WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BLSบล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 

วิเคราะห์ตลาดและแนวโน้ม

Happy New High

  วานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นทำสถิติใหม่สูงสุดตลอดกาลที่ 1,791.39 จุด ก่อนจะปิดตลาดที่

1,791.02 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่สูงถึง 9 หมื่นล้านบาท โดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มหลักอย่างกลุ่ม

พลังงาน และกลุ่มธนาคาร รวมถึงยังมีแรงซื้อสลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มรองที่อยู่ในธีมหลักอย่างโรงไฟฟ้า

(BCPG, BPP) และ กลุ่มพลังงาน (IVL)

  วันนี้คาดดัชนีมีโอกาสลุ้นทดสอบกรอบด้านบนที่ระดับ 1,800 จุด (มีแรงขายสลับเข้ามาบ้างในระหว่างวัน)

โดยยังได้แรงหนุนจากปัจจัยภายในประเทศที่ดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งวานนี้มีการเปิดเผยตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่น

ผู้บริโภคเดือน ธ.ค. ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน อีกทั้งการดีดตัวขึ้นของตลาดต่างประเทศ

ยังหนุน Sentiment เชิงบวก โดยดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง Dow Jones, NASDAQ และ S&P 500 ต่างปรับตัว

ขึ้นทำ New High

หุ้นแนะนำวันนี้

  แนะหุ้นตามธีมหลักกลุ่มโรงไฟฟ้า และหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่พักตัวเมื่อวานนี้

  BGRIM แนวรับ 30 ต้าน 32.5 Stop loss 29

  GLOBAL แนวรับ 17.8 ต้าน 18.5 Stop loss 17.5

รายงานวันนี้

SC: From a rocky year to a rosy year

  SC จะเปลี่ยนจะปีที่เหนื่อยในปี 2017 มาเป็นปีที่ดีมากในปี 2018 เพราะคาดกำไรจะกลับมาเติบโตได้ราว

25% (หลังจากที่หดตัวไปราว 20% ในปี 2017) เพราะปี 2018 มีโครงการสร้างเสร็จเป็นจำนวนมากราว 9.7

พันล้านบาท เช่น โครางการ Saladaeng One มูลค่า 4.7 พันล้านบาท เป็นต้น (เพิ่มขึ้นจากปี 2017 ที่มี

โครงการสร้างวเสร็จไม่ถึง 2 พันล้านบาท) ในขณะที่ปัจจัยหนุนราคาหุ้นระยะสั้นคาดมาจากยอด Pre-sales

และ กำไร 4Q17 ที่จะดีกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม ประกอบกับเงินปันผลที่อยู่ใน top3 ของกลุ่มด้วย เราปรับราคา

เป้าหมายขึ้นเป็น 4.7 บาท (เดิม 4.2 บาท) แนะนำ ซื้อ

TISCO: 4Q17 result to be best of year; more to come

  คาดกำไร 4Q17 ที่ 1.73 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% YoY และ 10% QoQ และจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของ

ปี หนุนโดยการรวมพอร์ต SCBT เข้ามาเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา และการตั้งสำรองลดลงถึง 25% YoY

เรายังคงชอบ TISCO และคาดกำไรจะโตต่อเนื่องราว 10% ในปี 2018 เป็น 6.9 พันล้านบาท และมีอัพ

ไซด์จากสินเชื่อที่มีโอกาสโตดีกว่าคาดจากการขยายฐานลูกค้าไปสุ่ลูกค้าเดิมของ SCBT เราคงแนะนำ ซื้อ

ราคาเป้าหมาย 96 บาท

หุ้นมีข่าว

  (+) BGRIM แจ้งตลาดฯ เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2561 บริษัทได้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขยะ

อุตสาหกรรม กำลังการเสนอขายตามสัญญา 4.0 เมกะวัตต์ โดยได้เข้าถือหุ้นใน โปรเกรส อินเตอร์เคม

จำนวน 480,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 48 ของทุนจดทะเบียน และบริษัทจะส่งตัวแทนเข้าเป็นผู้ร่วม

บริหารและจัดการโครงการดังกล่าวตามสัดส่วนการถือหุ้น ซึ่งส่งผลให้ โปรเกรส อินเตอร์เคม ถือเป็นบริษัท

ร่วมของบริษัท (ที่มา ตลท.)

  (+) กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้สรุปสถานการณ์การท่องเที่ยวในปี 60 โดยตั้งแต่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค. 60

ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวอยู่ที่ 2.76 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วยเดียวกันของปีก่อน 9.6%

แยกเป็น นักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้ามาประเทศไทยทะลุ 35 ล้านคน นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

โดยสร้างรายได้สูงถึง 1.83 ล้านล้านบาท ส่วนคนไทยเที่ยวไทย มีการเดินทางกว่า 152 ล้านคน/ครั้ง สร้าง

รายได้ 9.3 แสนล้านบาท ส่วนปี 61 ได้ตั้งเป้าหมายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 3 ล้านล้านบาท

แบ่งเป็นต่างชาติ 2 ล้านล้านบาท และไทยเที่ยวไทย 1 ล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ไทยเที่ยวไทยมี

รายได้แตะล้านล้านบาท (ที่มา นสพ. เดลินิวส์)

  (+) สมคิด ให้การบ้าน ธ.ก.ส.-กระทรวงเกษตรฯ หาวิธีปฏิรูปการเกษตร ปรับโครงสร้างการผลิตยั่งยืน แนะ

ลดดอกเบี้ยเกษตรกรต่ำกว่า 7% พร้อมอ้าแขนรับยินดีช่วย หนุน 3 มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรรายได้น้อย

เข้า ครม.สัปดาห์หน้า และผุดไอเดียตั้งกองทุนฯ ดันสตาร์ทอัพเอสเอ็มอีเกษตร (ที่มา ไทยโพสต์)

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด

4 Elements2018

  หากฟองสบู่ Bitcoin แตก… เราไม่คิดว่า Market Caps ของ Bitcoin ตอนนี้ใหญ่พอ ที่จะสั่นคลอนหรือ

สะเทือนความมั่งคั่งโดยรวมของตลาดหุ้น หากเกิดภาวะฟองสบู่บิตคอยแตก และ เชื่อว่าตลาดบิตคอยที่ใหญ่

ขึ้นตลอดปีที่ผ่านมา กลับจะเพิ่มความมั่งคั่งต่อนักลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจทางอ้อม ตลอดจนความ

ต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจาก “เหมืองบิตคอย” (+BANPU โรงไฟฟ้า หุ้นพลังงาน)

  2nd Wave of Internet connectivity การเกิดขึ้นของเทคโนโลยีระบบ Automation และ

e-Commerce ซึ่งกดดันอำนาจต่อรองราคาของผู้ผลิตไม่ให้ปรับขึ้นราคาได้มากนัก เราจึงเห็นตัวเลขเงินเฟ้อ

ทั่วโลกไม่ได้ปรับขึ้นอย่างที่เคยเป็นตามทฤษฎีในอดีต และเงินหมุนเวียนที่มีอยู่สูงใน ตลาด e-Commerce

คาดส่งผลบวกต่อกลุ่ม ค้าปลีกที่เกี่ยวข้องกับ Smart phone และอุปกรณ์รองรับการเติบโตของธุรกิจ

e-Commerce (+COM7 JMART / UTP และ Logistics ที่เกี่ยวข้องกับ e-Commerce)

  เงินเฟ้อ(ตามทฤษฏี)ต่ำ เพราะผลกระทบต่อเนื่องของ 2nd Wave of Internet connectivity แต่

ดอกเบี้ยอาจขึ้นได้เร็ว การขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และ กนง.ในปีนี้ ตลาดคาดว่าจะมีการปรับขึ้น 3 ครั้ง

เหมือนกัน โดยดอกเบี้ยไทย และ สหรัฐฯ สิ้นปี 2018 คาดจบที่ 2.25% เท่ากัน (กรอบบนของเฟด) ซึ่งคิดว่า

การที่เงินเฟ้อต่ำกว่าเป้าหมายในระหว่างปีนี้ จะไม่ใช่ปัจจัยที่จะกดดันให้ดอกเบี้ยขึ้นช้าอีกต่อไป (+BBL

KBANK / -TISCO TCAP KKP SAWAD MTLS)

  Helicopter money ending ผู้กำหนดนโยบายการเงินทั่วโลกจะเริ่มอัดฉีดเงินเข้าระบบน้อยลงเรื่อยๆ

และให้น้ำหนักกับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินมากขึ้น ซึ่งมองว่าการแข่งกันทำให้ค่าเงินสกุลหลักอ่อน

ค่าเหมือนในอดีตน่าจะน้อยลงตามลำดับ และเงินบาทอาจไม่อ่อนค่าอย่างทีทุกคนคิด...(บวกต่อเงินทุนไหล

เข้าหุ้นไทย)

  *Bitcoin ได้มีการเทรดแพร่หลายในสกุลเงินเยนโดยคิดเป็น 40% ขณะที่ Market Cap ของ Bitcoin สิ้นปี

อยู่ที่ราว US$2.8 แสนล้าน หากรวม cryptocurrencies อื่นด้วยมูลค่าตลาดจะเพิ่มไปถึง US$5.23 แสนล้าน

และด้วยมูลค่าที่มีการเทรดกันจนดันราคา Bitcoin เพิ่มไปถึง 1400% ในปีที่แล้ว จนกลายเป็นที่ถกเถียงถึง

ผลกระทบโดยรวมต่อเศรษฐกิจและตลาดทุน หากฟองสบู่ Bitcoin แตก...

  แต่ จากสถิติการล่มสลายของยุค Dotcom เราเชื่อว่าหาก Bitcoin เกิดภาวะฟองสบู่แตกจริงจะไม่ได้กระทบ

ตลาดหุ้นจนเกิดเป็นวิกฤตเพราะ มูลค่า Bitcoin ยังห่างจาก Dotcom bubble ที่มีมูลค่าในปี 2000 สูงถึง

US$2.9 ล้านล้าน และ Market Caps ของ Bitcoin ยังห่างจาก Market Caps ตลาดหุ้นทั่วโลกปัจจุบัน ที่

US$79 ล้านล้าน อยู่มาก

  ในแง่บวก Bitcoin ได้เพิ่มกำลังซื้อของนักลงทุนในญี่ปุ่น (ที่เน้นญี่ปุ่นเพราะมีสัดส่วนในการเทรด Bitcoin

เกือบครึ่งหนึ่งของโลก) โดยพบว่ากำลังซื้อจากความมั่งคั่งเพราะ Bitcoin จะมีอยู่เกือบ 1 แสนล้านเยน

ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจาก “ธุรกรรม Bitcoinโดยได้มีการประเมินการบริโภคไฟฟ้าต่อปีอยู่ที่

33.2TWh หรือคิดเป็น US$1.6 พันล้าน ซึ่งเป็นการขยายตัวที่เร็วมาก และ 71% ของ “Bitcoin miningอยู่

ที่ จีน ซึ่งมีต้นทุนไฟฟ้าจากพลังงานถ่านหินที่ถูก ทำให้คาดว่า หากตลาด Bitcoin ยังโตต่อได้อีกในปีนี้ จะ

ส่งผลต่อความต้องการถ่านหินที่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน (+BANPU)

  แรงขาย LTF ช่วงต้นปี...นับเฉพาะที่ครบกำหนด 5 ปีปฏิทิน คือคนที่ซื้อมาตั้งแต่ 2014 คาดว่าจะไม่มีแรง

ขายที่มีผลต่อตลาดมากนัก ดูจากข้อมูล มอร์นิ่ง สตาร์ เราพบว่า

  1) ผลตอบแทนไม่จูงใจให้ขาย ต้นทุนในปี 2014 นั้น ดัชนีฯอยู่ที่ประมาณ 1,200-1,400 จุด ซึ่ง

ผลตอบแทนเทียบกับระดับ 1,700 จุด นั้นยังน้อยกว่าปีก่อนๆ ค่อนข้างมาก (เช่นปี 2008 ต้นทุน

400 จุด จึงมีแรงขายสุทธิในปี 2012 สูงถึง 2 หมื่นล้านบาท)

  2) คนที่คิดจะขาย LTF ได้ขายไปมากในปี 2017 นับตั้งแต่ มค.-มิย. มีแรงขายสุทธิจาก LTF

1.52 หมื่นล้านบาท นับตั้งแต่ มค.-มิย.

  3) เงินหมุนจากคนที่ลงทุน LTF ปี 2014 มีน้อยกว่าทุกปี พิจารณาจากแรงขายสุทธิในปี 2014 มี

เพียง 1,793 ล้านบาท เทียบกับปี 2013 ที่ 8.2 พันลบ. ปี 2015 7 พันลบ. ปี 2016 6.2 พันลบ.

มองได้ว่า เงินที่ขายไปแล้ว นำกลับมาซื้อใหม่ในปี 2014 นั้น ไม่น่าจะมีจำนวนมากเมื่อเทียบกับปี

อื่นๆ

  4) ผู้ลงทุน LTF ส่วนมากเลือกที่จะถือยาว ดูจากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (ครึ่งปีแรก 2017) อยู่ที่ 3.3

แสนล้านบาท เทียบกับเงินไหลออกแต่ละปี เราเชื่อว่า ผู้ลงทุน LTF ส่วนมากเลือกที่จะถือ LTF

เกินกว่า 5-7 ปีปฏิทิน ดังนั้นเราจึงไม่กังวลต่อแรงขายระยะสั้น

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336

นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค

ธนัท พจน์เกษมสิน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์

นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

OO4213

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!