- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 10 January 2018 17:09
- Hits: 2507
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อ/ถือค่าบวก...ซื้ออ่อนไม่ควรหลุด 1770”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ปัจจัยภายนอก ตลาดตอบรับในทางบวกหลังเกาหลีเหนือ & ใต้หันหน้าเจรจากันในรอบกว่า 2 ปี, คาดกำไร 4Q60 ของ S&P500 จะพุ่ง 11.8% ใน 4Q60 มาจากรายได้ +6.9% และมาร์จิ้น +4.9% ซึ่งดีกว่าภาวะปกติที่กำไรจะโต 6-7%, ตัวเลขว่างงานยูโรโซนลดลงเหลือ 8.7% ในเดือนพ.ย.60 ต่ำสุดในรอบ 9 ปี, การส่งออก & การผลิตเยอรมนีเดือนพ.ย.เพิ่มเกินคาด โดยการผลิตมีอัตราเติบโตสูงสุดในรอบ 8 ปี ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นราว 2% ซึ่งยังหนุนหุ้นพลังงาน & ปิโตรเคมีต่อ ส่วนปัจจัยภายใน ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1784-1798 ปิดตลาด 1795.21 (+2.40 จุด) โดยมีการขายทำกำไร แต่ขณะเดียวกันก็มีแรงซื้อหุ้นพลังงาน & ปิโตรเคมี เช่น IVL, PTTGC (ซึ่งเป็นหุ้นเด่นที่เราแนะนำไปก่อนหน้า) รวมถึงหุ้นแบงค์อย่าง KTB หุ้นกลางอย่าง JAS, HMPRO, CENTEL เป็นต้น พอร์ตบล.ซื้อสุทธิ 1 พันลบ. รายย่อยซื้อสุทธิเล็กน้อย 220 กว่าลบ. สถาบันในปท.&ต่างชาติขายสุทธิแต่ไม่มาก
หุ้น Update วันนี้ : HMPRO คาดกำไร 4Q60 แข็งแกร่ง โดย SSSG เป็นบวก และปี 61 มีแนวโน้มดีจากการบริโภคในประเทศฟื้นตัว การขยายสาขาคาดว่ายังทำต่อเนื่อง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผู้มีรายได้น้อยระยะ 2 อีก 3.5 หมื่นล้านบาทเป็นปัจจัยหนุน แนะนำซื้อ TP 15 บาท
บริษัทที่ไปทำ Conference กับ DBSV ในงาน POA ที่สิงคโปร์ ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก ได้แก่ MTLS บริษัทคาดว่าสินเชื่อปี 61/62/63 จะโต 40%/30%/30% โดยมาจากการขยายสาขา 600 แห่งต่อปี ซึ่งคาดว่าจะแตะ 4 พันสาขาภายในปี 63 ต้นทุนการเงินลดลง มี NPL ต่ำ (ไม่เกิน 1.6%) สำหรับกำไร 4Q60 เราคาดว่ามีโอกาสทำ New high เราแนะนำซื้อ และให้เป็น Top pick ของกลุ่มไฟแนนซ์ ให้ TP 52 บาท
DELTA บริษัทประเมินรายได้ปี 61 จะโต 5-10% หลักๆ ในกลุ่มยานยนต์ พลังงานทดแทน และดาตาเซ็นเตอร์ ด้าน GPM อยู่ที่ 25-27% บริษัทมีเงินในมือ 600 ล้านUS$ เพื่อรองรับการซื้อกิจการ คาดว่าปันผลต่อหุ้นปี 60 จะไม่น้อยกว่าปี 59 ที่ 3 บาท/หุ้น Yield ราว 3.9% ให้ TP 86 บาท
AH ปริมาณการผลิตรถยนต์ในปี 60 ของไทยทรงตัว แต่คาดว่าปี 61 จะโตได้ 2% ส่วนปริมาณขายในประเทศงวด 9M60 โต 11.5% เพราะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และซื้อทดแทนของเก่า แนวโน้มดี โดยบริษัทได้งานอีซูซุโมเดลใหม่ที่จะออกปี 62 ให้ TP 41.80 บาท
AAV การท่องเที่ยวไทยเติบโตดี งวด 11M60 นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยเพิ่ม 7.8% บริษัทมีปริมาณผู้โดยสารเพิ่ม แต่ด้วยการแข่งขันที่สูงทำให้ Yield ในบางเส้นทางลดลงไป อย่างไรก็ดี ได้ Market share เข้ามาเพิ่ม งวด 10M60 มี Share ในประเทศ 31.1% สำหรับปี 61 ยังมีปัจจัยกระตุ้นจากมาตรการรัฐ คาดปริมาณผู้โดยสารปีนี้จะโต 15% และ Load factor สูงกว่า 87% ให้ TP 6.95 บาท AMATA คาดโครงการ EEC จะช่วยหนุนยอดขายปี 61 โดยพ.ร.บ.จะผ่านใน 1H61 นี้ ด้านมาร์จิ้นที่ดินแข็งแกร่งมาก รายได้จากสาธารณูปโภคและไฟฟ้าเพิ่มขึ้นดี แนะนำซื้อ ให้ TP 30 บาท
กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS รอบนี้เลือก 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท) และ 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท)
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากภาพตลาดเป็นบวก แต่ควรระวังการแกว่ง ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกหุ้นและตลาด แนวต้าน SET ให้ไว้ที่ 1800, 1810-1820 ถ้าหลุด 1770 ควร Stop loss แนวรับ 1740-1730, 1700-1680 จุด หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ได้แก่ TCMC, CK, BANPU, PSL, GLOBAL, VNT, JKN ส่วนหุ้นที่หาจังหวะ Take profit เป็น KTB, SGP, VGI
ปัจจัยต่างประเทศ
+ เกาหลีเหนือประชุมหารือกับเกาหลีใต้เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี
# สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) ของทางการเกาหลีเหนือ ระบุว่าเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ได้หารือในหลักการต่างๆ ซึ่งรวมถึงการสร้างความมั่นใจต่อความสำเร็จของการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งที่ 23 ในเกาหลีใต้ และการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีทั้งสอง
+ ยูโรโซน : อัตราว่างงานพ.ย.ลดเป็น 8.7% ต่ำสุดรอบเกือบ 9 ปี & ส่งออกและการผลิตเยอรมนีเพิ่มดีกว่าคาด
# สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานในยูโรโซนลดลงเป็น 8.7% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2552 และลดลงจากระดับ 8.8% ในเดือนต.ค.60 เมื่อแยกเป็นรายประเทศพบว่าเยอรมนีมีอัตราการว่างงานต่ำเพียง 3.6% (หนุ่มสาวว่างงาน 6.6%) ขณะที่สเปนอยู่ที่ 16.7% (หนุ่มสาวว่างงาน 37.9%) และกรีซพุ่งสูงถึง 20.5% (หนุ่มสาวว่างงาน 39.5%)
# ยอดส่งออกเยอรมนีเดือนพ.ย.60 +4.1% ดีกว่าคาดที่ +1.2% ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนี +3.4% มากกว่าการคาดการณ์ที่ +1.8% และยังขยายตัวในอัตราที่มากที่สุดในรอบกว่า 8 ปี
• สหรัฐ : จับตาตัวเลขเงินเฟ้อที่จะออกมาปลายสัปดาห์นี้
# จับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยจะมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือน ธ.ค.ในวันพรุ่งนี้ และจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธ.ค.ในวันศุกร์
• โกลด์แมน แซคส์คาดเงินดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่องในปี 61
# นายแจน แฮทซิอุซ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงอีกหนึ่งปีในปีนี้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บางรายส่งสัญญาณว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งในปีนี้ ทั้งนี้เพราะเศรษฐกิจโลกในภูมิภาคต่างๆ ฟื้นตัวดีขึ้น และความไม่แน่นอนของนโยบายทรัมป์
+ ภาวะตลาดหุ้น : ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ ยุโรป และอังกฤษ ปรับขึ้นต่อ
# ดัชนี DJIA ปิด 25,385.80 จุด +102.80 จุด หรือ +0.41% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,751.29 จุด +3.58 จุด หรือ +0.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,163.58 จุด +6.19 จุด หรือ +0.09% เพราะคาดการณ์กำไรบจ.งวด 4Q60 จะแข็งแกร่ง (ผลสำรวจรอยเตอร์ระบุว่ากำไรตลาด S&P500 จะ +11.8% ใน 4Q60 มาจากรายได้ +6.9% และมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น) รวมทั้งหวังว่าสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีจะลดน้อยลง หลังจากเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ได้หันหน้าเจรจากันเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี
# ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นต่อ 0.1-0.7% นำโดยตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปัจจัยหนุนหลัก คือ อัตราการว่างงานของยูโรโซนที่ลดลง
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาปรับขึ้นราว 2% เพราะคาดว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. พุ่งขึ้น 1.23 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 62.96 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BRENT ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 68.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
# ตลาดคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะปรับตัวลดลง 4.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งจะเป็นการลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน รวมทั้งเหตุการณ์ความไม่สงบในอิหร่าน & วิกฤตในเวเนซูเอลาก็ช่วยหนุนด้วย
- ภาวะตลาดทองคำ : อ่อนลงหลังเกาหลีเหนือและใต้หันหน้าเจรจากัน
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 6.7 ดอลลาร์ หรือ 0.51% ปิดที่ระดับ 1,313.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยหนุน คือ เกาหลีเหนือและใต้หันหน้าเจรจากันในรอบกว่า 2 ปี และค่าเงิน US$ แข็งขึ้นเมื่อตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ รัฐบาลไทยออกมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย 3.5 หมื่นล้านบาท
# ที่ประชุมครม.เห็นชอบในหลักการมาตรการช่วยเหนือผู้มีรายได้น้อยระยะที่ 2 วงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท โดยดำเนินการผ่านธนาคารออมสินและธกส.
# นับเป็นบวกกับกลุ่มค้าปลีกและหุ้นที่เกี่ยวกับการอุปโภค & บริโภค ซึ่งหุ้นเด่น ได้แก่ CPALL, HMPRO, GLOBAL เป็นต้น
+ HMPRO (ราคาปิด 14 บาท) : เติบโตดีขึ้นจากในประเทศและลงทุนต่างประเทศ
# เราเชื่อว่าอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม (SSSG) ในปี 61 ของ HMPRO จะเป็นบวกได้ หลังการบริโภคไทยเติบโตดีขึ้นโดยงวด 3Q60 SSSG สามารถเป็นบวกได้ +2.8%YoY หลังเป็นลบใน 4 ไตรมาสก่อนหน้า สำหรับเดือนต.ค.-พ.ย.60 ก็ยังมีโมเมนตัมดี ซึ่งมาตรการช็อปช่วยชาติในช่วงปลายปีก็มีส่วนช่วยหนุนด้วย
# เปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในทำเลที่เป็นเขตเมืองที่มีความเจริญเป็นลำดับแรกๆ (First Tier Cities) ทั้งนี้ในงวด 4Q60 ได้มีการเปิดสาขาที่เมือง Johor Bahru ที่มาเลเซีย ณ สิ้นปี 60 บริษัทมีสาขาที่เป็น HMPRO Store จำนวน 81 แห่ง HMPRO S Store จำนวน 3 แห่ง Mega Home 12 แห่งในไทย และ HMPRO Store ที่มาเลเซียอีก 6 แห่ง สำหรับการขยายสาขาในปี 61 ทางทีมผู้บริหารจะมีแถลงประมาณเดือนก.พ.61
# ทาง DBSV คาดการณ์กำไรสุทธิปี 60/61 เติบโต 16%/17% ตามลำดับ มาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งและการขยายตัวของอัตรากำไร ที่มาจากการจำหน่ายสินค้าในแบรนด์ตนเองมากขึ้น (9M60 มียอดขายเฮ้าส์แบรนด์ 19% คาดว่าปี 61 จะเพิ่มเป็น 20% และอีก 3-5 ปีข้างหน้าเป็น 25%) การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการมี Economy of scale
# แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 15.00 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF (WACC 8%, Terminal Growth Rate ที่ 2%)
# การวิเคราะห์ทางเทคนิค แนะนำ Follow buy ค่าบวก หรืออ่อนตัวแต่ไม่ต่ำกว่า 13 บาท แนวต้าน 15-16, 17 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO4356
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ปัจจัยภายนอก ตลาดตอบรับในทางบวกหลังเกาหลีเหนือ & ใต้หันหน้าเจรจากันในรอบกว่า 2 ปี, คาดกำไร 4Q60 ของ S&P500 จะพุ่ง 11.8% ใน 4Q60 มาจากรายได้ +6.9% และมาร์จิ้น +4.9% ซึ่งดีกว่าภาวะปกติที่กำไรจะโต 6-7%, ตัวเลขว่างงานยูโรโซนลดลงเหลือ 8.7% ในเดือนพ.ย.60 ต่ำสุดในรอบ 9 ปี, การส่งออก & การผลิตเยอรมนีเดือนพ.ย.เพิ่มเกินคาด โดยการผลิตมีอัตราเติบโตสูงสุดในรอบ 8 ปี ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นราว 2% ซึ่งยังหนุนหุ้นพลังงาน & ปิโตรเคมีต่อ ส่วนปัจจัยภายใน ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1784-1798 ปิดตลาด 1795.21 (+2.40 จุด) โดยมีการขายทำกำไร แต่ขณะเดียวกันก็มีแรงซื้อหุ้นพลังงาน & ปิโตรเคมี เช่น IVL, PTTGC (ซึ่งเป็นหุ้นเด่นที่เราแนะนำไปก่อนหน้า) รวมถึงหุ้นแบงค์อย่าง KTB หุ้นกลางอย่าง JAS, HMPRO, CENTEL เป็นต้น พอร์ตบล.ซื้อสุทธิ 1 พันลบ. รายย่อยซื้อสุทธิเล็กน้อย 220 กว่าลบ. สถาบันในปท.&ต่างชาติขายสุทธิแต่ไม่มาก
หุ้น Update วันนี้ : HMPRO คาดกำไร 4Q60 แข็งแกร่ง โดย SSSG เป็นบวก และปี 61 มีแนวโน้มดีจากการบริโภคในประเทศฟื้นตัว การขยายสาขาคาดว่ายังทำต่อเนื่อง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผู้มีรายได้น้อยระยะ 2 อีก 3.5 หมื่นล้านบาทเป็นปัจจัยหนุน แนะนำซื้อ TP 15 บาท
บริษัทที่ไปทำ Conference กับ DBSV ในงาน POA ที่สิงคโปร์ ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก ได้แก่ MTLS บริษัทคาดว่าสินเชื่อปี 61/62/63 จะโต 40%/30%/30% โดยมาจากการขยายสาขา 600 แห่งต่อปี ซึ่งคาดว่าจะแตะ 4 พันสาขาภายในปี 63 ต้นทุนการเงินลดลง มี NPL ต่ำ (ไม่เกิน 1.6%) สำหรับกำไร 4Q60 เราคาดว่ามีโอกาสทำ New high เราแนะนำซื้อ และให้เป็น Top pick ของกลุ่มไฟแนนซ์ ให้ TP 52 บาท
DELTA บริษัทประเมินรายได้ปี 61 จะโต 5-10% หลักๆ ในกลุ่มยานยนต์ พลังงานทดแทน และดาตาเซ็นเตอร์ ด้าน GPM อยู่ที่ 25-27% บริษัทมีเงินในมือ 600 ล้านUS$ เพื่อรองรับการซื้อกิจการ คาดว่าปันผลต่อหุ้นปี 60 จะไม่น้อยกว่าปี 59 ที่ 3 บาท/หุ้น Yield ราว 3.9% ให้ TP 86 บาท
AH ปริมาณการผลิตรถยนต์ในปี 60 ของไทยทรงตัว แต่คาดว่าปี 61 จะโตได้ 2% ส่วนปริมาณขายในประเทศงวด 9M60 โต 11.5% เพราะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และซื้อทดแทนของเก่า แนวโน้มดี โดยบริษัทได้งานอีซูซุโมเดลใหม่ที่จะออกปี 62 ให้ TP 41.80 บาท
AAV การท่องเที่ยวไทยเติบโตดี งวด 11M60 นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยเพิ่ม 7.8% บริษัทมีปริมาณผู้โดยสารเพิ่ม แต่ด้วยการแข่งขันที่สูงทำให้ Yield ในบางเส้นทางลดลงไป อย่างไรก็ดี ได้ Market share เข้ามาเพิ่ม งวด 10M60 มี Share ในประเทศ 31.1% สำหรับปี 61 ยังมีปัจจัยกระตุ้นจากมาตรการรัฐ คาดปริมาณผู้โดยสารปีนี้จะโต 15% และ Load factor สูงกว่า 87% ให้ TP 6.95 บาท AMATA คาดโครงการ EEC จะช่วยหนุนยอดขายปี 61 โดยพ.ร.บ.จะผ่านใน 1H61 นี้ ด้านมาร์จิ้นที่ดินแข็งแกร่งมาก รายได้จากสาธารณูปโภคและไฟฟ้าเพิ่มขึ้นดี แนะนำซื้อ ให้ TP 30 บาท
กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS รอบนี้เลือก 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท) และ 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท)
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากภาพตลาดเป็นบวก แต่ควรระวังการแกว่ง ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกหุ้นและตลาด แนวต้าน SET ให้ไว้ที่ 1800, 1810-1820 ถ้าหลุด 1770 ควร Stop loss แนวรับ 1740-1730, 1700-1680 จุด หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ได้แก่ TCMC, CK, BANPU, PSL, GLOBAL, VNT, JKN ส่วนหุ้นที่หาจังหวะ Take profit เป็น KTB, SGP, VGI
ปัจจัยต่างประเทศ
+ เกาหลีเหนือประชุมหารือกับเกาหลีใต้เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี
# สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) ของทางการเกาหลีเหนือ ระบุว่าเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ได้หารือในหลักการต่างๆ ซึ่งรวมถึงการสร้างความมั่นใจต่อความสำเร็จของการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งที่ 23 ในเกาหลีใต้ และการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีทั้งสอง
+ ยูโรโซน : อัตราว่างงานพ.ย.ลดเป็น 8.7% ต่ำสุดรอบเกือบ 9 ปี & ส่งออกและการผลิตเยอรมนีเพิ่มดีกว่าคาด
# สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานในยูโรโซนลดลงเป็น 8.7% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2552 และลดลงจากระดับ 8.8% ในเดือนต.ค.60 เมื่อแยกเป็นรายประเทศพบว่าเยอรมนีมีอัตราการว่างงานต่ำเพียง 3.6% (หนุ่มสาวว่างงาน 6.6%) ขณะที่สเปนอยู่ที่ 16.7% (หนุ่มสาวว่างงาน 37.9%) และกรีซพุ่งสูงถึง 20.5% (หนุ่มสาวว่างงาน 39.5%)
# ยอดส่งออกเยอรมนีเดือนพ.ย.60 +4.1% ดีกว่าคาดที่ +1.2% ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนี +3.4% มากกว่าการคาดการณ์ที่ +1.8% และยังขยายตัวในอัตราที่มากที่สุดในรอบกว่า 8 ปี
• สหรัฐ : จับตาตัวเลขเงินเฟ้อที่จะออกมาปลายสัปดาห์นี้
# จับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยจะมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือน ธ.ค.ในวันพรุ่งนี้ และจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธ.ค.ในวันศุกร์
• โกลด์แมน แซคส์คาดเงินดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่องในปี 61
# นายแจน แฮทซิอุซ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงอีกหนึ่งปีในปีนี้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บางรายส่งสัญญาณว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งในปีนี้ ทั้งนี้เพราะเศรษฐกิจโลกในภูมิภาคต่างๆ ฟื้นตัวดีขึ้น และความไม่แน่นอนของนโยบายทรัมป์
+ ภาวะตลาดหุ้น : ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ ยุโรป และอังกฤษ ปรับขึ้นต่อ
# ดัชนี DJIA ปิด 25,385.80 จุด +102.80 จุด หรือ +0.41% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,751.29 จุด +3.58 จุด หรือ +0.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,163.58 จุด +6.19 จุด หรือ +0.09% เพราะคาดการณ์กำไรบจ.งวด 4Q60 จะแข็งแกร่ง (ผลสำรวจรอยเตอร์ระบุว่ากำไรตลาด S&P500 จะ +11.8% ใน 4Q60 มาจากรายได้ +6.9% และมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น) รวมทั้งหวังว่าสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีจะลดน้อยลง หลังจากเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ได้หันหน้าเจรจากันเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี
# ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นต่อ 0.1-0.7% นำโดยตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปัจจัยหนุนหลัก คือ อัตราการว่างงานของยูโรโซนที่ลดลง
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาปรับขึ้นราว 2% เพราะคาดว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. พุ่งขึ้น 1.23 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 62.96 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BRENT ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 68.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
# ตลาดคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะปรับตัวลดลง 4.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งจะเป็นการลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน รวมทั้งเหตุการณ์ความไม่สงบในอิหร่าน & วิกฤตในเวเนซูเอลาก็ช่วยหนุนด้วย
- ภาวะตลาดทองคำ : อ่อนลงหลังเกาหลีเหนือและใต้หันหน้าเจรจากัน
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 6.7 ดอลลาร์ หรือ 0.51% ปิดที่ระดับ 1,313.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยหนุน คือ เกาหลีเหนือและใต้หันหน้าเจรจากันในรอบกว่า 2 ปี และค่าเงิน US$ แข็งขึ้นเมื่อตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ รัฐบาลไทยออกมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย 3.5 หมื่นล้านบาท
# ที่ประชุมครม.เห็นชอบในหลักการมาตรการช่วยเหนือผู้มีรายได้น้อยระยะที่ 2 วงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท โดยดำเนินการผ่านธนาคารออมสินและธกส.
# นับเป็นบวกกับกลุ่มค้าปลีกและหุ้นที่เกี่ยวกับการอุปโภค & บริโภค ซึ่งหุ้นเด่น ได้แก่ CPALL, HMPRO, GLOBAL เป็นต้น
+ HMPRO (ราคาปิด 14 บาท) : เติบโตดีขึ้นจากในประเทศและลงทุนต่างประเทศ
# เราเชื่อว่าอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม (SSSG) ในปี 61 ของ HMPRO จะเป็นบวกได้ หลังการบริโภคไทยเติบโตดีขึ้นโดยงวด 3Q60 SSSG สามารถเป็นบวกได้ +2.8%YoY หลังเป็นลบใน 4 ไตรมาสก่อนหน้า สำหรับเดือนต.ค.-พ.ย.60 ก็ยังมีโมเมนตัมดี ซึ่งมาตรการช็อปช่วยชาติในช่วงปลายปีก็มีส่วนช่วยหนุนด้วย
# เปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในทำเลที่เป็นเขตเมืองที่มีความเจริญเป็นลำดับแรกๆ (First Tier Cities) ทั้งนี้ในงวด 4Q60 ได้มีการเปิดสาขาที่เมือง Johor Bahru ที่มาเลเซีย ณ สิ้นปี 60 บริษัทมีสาขาที่เป็น HMPRO Store จำนวน 81 แห่ง HMPRO S Store จำนวน 3 แห่ง Mega Home 12 แห่งในไทย และ HMPRO Store ที่มาเลเซียอีก 6 แห่ง สำหรับการขยายสาขาในปี 61 ทางทีมผู้บริหารจะมีแถลงประมาณเดือนก.พ.61
# ทาง DBSV คาดการณ์กำไรสุทธิปี 60/61 เติบโต 16%/17% ตามลำดับ มาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งและการขยายตัวของอัตรากำไร ที่มาจากการจำหน่ายสินค้าในแบรนด์ตนเองมากขึ้น (9M60 มียอดขายเฮ้าส์แบรนด์ 19% คาดว่าปี 61 จะเพิ่มเป็น 20% และอีก 3-5 ปีข้างหน้าเป็น 25%) การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการมี Economy of scale
# แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 15.00 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF (WACC 8%, Terminal Growth Rate ที่ 2%)
# การวิเคราะห์ทางเทคนิค แนะนำ Follow buy ค่าบวก หรืออ่อนตัวแต่ไม่ต่ำกว่า 13 บาท แนวต้าน 15-16, 17 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO4356