- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 10 January 2018 16:39
- Hits: 1890
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Mid-Small Cap และ Energy Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways พักฐานตามคาดโดยแกว่งบวก-ลบสลับตลอดวัน หุ้นในกลุ่มพลังงานยังปรับตัวขึ้นและช่วยพยุงตลาด แต่เริ่มเห็นแรงขายทำกำไรออกมาในหุ้นขนาดใหญ่หลายๆตัวที่ปรับตัวขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้า สถาบันในประเทศเริ่มพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 826 ลบ.หลังซื้อติดต่อกัน 23 วันก่อนหน้า ขณะที่ต่างชาติยังขายสุทธิอีกเล็กน้อย 364 ลบ. (และยัง Net Short ในตลาดฟิวเจอร์สสูงถึง 8,577 สัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways Up นำโดยหุ้นในกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี อย่างไรก็ตามระยะสั้นเรายังมองตลาดอยุ่ในช่วงพักฐานและกรอบการบวกจำกัดอยู่บริเวณ 1,800-1,813 จุด โดยเชื่อว่าตลาดจะเริ่มให้น้ำหนักกับการประกาศผลประกอบการ 4Q17 ซึ่งหากออกมาแข็งแกร่งกว่าคาดจะสร้างความเชื่อมั่นและหนุนดัชนีให้ปรับตัวขึ้นต่อในระยะถัดไป เรายังมองหุ้นขนาดกลาง-เล็กและหุ้นที่ยัง Laggard ยังสามารถ Outperform ตลาดได้ในช่วงนี้
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กและหุ้นในกลุ่มพลังงาน
หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : BBL, CPN, ORI, RSP, TKN
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปีอีก US$148 ล้าน แต่เม็ดเงินเริ่มเบาบางลง โดยเม็ดเงินไหลเข้าเกาหลีใต้ US$76ล้าน และอินโดนีเซีย US$43 ล้านบาท แต่ยังไหลออกจากไทย US$11 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคจากมุมมองเศรษฐกิจโลกที่สดใส
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> ASAP <<
ได้ประโยชน์จากมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรอง โดยคาดว่าจะกระตุ้นให้เกิดการเช่ารถจากสนามบินเมืองหลักไปยังแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ มากขึ้น
คาดกำไรสุทธิ 4Q17 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 40 ลบ. +13% Q-Q, +174% Y-Y เพราะเป็นฤดูท่องเที่ยว และเริ่มขายรถผ่านช่องทางออนไลน์ราว 300-400 คัน ส่วนทั้งปี 2017 คาด +103% Y-Y อยู่ที่ 142 ลบ. และจะโตต่อเนื่อง +73% Y-Y อยู่ที่ 246 ลบ. ในปี 2018 จากการเปิด ASAP Auto Park ใน 1Q18 และการขยายกองรถอีก 2-3 พันคัน เป็น 1.5 หมื่นคัน
แนะนำซื้อเก็งกำไร โดยราคามีแนวโน้มปรับตัวขึ้นระยะสั้นหาแนวต้าน 8.50-9.00 บาท ส่วนจุดตัดขาดทุนอยู่ที่ 7.90 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ราคาน้ำมันพุ่งสูงสุดในรอบ 3 ปี จากภาวะตลาดที่ตึงตัว การลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกและรัสเซียอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐก็ลดลงอีก 12 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ สถานการณ์ประท้วงที่อิหร่านอาจส่งผลให้เกิดการคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้ง ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นแรงเป็นบวกกับ SET index และกลุ่มพลังงานซึ่งมีน้ำหนัก 25% ของตลาด เก็งกำไรกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันเช่น PTTEP, PTTGC, BANPU, STA
(+) CPALL เราคาดกำไร 4Q17 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 5.2 พันล้านบาท +4.9% Q-Q, +21.2% Y-Y โดยคาด SSSG จะฟื้นตัวต่อเนื่องอยู่ที่ 4%-5% Y-Y จากฐานที่ต่ำ, ผลสำเร็จของ Stamp Promotion และได้รับอานิสงส์จากการปรับขึ้นราคาสินค้าของกลุ่มบุหรี่และเครื่องดื่ม รวมถึงคาดยังรักษาระดับความสามารถทำกำไรได้แข็งแกร่งต่อเนื่อง และบริษัทยังได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของกำลังซื้อ และมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐ ทั้งจากจำนวนสาขาที่มากกว่า 1 หมื่นสาขา และสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค เราคาดกำไรสุทธิปี 2017-2018 เติบโต 17.5% Y-Y และ 19.4% Y-Y ตามลำดับ คงราคาเป้าหมาย 86 บาท (DCF) ยังมี Upside 13% แนะนำซื้อ
(+) EKH เราคาดกำไรปกติ 4Q17 ที่ 20 ลบ. -46.3% Q-Q จากปัจจัยฤดูกาล แต่ +16.8% Y-Y จากฐานที่ต่ำและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ส่งผลให้คาดกำไรปกติปี 2017 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 82 ลบ. +8.6% Y-Y ขณะที่ปี 2018 ยังมีแนวโน้มสดใส ระยะสั้นคาดว่าจะได้อานิงส์จากการระบาดของไวรัสโรต้า ส่วนศูนย์ผู้มีบุตรยากจะหนุนการเติบโตในระยะยาว โดยเรายังคาดกำไรปกติปี 2018 ทำ New High ต่อเนื่อง +12.3% Y-Y ราคาหุ้นปรับตัวลงไม่สอดคล้องกับกำไรที่โต เราจึงมองเป็นโอกาสซื้อ ราคาเป้าหมาย 7 บาท
(-) SVI แนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q17 ไม่สดใสนัก อาจต้องรับรู้ด้อยค่าความนิยมของธุรกิจที่ยุโรป แต่กำไรหลักคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาทเทียบ Q-Q ที่น้อยกว่าไตรมาสก่อน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังเป็นระดับที่ต่ำกว่าปกติ เพราะปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบยังคงมีอยู่ ซึ่งน่าจะคลี่คลายได้ตั้งแต่ 2Q18 แต่ด้วยเงินบาทที่แข็งค่าสุดในรอบ 3 ปี เราจึงปรับลดสมมติฐานค่าเงินบาท และนำไปสู่การปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2018 ลง 6% เป็น +55.7% Y-Y จากเดิมคาด +65.5% Y-Y และปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 4.90 บาท จากเดิม 5.40 บาท ยังแนะนำเพียงถือ(-) ค่าการกลั่น 6 พันลบ. +22 ม.ค
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways พักฐานตามคาดโดยแกว่งบวก-ลบสลับตลอดวัน หุ้นในกลุ่มพลังงานยังปรับตัวขึ้นและช่วยพยุงตลาด แต่เริ่มเห็นแรงขายทำกำไรออกมาในหุ้นขนาดใหญ่หลายๆตัวที่ปรับตัวขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้า สถาบันในประเทศเริ่มพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 826 ลบ.หลังซื้อติดต่อกัน 23 วันก่อนหน้า ขณะที่ต่างชาติยังขายสุทธิอีกเล็กน้อย 364 ลบ. (และยัง Net Short ในตลาดฟิวเจอร์สสูงถึง 8,577 สัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways Up นำโดยหุ้นในกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี อย่างไรก็ตามระยะสั้นเรายังมองตลาดอยุ่ในช่วงพักฐานและกรอบการบวกจำกัดอยู่บริเวณ 1,800-1,813 จุด โดยเชื่อว่าตลาดจะเริ่มให้น้ำหนักกับการประกาศผลประกอบการ 4Q17 ซึ่งหากออกมาแข็งแกร่งกว่าคาดจะสร้างความเชื่อมั่นและหนุนดัชนีให้ปรับตัวขึ้นต่อในระยะถัดไป เรายังมองหุ้นขนาดกลาง-เล็กและหุ้นที่ยัง Laggard ยังสามารถ Outperform ตลาดได้ในช่วงนี้
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กและหุ้นในกลุ่มพลังงาน
หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : BBL, CPN, ORI, RSP, TKN
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปีอีก US$148 ล้าน แต่เม็ดเงินเริ่มเบาบางลง โดยเม็ดเงินไหลเข้าเกาหลีใต้ US$76ล้าน และอินโดนีเซีย US$43 ล้านบาท แต่ยังไหลออกจากไทย US$11 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคจากมุมมองเศรษฐกิจโลกที่สดใส
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> ASAP <<
ได้ประโยชน์จากมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรอง โดยคาดว่าจะกระตุ้นให้เกิดการเช่ารถจากสนามบินเมืองหลักไปยังแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ มากขึ้น
คาดกำไรสุทธิ 4Q17 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 40 ลบ. +13% Q-Q, +174% Y-Y เพราะเป็นฤดูท่องเที่ยว และเริ่มขายรถผ่านช่องทางออนไลน์ราว 300-400 คัน ส่วนทั้งปี 2017 คาด +103% Y-Y อยู่ที่ 142 ลบ. และจะโตต่อเนื่อง +73% Y-Y อยู่ที่ 246 ลบ. ในปี 2018 จากการเปิด ASAP Auto Park ใน 1Q18 และการขยายกองรถอีก 2-3 พันคัน เป็น 1.5 หมื่นคัน
แนะนำซื้อเก็งกำไร โดยราคามีแนวโน้มปรับตัวขึ้นระยะสั้นหาแนวต้าน 8.50-9.00 บาท ส่วนจุดตัดขาดทุนอยู่ที่ 7.90 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ราคาน้ำมันพุ่งสูงสุดในรอบ 3 ปี จากภาวะตลาดที่ตึงตัว การลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกและรัสเซียอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐก็ลดลงอีก 12 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ สถานการณ์ประท้วงที่อิหร่านอาจส่งผลให้เกิดการคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้ง ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นแรงเป็นบวกกับ SET index และกลุ่มพลังงานซึ่งมีน้ำหนัก 25% ของตลาด เก็งกำไรกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันเช่น PTTEP, PTTGC, BANPU, STA
(+) CPALL เราคาดกำไร 4Q17 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 5.2 พันล้านบาท +4.9% Q-Q, +21.2% Y-Y โดยคาด SSSG จะฟื้นตัวต่อเนื่องอยู่ที่ 4%-5% Y-Y จากฐานที่ต่ำ, ผลสำเร็จของ Stamp Promotion และได้รับอานิสงส์จากการปรับขึ้นราคาสินค้าของกลุ่มบุหรี่และเครื่องดื่ม รวมถึงคาดยังรักษาระดับความสามารถทำกำไรได้แข็งแกร่งต่อเนื่อง และบริษัทยังได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของกำลังซื้อ และมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐ ทั้งจากจำนวนสาขาที่มากกว่า 1 หมื่นสาขา และสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค เราคาดกำไรสุทธิปี 2017-2018 เติบโต 17.5% Y-Y และ 19.4% Y-Y ตามลำดับ คงราคาเป้าหมาย 86 บาท (DCF) ยังมี Upside 13% แนะนำซื้อ
(+) EKH เราคาดกำไรปกติ 4Q17 ที่ 20 ลบ. -46.3% Q-Q จากปัจจัยฤดูกาล แต่ +16.8% Y-Y จากฐานที่ต่ำและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ส่งผลให้คาดกำไรปกติปี 2017 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 82 ลบ. +8.6% Y-Y ขณะที่ปี 2018 ยังมีแนวโน้มสดใส ระยะสั้นคาดว่าจะได้อานิงส์จากการระบาดของไวรัสโรต้า ส่วนศูนย์ผู้มีบุตรยากจะหนุนการเติบโตในระยะยาว โดยเรายังคาดกำไรปกติปี 2018 ทำ New High ต่อเนื่อง +12.3% Y-Y ราคาหุ้นปรับตัวลงไม่สอดคล้องกับกำไรที่โต เราจึงมองเป็นโอกาสซื้อ ราคาเป้าหมาย 7 บาท
(-) SVI แนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q17 ไม่สดใสนัก อาจต้องรับรู้ด้อยค่าความนิยมของธุรกิจที่ยุโรป แต่กำไรหลักคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาทเทียบ Q-Q ที่น้อยกว่าไตรมาสก่อน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังเป็นระดับที่ต่ำกว่าปกติ เพราะปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบยังคงมีอยู่ ซึ่งน่าจะคลี่คลายได้ตั้งแต่ 2Q18 แต่ด้วยเงินบาทที่แข็งค่าสุดในรอบ 3 ปี เราจึงปรับลดสมมติฐานค่าเงินบาท และนำไปสู่การปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2018 ลง 6% เป็น +55.7% Y-Y จากเดิมคาด +65.5% Y-Y และปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 4.90 บาท จากเดิม 5.40 บาท ยังแนะนำเพียงถือ(-) ค่าการกลั่น 6 พันลบ. +22 ม.ค
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
10 ม.ค. - จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ธ.ค.)
- ฟิลิปปินส์: ดุลการค้า (พ.ย.)
11 ม.ค.- ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ธ.ค.)
12 ม.ค.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อและยอดค้าปลีก (ธ.ค.)
15 ม.ค.0- จีน: 4Q17 GDP
23 ม.ค.- ญี่ปุ่น: ประชุม BOJ คาดคงดอกเบี้ยที่ -0.10%
25 ม.ค.- ยูโรโซน: ประชุม ECB คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.00%
26 ม.ค.- สหรัฐฯ: 4Q17 GDP
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกอย่างแข็งแกร่งและทำ New High ต่อเนื่องขานรับมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการ 4Q17
(+) ตลาดหุ้นยุโรปยังปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 หลังตัวเลขเศรษฐกิจของเยอรมนีออกมาแข็งแกร่ง รวมถึงอัตราว่างงานของยูโรโซนที่ต่ำสุดในรอบเกือบ 9 ปี
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในกรอบแคบโดยจับตาดูตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ธ.ค. ของจีนซึ่งออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อย
(0) ค่าเงินบาทพลิกเริ่มทรงตัวออกข้างหลังพลิกมาอ่อนค่าในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.20-32.30 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. พุ่งขึ้น 1.23 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 62.96 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดการณ์ที่ว่สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯจะปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน การปรับลดกำลังการผลิตของ OPEC และความไม่สงบในอิหร่าน
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ลดลง 6.70 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,313.70 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยและหันเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO4344
- ฟิลิปปินส์: ดุลการค้า (พ.ย.)
11 ม.ค.- ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ธ.ค.)
12 ม.ค.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อและยอดค้าปลีก (ธ.ค.)
15 ม.ค.0- จีน: 4Q17 GDP
23 ม.ค.- ญี่ปุ่น: ประชุม BOJ คาดคงดอกเบี้ยที่ -0.10%
25 ม.ค.- ยูโรโซน: ประชุม ECB คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.00%
26 ม.ค.- สหรัฐฯ: 4Q17 GDP
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกอย่างแข็งแกร่งและทำ New High ต่อเนื่องขานรับมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการ 4Q17
(+) ตลาดหุ้นยุโรปยังปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 หลังตัวเลขเศรษฐกิจของเยอรมนีออกมาแข็งแกร่ง รวมถึงอัตราว่างงานของยูโรโซนที่ต่ำสุดในรอบเกือบ 9 ปี
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในกรอบแคบโดยจับตาดูตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ธ.ค. ของจีนซึ่งออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อย
(0) ค่าเงินบาทพลิกเริ่มทรงตัวออกข้างหลังพลิกมาอ่อนค่าในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.20-32.30 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. พุ่งขึ้น 1.23 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 62.96 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดการณ์ที่ว่สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯจะปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน การปรับลดกำลังการผลิตของ OPEC และความไม่สงบในอิหร่าน
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ลดลง 6.70 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,313.70 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยและหันเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO4344