- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 09 January 2018 16:57
- Hits: 2034
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ระวังการปรับฐาน (Beware Profit Taking)
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะเริ่มมีความผันผวนมากขึ้น จากการที่ทำสถิติสร้าง New High ทุกวัน นับจากเปิดทำการในปีใหม่มานี้ โดยวานนี้ขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดที่ 1,813 จุด และลงมาปิดที่ 1,792 จุด ยังมีโอกาสที่ดัขนีถอยกลับมาในระดับ 1,780 จุด ก่อน โดยหุ้นที่เป็นเป้าหมายดันดัชนีขึ้นไปที่ผ่านมาคือ AOT ซึ่งเรามองว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสูงเร็วกว่ากำไรรายปีที่บริษัททำได้ จึงแนะนำเพียงถือ หรือรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวแถว 64 บาท นอกจากนี้มี BAY, MAKRO ซึ่ง Free Float ต่ำ วันนี้เราให้ความสนใจกับกลุ่มสถาบันการเงิน ที่คาดหวังจะมีอัตราการเติบโตที่ดีของกำไรอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4/60 และปี 2561 ยังไม่มีปัจจัยลบมากระทบ เลือก TISCO และ MTLS รวมถึงหุ้นในหมวดสินค้าโภคภัณฑ์ที่คาดว่าจะได้รับผลบวกเรื่องอากาศหนาวเย็นในต่างประเทศ เช่น ถ่านหิน และเดินเรือ ซึ่งคาดว่ายังดีตามถ่านหินต่อไปในช่วงนี้ แนะนำ BANPU และเก็งกำไร PSL, TTA คาดกรอบดัชนีวันนี้ 1,780-1,806
Stock Comment
TISCO เลือกเป็น Pick of the day
BANPU ราคาถ่านหิน Spot New Castle ปรับตัวขึ้นมายืน 106.75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ได้รับแรงหนุนจากสภาพภูมิอากาศหนาวเย็นกว่าปกติในประเทศซีกโลกตะวันตก รวมถึงแนวโน้มการผลิตไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อรองรับดีมานด์ในอนาคตของรถยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ เราเลือก BANPU เป็น Top Pick ในกลุ่มพลังงาน แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 27 บาท
MTLS ธุรกิจปล่อยกู้ให้กับแรงงานที่อยู่นอกระบบประกันสังคม เช่น SME. พ่อค้าแม่ค้าในตลาด, พนักงานขับรถแทกซี่ และอื่น ๆ คาดว่ายังเป็นธุรกิจที่ขยายตัวได้ดีในปี 2561 เพราะแม้ว่าธนาคารจะเริ่มผ่อนปรนการปล่อยสินเชื่อ แต่ก็ยังไม่มีความทั่วถึงกับผู้ต้องการกู้เหล่านี้
หุ้นเด่นวันนี้ : TISCO (ราคาปิด 93.25 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 12 เดือนของ AWS 103.00 บาท)
เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/60 ของ TISCO จะเพิ่มขึ้น 0.7% QoQ และ 22.5% YoY อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท และเราคาดในไตรมาสดังกล่าว TISCO จะแสดงการเติบโตกำไรสุทธิ YoY สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร โดยได้แรงหนุนจากระดับการตั้งสำรองที่ลดลง รวมทั้งสินเชื่อที่สูงขึ้นจากการถ่ายโอนสินเชื่อรายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (ไทย) นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2560 ที่ผ่านมา เราคาดสินเชื่อของธนาคารในปี 2561 จะขยายตัวที่ 4% YoY หนุนโดยตลาดยานยนต์ในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นและสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นต่อเนื่อง เราประมาณการ EPS จะเติบโต 22.9% ในปี 2560 และ 12.1% ในปี 2561 TISCO จะมีการประกาศผลการดำเนินงานปี 2560 ในวันศุกร์นี้ (12 ม.ค. 2561)
Price Pattern ของ TISCO มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ TISCO คาดว่าจะได้เห็นการทำ New High อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายถัดไปของการทำ New High อยู่ที่ 102 บาท ทั้งนี้ TISCO มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 88 บาท (Resistance: 94.50, 96.00, 97.50; Support: 91.75, 91.25, 88.75)
ปัจจัยในประเทศ :
กระทรวงการคลังยันไม่มีมาตรการแทรกแซง แม้สถานการณ์บาทไทยยังแข็งต่อเนื่อง เชื่อมั่น ธปท.คุมสถานการณ์ได้ มองเป็นโอกาสเร่งนำเข้าลงทุน (ที่มา: ไทยโพสต์) ความเห็น: ค่าเงินบาทที่แข็งค่าเกิดจากไทยมีดุลการค้า (Balance of Trade) และดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account) ที่เป็นบวกต่อเนื่อง ค่าเงินที่แข็งส่งผลลบต่อกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าเกษตร แต่เป็นบวกต่อกลุ่มนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศอย่าง พลังงาน ปิโตรเคมี และโรงไฟฟ้า
SCB (ราคาปิด 150 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายของ AWS 168 บาท) และบริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) เตรียมประกาศความร่วมมือในการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในวันพรุ่งนี้ โดยตลาดคาดการประกาศดังกล่าวอาจเป็นการเข้าลงนามในสัญญาการเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตผ่านธนาคาร (bancassurance) (ทันหุ้น) ความเห็น: ถ้าการประกาศเป็นไปตามคาด เรามองว่าความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นบวกโดยรวมต่อ SCB ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคาร เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับหุ้น SCB
ธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมลงนามทวิภาคีแลกเปลี่ยนเงินตรากับจีน : ธนาคารแห่งประเทศไทยได้บรรลุข้อตกลงในการขยายการแลกเปลี่ยนสกุลเงินทวิภาคีมูลค่า 70,000 ล้านหยวน (370,000 ล้านบาท) กับธนาคารกลางจีนต่อไปอีก 3 ปี (Bangkok Post) ความเห็น: การลงนามครั้งนี้เพื่อเสริมสภาพคล่องในการใช้เงินหยวน และเงินบาทในการชำระธุรกรรมการค้าระหว่างไทย และจีน
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : แรงขายทำกำไรฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 12.87 จุด นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดาวโจนส์พุ่งขึ้นติดต่อกัน 4 วันทำการ อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ยังคงเดินหน้าทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มอุตสาหกรรม ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลกระทบจากมาตรการปฏิรูปภาษีของรัฐบาลสหรัฐที่จะมีต่อภาคธนาคาร นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ เพื่อจับสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ของเฟด โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนธ.ค. ในวันพฤหัสบดีที่ 11 ม.ค. และจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธ.ค. ในศุกร์ที่ 12 ม.ค.
ตลาดหุ้นเอเชีย : ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 23,948.97 จุด เพิ่มขึ้น 234.44 จุด, +0.99%; ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,510.73 จุด ลดลง 2.55 จุด, -0.10%
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบ : WTI ปิดขยับขึ้น โดยได้ปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐมีจำนวนลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 5 แท่น สู่ระดับ 742 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์
ราคาทองคำ : ได้รับปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ราคาทองคำลดลง 1.90 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ระดับ 1,320.40 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 1,385.00 จุด เพิ่มขึ้น 14.00 จุด
ราคาถ่านหิน New Castle ที่เป็นราคา Spot ปิดที่ 106.75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เพิ่มขึ้นตลอดหลังปีใหม่ โดยราคาสิ้นปี 2560 อยู่ที่ 101.65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน
ระวังการปรับฐาน (Beware Profit Taking)
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะเริ่มมีความผันผวนมากขึ้น จากการที่ทำสถิติสร้าง New High ทุกวัน นับจากเปิดทำการในปีใหม่มานี้ โดยวานนี้ขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดที่ 1,813 จุด และลงมาปิดที่ 1,792 จุด ยังมีโอกาสที่ดัขนีถอยกลับมาในระดับ 1,780 จุด ก่อน โดยหุ้นที่เป็นเป้าหมายดันดัชนีขึ้นไปที่ผ่านมาคือ AOT ซึ่งเรามองว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสูงเร็วกว่ากำไรรายปีที่บริษัททำได้ จึงแนะนำเพียงถือ หรือรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวแถว 64 บาท นอกจากนี้มี BAY, MAKRO ซึ่ง Free Float ต่ำ วันนี้เราให้ความสนใจกับกลุ่มสถาบันการเงิน ที่คาดหวังจะมีอัตราการเติบโตที่ดีของกำไรอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4/60 และปี 2561 ยังไม่มีปัจจัยลบมากระทบ เลือก TISCO และ MTLS รวมถึงหุ้นในหมวดสินค้าโภคภัณฑ์ที่คาดว่าจะได้รับผลบวกเรื่องอากาศหนาวเย็นในต่างประเทศ เช่น ถ่านหิน และเดินเรือ ซึ่งคาดว่ายังดีตามถ่านหินต่อไปในช่วงนี้ แนะนำ BANPU และเก็งกำไร PSL, TTA คาดกรอบดัชนีวันนี้ 1,780-1,806
Stock Comment
TISCO เลือกเป็น Pick of the day
BANPU ราคาถ่านหิน Spot New Castle ปรับตัวขึ้นมายืน 106.75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ได้รับแรงหนุนจากสภาพภูมิอากาศหนาวเย็นกว่าปกติในประเทศซีกโลกตะวันตก รวมถึงแนวโน้มการผลิตไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อรองรับดีมานด์ในอนาคตของรถยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ เราเลือก BANPU เป็น Top Pick ในกลุ่มพลังงาน แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 27 บาท
MTLS ธุรกิจปล่อยกู้ให้กับแรงงานที่อยู่นอกระบบประกันสังคม เช่น SME. พ่อค้าแม่ค้าในตลาด, พนักงานขับรถแทกซี่ และอื่น ๆ คาดว่ายังเป็นธุรกิจที่ขยายตัวได้ดีในปี 2561 เพราะแม้ว่าธนาคารจะเริ่มผ่อนปรนการปล่อยสินเชื่อ แต่ก็ยังไม่มีความทั่วถึงกับผู้ต้องการกู้เหล่านี้
หุ้นเด่นวันนี้ : TISCO (ราคาปิด 93.25 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 12 เดือนของ AWS 103.00 บาท)
เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/60 ของ TISCO จะเพิ่มขึ้น 0.7% QoQ และ 22.5% YoY อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท และเราคาดในไตรมาสดังกล่าว TISCO จะแสดงการเติบโตกำไรสุทธิ YoY สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร โดยได้แรงหนุนจากระดับการตั้งสำรองที่ลดลง รวมทั้งสินเชื่อที่สูงขึ้นจากการถ่ายโอนสินเชื่อรายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (ไทย) นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2560 ที่ผ่านมา เราคาดสินเชื่อของธนาคารในปี 2561 จะขยายตัวที่ 4% YoY หนุนโดยตลาดยานยนต์ในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นและสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นต่อเนื่อง เราประมาณการ EPS จะเติบโต 22.9% ในปี 2560 และ 12.1% ในปี 2561 TISCO จะมีการประกาศผลการดำเนินงานปี 2560 ในวันศุกร์นี้ (12 ม.ค. 2561)
Price Pattern ของ TISCO มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ TISCO คาดว่าจะได้เห็นการทำ New High อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายถัดไปของการทำ New High อยู่ที่ 102 บาท ทั้งนี้ TISCO มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 88 บาท (Resistance: 94.50, 96.00, 97.50; Support: 91.75, 91.25, 88.75)
ปัจจัยในประเทศ :
กระทรวงการคลังยันไม่มีมาตรการแทรกแซง แม้สถานการณ์บาทไทยยังแข็งต่อเนื่อง เชื่อมั่น ธปท.คุมสถานการณ์ได้ มองเป็นโอกาสเร่งนำเข้าลงทุน (ที่มา: ไทยโพสต์) ความเห็น: ค่าเงินบาทที่แข็งค่าเกิดจากไทยมีดุลการค้า (Balance of Trade) และดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account) ที่เป็นบวกต่อเนื่อง ค่าเงินที่แข็งส่งผลลบต่อกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าเกษตร แต่เป็นบวกต่อกลุ่มนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศอย่าง พลังงาน ปิโตรเคมี และโรงไฟฟ้า
SCB (ราคาปิด 150 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายของ AWS 168 บาท) และบริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) เตรียมประกาศความร่วมมือในการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในวันพรุ่งนี้ โดยตลาดคาดการประกาศดังกล่าวอาจเป็นการเข้าลงนามในสัญญาการเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตผ่านธนาคาร (bancassurance) (ทันหุ้น) ความเห็น: ถ้าการประกาศเป็นไปตามคาด เรามองว่าความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นบวกโดยรวมต่อ SCB ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคาร เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับหุ้น SCB
ธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมลงนามทวิภาคีแลกเปลี่ยนเงินตรากับจีน : ธนาคารแห่งประเทศไทยได้บรรลุข้อตกลงในการขยายการแลกเปลี่ยนสกุลเงินทวิภาคีมูลค่า 70,000 ล้านหยวน (370,000 ล้านบาท) กับธนาคารกลางจีนต่อไปอีก 3 ปี (Bangkok Post) ความเห็น: การลงนามครั้งนี้เพื่อเสริมสภาพคล่องในการใช้เงินหยวน และเงินบาทในการชำระธุรกรรมการค้าระหว่างไทย และจีน
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : แรงขายทำกำไรฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 12.87 จุด นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดาวโจนส์พุ่งขึ้นติดต่อกัน 4 วันทำการ อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ยังคงเดินหน้าทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มอุตสาหกรรม ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลกระทบจากมาตรการปฏิรูปภาษีของรัฐบาลสหรัฐที่จะมีต่อภาคธนาคาร นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ เพื่อจับสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ของเฟด โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนธ.ค. ในวันพฤหัสบดีที่ 11 ม.ค. และจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธ.ค. ในศุกร์ที่ 12 ม.ค.
ตลาดหุ้นเอเชีย : ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 23,948.97 จุด เพิ่มขึ้น 234.44 จุด, +0.99%; ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,510.73 จุด ลดลง 2.55 จุด, -0.10%
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบ : WTI ปิดขยับขึ้น โดยได้ปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐมีจำนวนลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 5 แท่น สู่ระดับ 742 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์
ราคาทองคำ : ได้รับปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ราคาทองคำลดลง 1.90 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ระดับ 1,320.40 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 1,385.00 จุด เพิ่มขึ้น 14.00 จุด
ราคาถ่านหิน New Castle ที่เป็นราคา Spot ปิดที่ 106.75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เพิ่มขึ้นตลอดหลังปีใหม่ โดยราคาสิ้นปี 2560 อยู่ที่ 101.65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน
Thailand Research Department
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Ms. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Mr. Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Mr. Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 2-2680-5094
OO4308
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Ms. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Mr. Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Mr. Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 2-2680-5094
OO4308