร หลังใช้ QE มาราว 3 ปี
2. สื่อเยอรมนีรายงานว่าพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) และพรรคสหภาพสังคมคริสเตียน (CSU) ของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และพรรคสังคมประชาธิปไตย (SPD) สามารถบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลแล้ว หลังจากเลือกตั้งไปเมื่อวันที่ 24 ก.ย.60...ทั้งนี้ทั้ง 3 พรรคเห็นพ้องกันว่าจะไม่มีการปรับขึ้นภาษีและจะจำกัดจำนวนผู้อพยพเข้าประเทศให้อยู่ในช่วง 180,000-220,000 คนต่อปี รวมทั้งจะให้เยอรมนีสมทบเงินช่วยเหลือ EU มากขึ้น
+ ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นต่อ ตลาดหุ้นยุโรปและอังกฤษบวกเช่นกัน
# ดัชนีดาวโจนส์ปิด 25,803.19 จุด +228.46 จุด หรือ +0.89% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,786.24 จุด เพิ่มขึ้น 18.68 จุด หรือ +0.67% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 7,261.06 จุด เพิ่มขึ้น 49.28 จุด หรือ +0.68%
# ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปิด +0.2%-0.3% ส่วนดัชนีตลาดหุ้นลอนดอน +15.70 จุด หรือ +0.20% เพราะคาดการณ์ว่ากำไรภาคเอกชนจะดีขึ้น
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ขยับขึ้นต่อ 0.8%-0.9%
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.78% ปิดที่ 64.30 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 61 เซนต์ หรือ 0.88% ปิดที่ 69.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
# ตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากความคิดเห็นของรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของรัสเซียที่ระบุว่า อุปทานน้ำมันดิบโลกยังไปไม่ถึงจุดสมดุล
+ ภาวะตลาดทองคำ : ราคาพุ่งขึ้น 0.9%
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 12.4 ดอลลาร์ หรือ 0.94% ปิดที่ 1,334.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะเงินดอลลาร์อ่อนค่า
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
• TISCO (ราคาปิด 94.25 บาท) : กำไรปี 60 โต 22% เป็นไปตามคาด
# TISCO รายงานกำไรสุทธิปี 60 เท่ากับ 6.1 พันล้านบาท เติบโต 22%YoY เป็นไปตามที่ฝ่ายวิจัยฯ DBSV คาดการณ์ไว้ซึ่งการเติบโตมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น และตั้งสำรองฯค่าเผื่อฯลดลง แม้ว่าค่าใช้จ่ายดำเนินงานสูงขึ้นก็ตาม ส่วนกำไร 4Q60 ลดลง QoQ เพราะรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยต่ำลง
# แนวโน้มปี 61 ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง เราคาดการณ์กำไรไว้ที่ 6.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 12%YoY มาจากธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อรายย่อยที่ดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ การตั้งสำรองค่าเผื่อฯน้อยลง และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยขยายตัวได้ดีขึ้น
# คาดการณ์ Dividend yield ปี 60-61 ไว้ที่ 4% และ 4.2% ตามลำดับ (จ่ายปีละ 2 ครั้ง)
# ฝ่ายวิจัยฯ DBSV ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 97 บาท เทียบกับราคาปัจจุบันมี Upside 3%
•/- AAV & NOK : รัฐจะกำหนดเพดานค่าโดยสารใหม่ซึ่งลดลงจากเดิม 28%
# สายการบินไทยแอร์เอเชีย ออกเอกสารเผยแพร่ระบุว่า จากกรณีที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) จะเสนอทบทวนกรอบเพดานค่าโดยสารสายการบินที่ให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศเฉพาะสายการบินราคาประหยัดในอัตราใหม่ ที่จะต้องเก็บไม่เกิน 9.40 บาทต่อกิโลเมตร ลดลงจากเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 13 บาทต่อกิโลเมตร โดยจะเสนอต่อคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ที่มีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เป็นประธานในช่วงปลายม.ค.61
# สายการบินไทยแอร์เอเชียยืนยันว่าหากมีการกำหนดเพดานราคาใหม่ดังกล่าวข้างต้น ก็จะไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างราคาโดยสาร เนื่องจากสายการบินสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีแนวทางเพิ่มรายได้จากส่วนอื่นมาเสริม ทั้งนี้บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ถือหุ้นร้อยละ 55 ในสายการบินไทยแอร์เอเชีย
# ความเห็น DBSV : เราเห็นว่าถ้ามีการลดกรอบเพดานอัตราค่าโดยสารสายการบินต้นทุนต่ำลงข้างต้น ก็จะกระทบ Sentiemnt การลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องก่อน (เช่น AAV, NOK เป็นต้น) เพราะตลาดไม่แน่ใจว่าบริษัทจะสามารถบริหารจัดการต้นทุน และรักษาระดับมาร์จิ้นให้อยู่ในระดับเดิมได้หรือไม่ ประกอบกับในปี 61 ราคาน้ำมันก็มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อ
ด้วย นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO4478