WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBSบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 
“เลือกซื้อ/ถือต่อเมื่อ SET เหนือ 1780”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : JASIF (จากถือเป็นซื้อ)
  ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ปัจจัยภายนอก เงินเฟ้อด้านต้นทุน US เดือนธ.ค.60 ลดลง 0.1%MoM หลังจาก +0.4%MoM มา 2 เดือนก่อนหน้า หนุนความหวังว่าเฟดอาจไม่ต้องรีบปรับขึ้นดอกเบี้ยเพราะเงินเฟ้อยังต่ำ...จับตาตัวเลข CPI ธ.ค.ต่อซึ่งจะออกมาคืนนี้ (เวลาไทย) ซึ่งดอกเบี้ยที่ขึ้นช้าเป็นบวกต่อตลาดหุ้น นอกจากนั้นราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นทำให้หุ้นพลังงานบวกต่อ และคาดการณ์การเติบโตที่แข็งแกร่งของกำไรตลาด S&P500 ก็ช่วยหนุนด้วย (คาดว่ากำไร 4Q60 จะ +11.8% (รายได้ +6.9% มาร์จิ้น +4.9%) ส่วนปัจจัยภายใน ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้น 7.88 จุดปิดที่ 1802.80 นำโดย EA (+19% มีผลให้ SET +3.8 จุด) SCB (+3% มีผลให้ SET +1.5 จุด) นักลงทุนสถาบันในปท.และต่างชาตินำขายสุทธิ ส่วนอีก 2 กลุ่มซื้อสุทธิหุ้น Update วันนี้ : SCC คาดกำไร 4Q60 จะอ่อนลง YoY จากอุปสงค์ซีเมนต์ในปท.ลดลง 6% เพราะงานภาคเอกชนซบเซา ส่วนงานภาครัฐไปได้เรื่อยๆ มาร์จิ้นซีเมนต์แคบลงจากต้นทุนถ่านหินสูงขึ้น ขณะที่ราคาขายทรงๆ ด้านปิโตรเคมี ยอดขายและสเปรดลดลง YoY และ QoQ มีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุน 653 ลบ. ส่วนทั้งปี 60 คาดว่ากำไรจะลดลง 3-5% แต่ในปี 61 จะเติบโตได้ 5-7% หลังภาคก่อสร้างฟื้นตัว แนะทยอยซื้อสะสมจังหวะอ่อนตัว ให้ TP 580 บาท
TASCO คาดกำไร 4Q60 จะดีขึ้น 50%QoQ เป็นประมาณ 600 ลบ. เพราะเป็นช่วงยอดขายดีจากจะปิดปีงบประมาณ แต่ลดลง 35%YoY เพราะการขนส่งวัตถุดิบจากเวเนซูเอล่าล่าช้า และเรื่องนี้ส่งผลต่อใน 1Q61 ด้วย รวมทั้งใน 1Q61 จะมี Shutdown โรงกลั่นยางมะตอยที่มาเลเซีย 2 สัปดาห์ด้วยทำให้คาดว่ากำไร 1Q61 ก็จะยังไม่ดีมากนัก ในเชิงกลยุทธ์ เห็นว่าการปรับขึ้นของราคาเป็นจังหวะขายสำหรับการเล่นรอบสั้น
  กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS รอบนี้เลือก 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท) และ 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท)
  กลยุทธ์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากตลาดอยู่ในโมเมนตัมดี โดย Sentiment บวกจากต่างประเทศช่วยหนุน แต่ก็ควรระวังการแกว่ง ดังนั้นการซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกหุ้นและตลาด แนวต้าน SET ให้ไว้ที่ 1810-1820 ถ้าหลุด 1780 ควร Stop loss แนวรับ 1760-1750, 1730-1700 จุด หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ได้แก่ KKP, JAS, SUSCO, PTTGC, MONO ส่วนหุ้นที่หาจังหวะ Take profit เป็น SEAFCO, IVL, IRPC, TCAP, TIPCO, BGRIM, SCP หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ INTUCH, CKP, ESSO, TCMC, CK, GLOBAL, ASAP, TU หุ้นที่หลุด List เป็น AIT
ปัจจัยต่างประเทศ
• ยูโรโซน : เงินยูโรแข็งค่าเทียบดอลล์ หลัง ECB ส่งสัญญาณถอนนโยบายผ่อนคลายการเงิน
  # ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ 1.2038 ดอลลาร์ จาก 1.1963 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.3534 ดอลลาร์ จาก 1.3513 ดอลลาร์
  # โดย ECB เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค. ซึ่งระบุว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ECB จะทำการทบทวนแนวทางการสื่อสารของ ECB ในต้นปีนี้ โดย ECB จะตัดถ้อยคำที่ว่า "ECB จะซื้อพันธบัตรจนกระทั่งอัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย" ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า ECB พร้อมจะลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งมีมูลค่า 2.55 ล้านล้านยูโร
+ สหรัฐ : เงินเฟ้อด้านต้นทุนเดือนธ.ค.ลดลง MoM…หนุนความเชื่อที่ว่าเฟดอาจไม่ต้องรีบปรับขึ้นดอกเบี้ย
  # กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) -0.1%MoM ในเดือนธ.ค.60 ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค.2559 หลังจากที่ +0.4%MoM ติดต่อกัน 2 เดือน
+/- ตลาดหุ้นสหรัฐ & อังกฤษพุ่งทำ New high แต่ตลาดหุ้นยุโรปอ่อนลง
  # ดัชนี DJIA ปิด 25,574.73 จุด +205.60 จุด หรือ +0.81% ดัชนี S&P500 ปิด 2,767.56 จุด +19.33 จุด หรือ +0.70% และดัชนี Nasdaq ปิด 7,211.78 จุด +58.21 จุด หรือ +0.81% หนุนโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน และคาดการณ์ว่ากำไรบจ.จะโตแกร่ง 11.8% ใน 4Q60 (รายได้ +6.9% มาร์จิ้น +4.9%) โดยบริษัทที่มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการ 4Q60 วันนี้ ได้แก่ ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส, ธนาคารแบล็คร็อค และธนาคารเวลส์ฟาร์โก
  # ดัชนีตลาดหุ้นลอนดอนเพิ่ม 14.43 จุด +0.19% นำโดยหุ้นเหมืองแร่ แต่หุ้นค้าปลีกลดลงหลังบริษัทใหญ่เปิดเผยยอดขายต่ำลง YoY ในช่วงคริสมาสต์
  # ดัชนีตลาดหุ้นยุโรป -0.3% ถึง -0.6% ฉุดโดยหุ้นกลุ่มค้าปลีก ทั้งนี้บริษัทเทสโก และมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์รายงานกำไรที่น่าผิดหวัง และการแข็งค่าของสกุลเงินยูโรหลังจาก ECB เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่า ECB กำลังเตรียมถอนตัวจากการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
+ สหรัฐ : การขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น
  # จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 261,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ขยับขึ้นต่อ
  # สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 63.80 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนมี.ค. ขยับขึ้น 6 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 69.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
  # สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงเกือบ 290,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 9.49 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่แล้ว
  # สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 4.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 419.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2558 และยังลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับลดลงเพียง 3.9 ล้านบาร์เรล รวมทั้งยังทำสถิติลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 8
+ ภาวะตลาดทองคำ : ราคาขยับขึ้นเล็กน้อย
  # สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. +3.2 ดอลลาร์ หรือ +0.17% ปิดที่ระดับ 1,322.50 ดอลลาร์/ออนซ์ เป็นผลจากการอ่อนค่าของเงิน US$
- บิตคอยน์,อีเธอเรียม,ริพเพิลร่วงยกแผง...ผวาเกาหลีสั่งแบน
  # ตลาดสกุลเงินดิจิทัลทรุดหนักในวันนี้ โดยบิตคอยน์, อีเธอเรียม และริพเพิล ต่างดิ่งลง หลังมีข่าวว่า รัฐบาลเกาหลีใต้เตรียมออกคำสั่งห้ามการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมด โดยราคาบิตคอยน์ -9% อีเธอเรียม -12% และริพเพิล -9% ส่งผลให้มูลค่าตลาดของสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดวูบหายไปถึง 1.06 แสนล้านดอลลาร์ภายใน 1 วัน
  # นายปาร์ก ซาง-กี รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้ เปิดเผยว่าทางกระทรวงกำลังร่างกฎหมายเพื่อที่จะยุติการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดในประเทศ เพื่อลดความร้อนแรงของสกุลเงินเหล่านี้
  # ปัจจุบันตลาดเงินดิจิตอลเกาหลีใต้ถือว่ามีขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของโลก โดยมีสัดส่วนการซื้อขายบิตคอยน์ 6-12% ของปริมาณการซื้อขายทั่วโลก ขณะที่มีการซื้อขายอีเธอเรียม 14% และริพเพิล 33%
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
• TASCO (ราคาปิด 23.50 บาท) : กำไร 4Q60 ดีขึ้น QoQ แต่ยังไม่มาก
  # นักวิเคราะห์ DBSV คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิ 4Q60 จะอยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 401 ล้านบาทใน 3Q60 เพราะ 4Q เป็นช่วง High season ของธุรกิจ (รัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบประมาณช่วงจะปิดปีงบประมาณ และราคายางมะตอยขยับขึ้น) แต่บริษัทก็ยังทำกำไรได้ไม่เต็มที่ เพราะการขนส่งน้ำมันดิบจากเวเนซูเอล่า ซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบหลักของบริษัทยังไม่ราบรื่นนัก และเมื่อเทียบกับ 4Q59 กำไรจะลดลง 35%YoY
  # แนวโน้ม 1Q61 ยังไม่ดี เพราะเป็นช่วงที่การขนส่งวัตถุดิบจากเวเนซูเอล่ายังล่าช้า และมีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นยางมะตอยในมาเลเซียเดือนม.ค.61 ประมาณ 2 สัปดาห์ ส่งผลให้ปริมาณขายใน 1Q61 และผลประกอบการโดยรวมจะไม่ได้ดีนัก
  # ในเชิงกลยุทธ์ การปรับขึ้นของราคาหุ้นเป็นจังหวะขายของการเล่นรอบ ส่วนการลงทุนระยะกลาง-ยาว ใช้กลยุทธ์ทยอยซื้อสะสมช่วงที่ราคาหุ้นอ่อนตัว เพื่อรอการฟื้นตัวของผลประกอบการในอีก 4-6 เดือนข้างหน้า
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO4426

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!