- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 08 January 2018 17:03
- Hits: 3895
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านทางจิตวิทยาที่ 1,800 จุด โดยมีแรงซื้อเด่นใน AOT, PTTEP, PTTGC ในขณะหุ้นกลุ่มรับเหมา (CK, STEC, UNIQ,SEAFCO) ปรับตัวขึ้นเด่น และ BAY ปรับตัวขึ้น 16% (ส่งผลต่อ SET ประมาณ 4.6 จุด) อย่างไรก็ตามเริ่มเห็นแรงขายทำกำไรในกลุ่มค้าปลีก-โรงแรมภายหลังปรับตัวขึ้นสูงอย่าง CPALL, BJC, CENTEL, MINT ส่งผลให้ ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,795 จุด (+4.4 จุด) ด้วยมุลค่าการซื้อขายสูงกว่า 8.7 หมื่นล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเทื่อเทียบกับวันก่อนที่ 9.0 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 ที่ 2,029 ล้านบาท และยังคงสถานะ Short SET50 index future เพิ่มอีก 11,385 สัญญา
Investment theme
คาดหุ้นใหญ่ (บางกลุ่ม) เริ่มพักฐาน แนะจับตาหุ้นกลาง-เล็กที่ Laggard : หากนับจากปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาพบว่าหุ้นใหญ่หลายตัวปรับขึ้นสูง (SET50 +15.5%, SET +13%) ในขณะที่ sSET ปรับขึ้นเพียง 6.8% (หุ้นขนาดกลางที่มีสภาพคล่องซื้อขายสม่ำเสมอ) และ MAI ปรับลง 1.2% โดยหากเราวิเคราะห์สถานการณ์เทียบกับการปรับขึ้นของราคาหุ้นในแต่ละกลุ่ม พบว่าในระยะสั้นหุ้นใหญ่หลายตัวปรับขึ้นสะท้อนมาตราการของภาครัฐและข่าวไปพอสมควร ส่งผลให้เราคาดมีโอกาสเกิด Sector rotation กันระหว่างกลุ่มได้ (ค้าปลีก-ท่องเที่ยว-พลังงาน-ICT) ประกอบกับจากสถิติที่ผ่านมาพบว่าเดือนมกราคมเป็นเดือนที่นักลงทุนส่วนมากไถ่ถอน LTF มากที่สุด ทำให้เราเชื่อว่าหุ้นใหญ่มีโอกาสพักฐาน เปิดโอกาสการเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก (ลักษณะคล้ายกับช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา)
Investment theme: เรามองว่ามีโอกาสเริ่มเข้าสู่ช่วงแกว่งตัวบริเวณ 1,780-1,820 โดยเราแนะนำให้ Let profit run ในหุ้นกลุ่มพลังงาน และหันมาเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก พร้อมทั้งแบ่งเงินส่วนหนึ่งเข้ามายังกลุ่มปันผลเช่น PTTGC, LH, SF, TISCO (ติดตามบทวิเคราะห์ฉบับเต็มเช้าวันนี้) ในขณะที่กลุ่มก่อสร้างเราแนะนำ ”เก็งกำไร” ด้วยราคาหุ้นที่ปีที่ผ่านมา Laggard SET สูงกว่า 25% แต่ยังไม่แนะนำลงทุนระยะยาวเพราะอาจได้รับผลกระทบจาก การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ที่คาดครม.มีโอกาสเห็นชอบ
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – พม่าปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 33% เป็น 115 บาทต่อวัน / CME ปรับลดโอกาสการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในเดือนมีนาคมลงเหลือ 76% ในขณะที่ประธาน FED สาขา Philadephia สนับสนุนให้ขึ้นดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง (ตลาดคาด 3 ครั้ง ในปี 2561) / ราคาทองคำปรับขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนที่ 1,321 เหรียญ
ตลาดนำ DDD, GULF, JKN เข้าเกณฑ์ Cash Balance
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านทางจิตวิทยาที่ 1,800 จุด โดยมีแรงซื้อเด่นใน AOT, PTTEP, PTTGC ในขณะหุ้นกลุ่มรับเหมา (CK, STEC, UNIQ,SEAFCO) ปรับตัวขึ้นเด่น และ BAY ปรับตัวขึ้น 16% (ส่งผลต่อ SET ประมาณ 4.6 จุด) อย่างไรก็ตามเริ่มเห็นแรงขายทำกำไรในกลุ่มค้าปลีก-โรงแรมภายหลังปรับตัวขึ้นสูงอย่าง CPALL, BJC, CENTEL, MINT ส่งผลให้ ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,795 จุด (+4.4 จุด) ด้วยมุลค่าการซื้อขายสูงกว่า 8.7 หมื่นล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเทื่อเทียบกับวันก่อนที่ 9.0 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 ที่ 2,029 ล้านบาท และยังคงสถานะ Short SET50 index future เพิ่มอีก 11,385 สัญญา
Investment theme
คาดหุ้นใหญ่ (บางกลุ่ม) เริ่มพักฐาน แนะจับตาหุ้นกลาง-เล็กที่ Laggard : หากนับจากปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาพบว่าหุ้นใหญ่หลายตัวปรับขึ้นสูง (SET50 +15.5%, SET +13%) ในขณะที่ sSET ปรับขึ้นเพียง 6.8% (หุ้นขนาดกลางที่มีสภาพคล่องซื้อขายสม่ำเสมอ) และ MAI ปรับลง 1.2% โดยหากเราวิเคราะห์สถานการณ์เทียบกับการปรับขึ้นของราคาหุ้นในแต่ละกลุ่ม พบว่าในระยะสั้นหุ้นใหญ่หลายตัวปรับขึ้นสะท้อนมาตราการของภาครัฐและข่าวไปพอสมควร ส่งผลให้เราคาดมีโอกาสเกิด Sector rotation กันระหว่างกลุ่มได้ (ค้าปลีก-ท่องเที่ยว-พลังงาน-ICT) ประกอบกับจากสถิติที่ผ่านมาพบว่าเดือนมกราคมเป็นเดือนที่นักลงทุนส่วนมากไถ่ถอน LTF มากที่สุด ทำให้เราเชื่อว่าหุ้นใหญ่มีโอกาสพักฐาน เปิดโอกาสการเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก (ลักษณะคล้ายกับช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา)
Investment theme: เรามองว่ามีโอกาสเริ่มเข้าสู่ช่วงแกว่งตัวบริเวณ 1,780-1,820 โดยเราแนะนำให้ Let profit run ในหุ้นกลุ่มพลังงาน และหันมาเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก พร้อมทั้งแบ่งเงินส่วนหนึ่งเข้ามายังกลุ่มปันผลเช่น PTTGC, LH, SF, TISCO (ติดตามบทวิเคราะห์ฉบับเต็มเช้าวันนี้) ในขณะที่กลุ่มก่อสร้างเราแนะนำ ”เก็งกำไร” ด้วยราคาหุ้นที่ปีที่ผ่านมา Laggard SET สูงกว่า 25% แต่ยังไม่แนะนำลงทุนระยะยาวเพราะอาจได้รับผลกระทบจาก การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ที่คาดครม.มีโอกาสเห็นชอบ
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – พม่าปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 33% เป็น 115 บาทต่อวัน / CME ปรับลดโอกาสการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในเดือนมีนาคมลงเหลือ 76% ในขณะที่ประธาน FED สาขา Philadephia สนับสนุนให้ขึ้นดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง (ตลาดคาด 3 ครั้ง ในปี 2561) / ราคาทองคำปรับขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนที่ 1,321 เหรียญ
ตลาดนำ DDD, GULF, JKN เข้าเกณฑ์ Cash Balance
Stock pick : PTTGC
PTTGC : ทยอยสะสม 105.00 บาท/หุ้น
เราปรับราคาเหมาะสม PTTGC ขึ้นเป็น 105.00 บาท (จาก 92.0) จากการปรับประมาณการกำไรปี 2561 ขึ้นเป็น 41,037 ล้านบาท สะท้อนการปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเป็น 55 เหรียญ/บาร์เรล พร้อมทั้งปรับสมมติฐานการใช้กำลังการผลิต Olefin เพิ่มจาก 95 เป็น 100%
หลายสถานการณ์เป็นใจผลักดันราคาน้ำมันดิบขึ้น ส่งผลบวกต่อผู้ผลิต Olefin จาก Gas Based หากเทียบกับ Naphtha Based โดยคาด HDPE-Naphtha spread (เนื่องจากราคาน้ำมันส่งผลต่อบวก ต่อ HDPE ในขณะที่ต้นทุนก๊าซปรับขึ้นช้ากว่า) ซึ่งอาจส่งผลให้ PTTGC ปรับตัว Outperform เมื่อเทียบกับ SCC ได้
ปัจจุบันคิดเป็น PER 18 ที่ 9.9 เท่า ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มในภูมิภาคและในประเทศที่ประมาณ 12 เท่า +/- และ คาดปันผล 2H60 ประมาณ 2.2% และปี 2561 สูงกว่า 4.5% และคาดแรงขายหุ้นในกระดานลดลงภายหลังบริษัทแจ้งขาย Tresury stock ครบจำนวน
Trading idea – – เก็งกำไร PSL คาดผลประกอบการไตรมาส 4 พลิกเป็นกำไรครั้งแรก และประเด็นการเร่งนำเข้าถ่านหินจีน (13.70) /
Technical View
PTTGC : ทยอยสะสม 105.00 บาท/หุ้น
เราปรับราคาเหมาะสม PTTGC ขึ้นเป็น 105.00 บาท (จาก 92.0) จากการปรับประมาณการกำไรปี 2561 ขึ้นเป็น 41,037 ล้านบาท สะท้อนการปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเป็น 55 เหรียญ/บาร์เรล พร้อมทั้งปรับสมมติฐานการใช้กำลังการผลิต Olefin เพิ่มจาก 95 เป็น 100%
หลายสถานการณ์เป็นใจผลักดันราคาน้ำมันดิบขึ้น ส่งผลบวกต่อผู้ผลิต Olefin จาก Gas Based หากเทียบกับ Naphtha Based โดยคาด HDPE-Naphtha spread (เนื่องจากราคาน้ำมันส่งผลต่อบวก ต่อ HDPE ในขณะที่ต้นทุนก๊าซปรับขึ้นช้ากว่า) ซึ่งอาจส่งผลให้ PTTGC ปรับตัว Outperform เมื่อเทียบกับ SCC ได้
ปัจจุบันคิดเป็น PER 18 ที่ 9.9 เท่า ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มในภูมิภาคและในประเทศที่ประมาณ 12 เท่า +/- และ คาดปันผล 2H60 ประมาณ 2.2% และปี 2561 สูงกว่า 4.5% และคาดแรงขายหุ้นในกระดานลดลงภายหลังบริษัทแจ้งขาย Tresury stock ครบจำนวน
Trading idea – – เก็งกำไร PSL คาดผลประกอบการไตรมาส 4 พลิกเป็นกำไรครั้งแรก และประเด็นการเร่งนำเข้าถ่านหินจีน (13.70) /
Technical View
อ่อนตัวไม่หลุด 1784 ยังคงแนวโน้มขาขึ้น: ดัชนีเปิดโดดและปรับตัวขึ้นปะทะแนวต้านจิตวิทยาที่ 1800 จากแรงซื้อหลักของหุ้นกลุ่มพลังงานและก่อสร้าง จากนั้นเกิดการอ่อนตัวลงเล้กน้อย ภาพระยะกลางขณะนี้มองว่าเป็นการแกว่งขึ้นในกรอบ Uptrend โดยมีแนวรับระยะกลางที่บริเวณ 1784 มองว่าหากยังไม่หลุดแนวรับดังกล่าวจะยังคงมีแนวโน้มแกว่งตัวขึ้น มองแนวต้านระยะกลางถัดไปที่ 1820 จังหวะอ่อนตัวสู่แนวรับเป็นจุดที่น่าเข้าซื้อเพื่อ Trading กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: Let Profit Run แล้วพิจารณาแรงขายที่แนวต้าน 1800 หากมีแรงขายมาก ทยอยทำกำไรบางส่วน และถืออีกส่วน 2) ไม่มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1790-1820
แนวรับ : 1790, 1784 แนวต้าน : 1800, 1820
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : 9 ม.ค. นี้ เกาหลีใต้เปิดฉากคุยเกาหลีเหนือ และ จีนรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ
ปัจจัยในประเทศ : จับตาราคาพืชผลเกษตร (ข้าว, ยางพารา,ปาล์ม) /
จับตานายกเตรียมปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ 2-15 บาท
แนวรับ : 1790, 1784 แนวต้าน : 1800, 1820
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : 9 ม.ค. นี้ เกาหลีใต้เปิดฉากคุยเกาหลีเหนือ และ จีนรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ
ปัจจัยในประเทศ : จับตาราคาพืชผลเกษตร (ข้าว, ยางพารา,ปาล์ม) /
จับตานายกเตรียมปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ 2-15 บาท
หุ้นเทคนิค:
IVL (B 57.00, Tp 60.00//62.00, Cut 56.00)
KTB (B 19.70, Tp 20.40, Cut 19.50)
IVL (B 57.00, Tp 60.00//62.00, Cut 56.00)
KTB (B 19.70, Tp 20.40, Cut 19.50)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO4258
Research Department Tel. 02-658-5000
OO4258