- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 15 January 2018 16:15
- Hits: 7440
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
เกาะตามตลาดหุ้นต่างประเทศต่อไป
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : ในประเทศได้รับปัจจัยบวกหนุนจากบีโอไอเปิดเผยยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในปี 2560 ทะลุเป้ามาที่ 6.41 แสนล้านบาท และภาครัฐบาลไทยตั้งเป้ายอดในปี 2561 เติบโตอีก 12% ประกอบกับราคาน้ำมันปรับตัวสูงสุดในรอบ 3 ปี รวมถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้น หนุนการลงทุนตลาดหุ้นต่าง ๆ ในเอเชียให้ปรับตัวดีขึ้น คาดกรอบดัชนีสัปดาห์นี้ 1,784-1,836 จุด โดยคาดการณ์กรอบดัชนีในวันนี้ 1,799-1,820 จุด หุ้นที่คาด Outperform ต่อในสัปดาห์นี้ คือกลุ่มธนาคาร ซึ่งจะทยอยประกาศผลประกอบการในปีนี้ และกลุ่มพลังงานขนาดใหญ่ รวมถึงหุ้นกลุ่มไฟฟ้า ได้แก่ KBANK, SCB, BBL, TISCO, TCAP, PTT, BANPU, PTTGC, IRPC, IVL โดย Theme ลงทุนระยะยาว ยังเน้นให้เลือกลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเราชอบ BGRIM, GUNKUL, SSP เป็นทางเลือกการลงทุนระยะยาว
Stock
Comment
GUNKUL
เลือกเป็น Pick of the day
TISCO
รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/60 ที่ 1.5 พันล้านบาท ลดลง 3% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 18% YoY ซึ่งเป็นไปตามประมาณการของเรา นอกจากนี้ กำไรสุทธิปี 2560 อยู่ที่ 6.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% YoY หนุนโดยระดับการตั้งสำรองที่ลดลงตามคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งขึ้น กำไรชะลอตัวลงเมื่อเทียบ QoQ มาจากระดับการตั้งสำรองที่สูงขึ้น โดยเราเชื่อว่าเป็นผลมาจากนโยบายในการตั้งสำรองตามหลักการระมัดระวังของธนาคาร นอกจากนี้ กำไรไตรมาส 4/60 ที่เพิ่มขึ้น YoY ได้ปัจจัยหนุนหลักจากการโอนธุรกิจลูกค้ารายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (ไทย) แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายของ AWS 103 บาท
SCB
ราคาหุ้นปรับขึ้นช้ากว่าธนาคารอื่นค่อนข้างมาก ในขณะที่คาดว่าผลประกอบการปี 2561 อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
หุ้นเด่นวันนี้ : GUNKUL (ราคาปิด 4.06 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 5.50 บาท)
GUNKUL ตั้งเป้าหมายจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2561 นี้เพิ่มขึ้นเป็นราว 300 MW จากปัจจุบันที่มีอยู่ 180 MW และตั้งเป้าหมายว่าจะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในมือเพิ่มเป็น 1,000 MW ภายในสิ้นปี 2563 ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนจะเข้าประมูลงานใหม่เพิ่มอีก 2.6-2.7 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการวางเคเบิลใต้น้ำ 2.4 พันล้านบาท และโครงการอื่นๆราว 200-300 ล้านบาท จากปัจจุบันบริษัทมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) จากงานประเภท EPC Renewable Energy Project ทั้งหมด 1.5 พันล้านบาท คาดแนวโน้มผลประกอบการ ไตรมาส 4/60 จะมีผลประกอบการดีกว่าไตรมาส 3/60 เนื่องจากเป็น High Season ของโครงการพลังงานลม ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น โดยเราคาว่าบริษัทจะรับรู้กำไรจากการดำเนินงานปกติในไตรมาส 4/60 นี้ประมาณ 220 ล้านบาท (+14%QoQ, +24%YoY)
Price Pattern ของ GUNKUL ยังมีความแข็งแกร่งในระยะสั้นจากการเกิด Daily Buy Signal โดยยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิดทั้ง Weekly & Monthly Sell Signal โดยหาก Price Pattern ของ GUNKUL สามารถปิดตลาดรายสัปดาห์เหนือ 4.22 บาท จะกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ และหาก Price Pattern ของ GUNKUL สามารถปิดตลาดรายเดือนเหนือ 4.20 บาท จะกลับมาเกิด Monthly Buy Signal ครั้งใหม่ GUNKUL จะมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 4.46 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 4.72 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ GUNKUL มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 3.96 บาท (แนวต้าน: 4.08, 4.12, 4.16; แนวรับ: 4.02, 3.98, 3.94)
ปัจจัยในประเทศ :
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มีกำหนดการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกในวันที่ 15 ม.ค. 61 นี้ เพื่อติดตามความคืบหน้า คาดว่าร่างพระราชบัญญัติ EEC จะเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ภายใน ก.พ. 61 (ที่มา: เดลินิวส์) ความเห็น : สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน ส่งผลบวกต่อตลาดในภาพรวม
คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BoI) ตั้งเป้ายอดการลงทุนปี 2561 เติบโต 12% แตะ 7.2 แสนล้านบาท หนุนโดยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดีขึ้นกับสหรัฐฯ และยุโรป (บางกอกโพสต์)
TISCO (ราคาปิด 94.25 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายของ AWS 103 บาท) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/60 ที่ 1.5 พันล้านบาท ลดลง 3% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 18% YoY ซึ่งเป็นไปตามประมาณการของเรา แต่ต่ำกว่าประมาณการเฉลี่ยบลูมเบิร์ก 6.5% นอกจากนี้ กำไรสุทธิปี 2560 อยู่ที่ 6.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% YoY หนุนโดยระดับการตั้งสำรองที่ลดลงตามคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งขึ้น (SET) ความเห็น: สาเหตุที่กำไรชะลอตัวลงเมื่อเทียบ QoQ มาจากระดับการตั้งสำรองที่สูงขึ้น โดยเราเชื่อว่าเป็นผลมาจากนโยบายในการตั้งสำรองแบบ countercyclical หรือตามหลักการระมัดระวังของธนาคาร นอกจากนี้ กำไรไตรมาส 4/60 ที่เพิ่มขึ้น YoY ได้ปัจจัยหนุนหลักจากการโอนธุรกิจลูกค้ารายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (ไทย) เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" TISCO จะมีการจัดประชุมนักวิเคราะห์ในบ่ายวันนี้
KTB (ราคาปิด 20.40 บาท; ถือ; ราคาเป้าหมายของ AWS 20 บาท) เตรียมร่วมมือกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อปล่อยกู้โครงการเปลี่ยนรถตู้เป็นไมโครบัส วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท โดย บสย. จะเป็นผู้ค้ำประกันสินเชื่อให้ทั้งหมด (ข่าวหุ้น) ความเห็น: ข่าวดังกล่าวอาจให้ sentiment ที่เป็นบวกต่อ KTB อย่างไรก็ตาม เราแนะนำเพียง “ถือ” เนื่องจากเรายังมีความกังวลในประเด็นคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมของธนาคาร
การออกพันธบัตรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปี 2561: การออกพันธบัตรของบริษัทเอกชนอาจเกินเป้าที่ตั้งไว้ในปีนี้เนื่องจากบริษัทเร่งการออกพันธบัตรในช่วงครึ่งปีแรกเพื่อหลีกเลี่ยงข้อบังคับที่เข้มงวดมากขึ้นของ ก.ล.ต.โดยคาดการออกพันธบัตรใหม่อาจมีมูลค่ารวม 720,000 ล้านบาทในปีนี้ หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้ตั๋ว B/E ในปี 2560 ส่งผลให้ทางก.ล.ต. ได้ออกมาตรการตรวจสอบการออกตั๋ว B/E ที่เข้มขึ้น (Bangkok Post) ความเห็น: เราคาดว่าบริษัทจะหันไปออกพันธบัตรระยะสั้นแทนตั๋ว B/E เนื่องจากการออกตั๋ว B/E ที่โดนคุมเข้มมากขึ้น
ราคาหมูเป็นปรับลงแรง หลังยอดส่งออกไปจีนลดลง ทำราคาเหลือ กก.ละ 43-44 บาท (ที่มา: ไทยโพสต์) ความเห็น: ราคาหมูที่ยังไม่ฟื้นตัวเป็นปัจจัยกดดันผลประกอบการของ CPF ในปีที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงปี 2561 นี้ เรายังคงคำแนะนำ “ขาย” ราคาเป้าหมาย 25 บาทต่อหุ้น
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ปิดพุ่งขึ้น ขานรับผลประกอบการสถาบันการเงินแข็งแกร่ง โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดทำนิวไฮพร้อมกันอีกครั้ง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการในวันจันทร์ เนื่องในวัน Martin Luther King Jr.
ตลาดหุ้นยุโรป ยังคงทำระดับนิวไฮในรอบ 3 ปีต่อ จากการข่าวที่ว่าธนาคารกลางยุโรปจะตัดขาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกไป จากการที่เศรษฐกิจของประเทศเดือนหน้าต่อไปแล้ว
ตลาดหุ้นลอนดอน : ปิดทำนิวไฮ นำโดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม โดยตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากกระแสคาดการณ์ว่าผลประกอบการภาคเอกชนจะปรับตัวดีขึ้น
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น : ปิดบวกหลังจากที่ค่าเงินเยนกลับมาแข็งค่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินเยนอ่อนค่าต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่ไตรมาส 4/60 โดยอ่อนค่ามากที่สุดไปที่ 0.285 บาทต่อเยน เมื่อ 8 ม.ค.61 และกลับมาแข็งค่าล่าสุดที่ 0.28781 บาทต่อเยน ในปัจจุบัน ความเห็น : เริ่มเป็นปัจจัยส่งผลด้านบวกต่อผู้ประกอบการธุรกิจไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น เช่น BCPG, SSP และ CHOW
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันดิบ : ปิดปรับตัวขึ้น WTI เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.78% ปิดที่ 64.30 ดอลลาร์/บาร์เรล; เบรนท์ เพิ่มขึ้น 61 เซนต์ หรือ 0.88% ปิดที่ 69.87 ดอลลาร์/บาร์เรล เป็นการดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี เนื่องจากตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากความคิดเห็นของรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของรัสเซียที่ระบุว่า อุปทานน้ำมันดิบโลกยังไปไม่ถึงจุดสมดุล
ทองคำ : ปิดบวกทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่า
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ : กลับมาอ่อนค่าลงอีกเทียบกับค่าเงินยูโร หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณถอนนโยบายผ่อนคลายการเงิน และเยอรมนีบรรลุข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาล
ดัชนีค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 1,279.00 จุด ลดลง 24.00 จุด
Thailand Research Department
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Ms. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Mr. Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Mr. Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 0-2680-5094
OO4473
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : ในประเทศได้รับปัจจัยบวกหนุนจากบีโอไอเปิดเผยยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในปี 2560 ทะลุเป้ามาที่ 6.41 แสนล้านบาท และภาครัฐบาลไทยตั้งเป้ายอดในปี 2561 เติบโตอีก 12% ประกอบกับราคาน้ำมันปรับตัวสูงสุดในรอบ 3 ปี รวมถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้น หนุนการลงทุนตลาดหุ้นต่าง ๆ ในเอเชียให้ปรับตัวดีขึ้น คาดกรอบดัชนีสัปดาห์นี้ 1,784-1,836 จุด โดยคาดการณ์กรอบดัชนีในวันนี้ 1,799-1,820 จุด หุ้นที่คาด Outperform ต่อในสัปดาห์นี้ คือกลุ่มธนาคาร ซึ่งจะทยอยประกาศผลประกอบการในปีนี้ และกลุ่มพลังงานขนาดใหญ่ รวมถึงหุ้นกลุ่มไฟฟ้า ได้แก่ KBANK, SCB, BBL, TISCO, TCAP, PTT, BANPU, PTTGC, IRPC, IVL โดย Theme ลงทุนระยะยาว ยังเน้นให้เลือกลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเราชอบ BGRIM, GUNKUL, SSP เป็นทางเลือกการลงทุนระยะยาว
Stock
Comment
GUNKUL
เลือกเป็น Pick of the day
TISCO
รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/60 ที่ 1.5 พันล้านบาท ลดลง 3% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 18% YoY ซึ่งเป็นไปตามประมาณการของเรา นอกจากนี้ กำไรสุทธิปี 2560 อยู่ที่ 6.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% YoY หนุนโดยระดับการตั้งสำรองที่ลดลงตามคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งขึ้น กำไรชะลอตัวลงเมื่อเทียบ QoQ มาจากระดับการตั้งสำรองที่สูงขึ้น โดยเราเชื่อว่าเป็นผลมาจากนโยบายในการตั้งสำรองตามหลักการระมัดระวังของธนาคาร นอกจากนี้ กำไรไตรมาส 4/60 ที่เพิ่มขึ้น YoY ได้ปัจจัยหนุนหลักจากการโอนธุรกิจลูกค้ารายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (ไทย) แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายของ AWS 103 บาท
SCB
ราคาหุ้นปรับขึ้นช้ากว่าธนาคารอื่นค่อนข้างมาก ในขณะที่คาดว่าผลประกอบการปี 2561 อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
หุ้นเด่นวันนี้ : GUNKUL (ราคาปิด 4.06 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 5.50 บาท)
GUNKUL ตั้งเป้าหมายจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2561 นี้เพิ่มขึ้นเป็นราว 300 MW จากปัจจุบันที่มีอยู่ 180 MW และตั้งเป้าหมายว่าจะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในมือเพิ่มเป็น 1,000 MW ภายในสิ้นปี 2563 ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนจะเข้าประมูลงานใหม่เพิ่มอีก 2.6-2.7 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการวางเคเบิลใต้น้ำ 2.4 พันล้านบาท และโครงการอื่นๆราว 200-300 ล้านบาท จากปัจจุบันบริษัทมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) จากงานประเภท EPC Renewable Energy Project ทั้งหมด 1.5 พันล้านบาท คาดแนวโน้มผลประกอบการ ไตรมาส 4/60 จะมีผลประกอบการดีกว่าไตรมาส 3/60 เนื่องจากเป็น High Season ของโครงการพลังงานลม ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น โดยเราคาว่าบริษัทจะรับรู้กำไรจากการดำเนินงานปกติในไตรมาส 4/60 นี้ประมาณ 220 ล้านบาท (+14%QoQ, +24%YoY)
Price Pattern ของ GUNKUL ยังมีความแข็งแกร่งในระยะสั้นจากการเกิด Daily Buy Signal โดยยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิดทั้ง Weekly & Monthly Sell Signal โดยหาก Price Pattern ของ GUNKUL สามารถปิดตลาดรายสัปดาห์เหนือ 4.22 บาท จะกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ และหาก Price Pattern ของ GUNKUL สามารถปิดตลาดรายเดือนเหนือ 4.20 บาท จะกลับมาเกิด Monthly Buy Signal ครั้งใหม่ GUNKUL จะมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 4.46 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 4.72 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ GUNKUL มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 3.96 บาท (แนวต้าน: 4.08, 4.12, 4.16; แนวรับ: 4.02, 3.98, 3.94)
ปัจจัยในประเทศ :
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มีกำหนดการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกในวันที่ 15 ม.ค. 61 นี้ เพื่อติดตามความคืบหน้า คาดว่าร่างพระราชบัญญัติ EEC จะเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ภายใน ก.พ. 61 (ที่มา: เดลินิวส์) ความเห็น : สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน ส่งผลบวกต่อตลาดในภาพรวม
คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BoI) ตั้งเป้ายอดการลงทุนปี 2561 เติบโต 12% แตะ 7.2 แสนล้านบาท หนุนโดยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดีขึ้นกับสหรัฐฯ และยุโรป (บางกอกโพสต์)
TISCO (ราคาปิด 94.25 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายของ AWS 103 บาท) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/60 ที่ 1.5 พันล้านบาท ลดลง 3% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 18% YoY ซึ่งเป็นไปตามประมาณการของเรา แต่ต่ำกว่าประมาณการเฉลี่ยบลูมเบิร์ก 6.5% นอกจากนี้ กำไรสุทธิปี 2560 อยู่ที่ 6.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% YoY หนุนโดยระดับการตั้งสำรองที่ลดลงตามคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งขึ้น (SET) ความเห็น: สาเหตุที่กำไรชะลอตัวลงเมื่อเทียบ QoQ มาจากระดับการตั้งสำรองที่สูงขึ้น โดยเราเชื่อว่าเป็นผลมาจากนโยบายในการตั้งสำรองแบบ countercyclical หรือตามหลักการระมัดระวังของธนาคาร นอกจากนี้ กำไรไตรมาส 4/60 ที่เพิ่มขึ้น YoY ได้ปัจจัยหนุนหลักจากการโอนธุรกิจลูกค้ารายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (ไทย) เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" TISCO จะมีการจัดประชุมนักวิเคราะห์ในบ่ายวันนี้
KTB (ราคาปิด 20.40 บาท; ถือ; ราคาเป้าหมายของ AWS 20 บาท) เตรียมร่วมมือกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อปล่อยกู้โครงการเปลี่ยนรถตู้เป็นไมโครบัส วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท โดย บสย. จะเป็นผู้ค้ำประกันสินเชื่อให้ทั้งหมด (ข่าวหุ้น) ความเห็น: ข่าวดังกล่าวอาจให้ sentiment ที่เป็นบวกต่อ KTB อย่างไรก็ตาม เราแนะนำเพียง “ถือ” เนื่องจากเรายังมีความกังวลในประเด็นคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมของธนาคาร
การออกพันธบัตรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปี 2561: การออกพันธบัตรของบริษัทเอกชนอาจเกินเป้าที่ตั้งไว้ในปีนี้เนื่องจากบริษัทเร่งการออกพันธบัตรในช่วงครึ่งปีแรกเพื่อหลีกเลี่ยงข้อบังคับที่เข้มงวดมากขึ้นของ ก.ล.ต.โดยคาดการออกพันธบัตรใหม่อาจมีมูลค่ารวม 720,000 ล้านบาทในปีนี้ หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้ตั๋ว B/E ในปี 2560 ส่งผลให้ทางก.ล.ต. ได้ออกมาตรการตรวจสอบการออกตั๋ว B/E ที่เข้มขึ้น (Bangkok Post) ความเห็น: เราคาดว่าบริษัทจะหันไปออกพันธบัตรระยะสั้นแทนตั๋ว B/E เนื่องจากการออกตั๋ว B/E ที่โดนคุมเข้มมากขึ้น
ราคาหมูเป็นปรับลงแรง หลังยอดส่งออกไปจีนลดลง ทำราคาเหลือ กก.ละ 43-44 บาท (ที่มา: ไทยโพสต์) ความเห็น: ราคาหมูที่ยังไม่ฟื้นตัวเป็นปัจจัยกดดันผลประกอบการของ CPF ในปีที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงปี 2561 นี้ เรายังคงคำแนะนำ “ขาย” ราคาเป้าหมาย 25 บาทต่อหุ้น
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ปิดพุ่งขึ้น ขานรับผลประกอบการสถาบันการเงินแข็งแกร่ง โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดทำนิวไฮพร้อมกันอีกครั้ง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการในวันจันทร์ เนื่องในวัน Martin Luther King Jr.
ตลาดหุ้นยุโรป ยังคงทำระดับนิวไฮในรอบ 3 ปีต่อ จากการข่าวที่ว่าธนาคารกลางยุโรปจะตัดขาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกไป จากการที่เศรษฐกิจของประเทศเดือนหน้าต่อไปแล้ว
ตลาดหุ้นลอนดอน : ปิดทำนิวไฮ นำโดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม โดยตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากกระแสคาดการณ์ว่าผลประกอบการภาคเอกชนจะปรับตัวดีขึ้น
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น : ปิดบวกหลังจากที่ค่าเงินเยนกลับมาแข็งค่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินเยนอ่อนค่าต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่ไตรมาส 4/60 โดยอ่อนค่ามากที่สุดไปที่ 0.285 บาทต่อเยน เมื่อ 8 ม.ค.61 และกลับมาแข็งค่าล่าสุดที่ 0.28781 บาทต่อเยน ในปัจจุบัน ความเห็น : เริ่มเป็นปัจจัยส่งผลด้านบวกต่อผู้ประกอบการธุรกิจไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น เช่น BCPG, SSP และ CHOW
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันดิบ : ปิดปรับตัวขึ้น WTI เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.78% ปิดที่ 64.30 ดอลลาร์/บาร์เรล; เบรนท์ เพิ่มขึ้น 61 เซนต์ หรือ 0.88% ปิดที่ 69.87 ดอลลาร์/บาร์เรล เป็นการดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี เนื่องจากตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากความคิดเห็นของรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของรัสเซียที่ระบุว่า อุปทานน้ำมันดิบโลกยังไปไม่ถึงจุดสมดุล
ทองคำ : ปิดบวกทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่า
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ : กลับมาอ่อนค่าลงอีกเทียบกับค่าเงินยูโร หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณถอนนโยบายผ่อนคลายการเงิน และเยอรมนีบรรลุข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาล
ดัชนีค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 1,279.00 จุด ลดลง 24.00 จุด
Thailand Research Department
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Ms. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Mr. Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Mr. Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 0-2680-5094
OO4473