- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 05 January 2018 19:41
- Hits: 13269
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ตลาดต่างประเทศและสินค้าโภคภัณฑ์สดใสต่อ
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงเดินหน้าต่อ แต่นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน เนื่องจากดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้นสดใสตามตลาดต่างประเทศตั้งแต่เปิดทำการต้นปี แนะนำล็อกกำไรสำหรับหุ้น AOT ซึ่งราคาปรับตัวสูงขึ้นมากแต่เราคาดว่าบริษัททำกำไรตามมาไม่ทัน และปัจจุบันมาร์เก็ตแคปของ AOT สูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก แซง AENA ซึ่งเป็นหุ้นท่าอากาศยานของสเปนซึ่งมีมาร์เก็ตแชร์เป็นที่ 1 ของโลกแล้ว ราคาหุ้น Fully Valued แนะนำรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ส่วนหุ้น AMATA ราคาหุ้นใกล้ชนเป้าหมายที่ 28.50 บาท และยังไม่มีความคืบหน้าเรื่อง พรบ.EEC ที่ชัดเจนออกมา ตัวเลข FDI ของไทยในเดือน ต.ค. 60 ไม่โดดเด่น และส่วนใหญ่สุทธิเป็นเงินไหลออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น คาดว่ายังไม่มีสัญญาณบวกในระยะสั้นต่อหุ้นนิคมอุตสาหกรรมซึ่งปรับตัวขึ้นมาตามกระแส EEC ในปี 2560 แนะนำเริ่มทยอยขายทำกำไร และเปลี่ยนกลุ่มเข้าลงทุนพลังงาน และหุ้นเทคโนโลยี เลือก BANPU, PTT และ ADVANC เป็นแกนหลักสำหรับหุ้นขนาดใหญ่
Stock Comment
BCP เลือกเป็น Pick of the day
PSL ค่าระวางเรือปรับตัวดีขึ้น หลังจากอ่อนตัวหลายวันก่อนวันหยุดยาว เรามองเป็นผลบวกต่อ PSL
PTT จากการที่ราคาน้ำมันดิบยังคงทรงตัวระดับที่ดี PTT มีแผนการลงทุนต่อยอดการเติบโตของกำไรในอนาคต รวมถึงการพัฒนาเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation: EECi) ของตัวเอง ภายใต้ชื่อโครงการวังจันทร์วัลเล่ย์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนกำเนิดวิทย์ และสถาบันนวัตกรรมต่าง ๆ ของกลุ่ม PTT ดังนั้นเรามองว่ากลุ่ม PTT สามารถพึ่งพาตัวเองได้ในเรื่องพื้นที่การสร้างนิคมอุตสาหกรรม
หุ้นเด่นวันนี้ : BCP (ปิด 41.75 บาท; ซื้อ; เป้าหมาย AWS 46.00 บาท)
BCP เป็นหุ้นหมวดพลังงานที่ยังมี PER ต่ำ และปันผลสูง มีการลงทุนที่หลากหลายสาขาสำหรับเทรนด์อุตสาหกรรมใหม่และเก่า ซึ่งก่อนหน้านี้ราคาหุ้น Laggard ไปจากผลกระทบของการตั้งด้อยค่าสำหรับการลงทุนใน Nido Petroleum Ltd ซึ่งเป็นธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (Exploration and Production) จำนวน 1,368 ล้านบาท ในไตรมาส 3/60 แต่กิจการธุรกิจไฟฟ้าภายใต้ BCPG และการลงทุนในธุรกิจ Lithium ถือเป็นปัจจัยบวกในอนาคตต่อ BCP ขณะที่ค่าการกลั่นเราให้น้ำหนักเป็น Neutral เนื่องจากค่าการกลั่นในเดือน ม.ค.ยังผันผวนมากและลดระดับจาก 7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาเป็นล่าสุดที่ 6.03 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ค่าการกลั่น ณ สิ้นปี ไม่แตกต่างจากช่วงต้นไตรมาส 4/60 มากนัก ดังนั้น คาดว่าไตรมาส 4/60 ธุรกิจโรงกลั่นไม่เผชิญกับ Stock Loss มากเท่ากับช่วงไตรมาส 3/60
Price Pattern ของ BCP ยังมีความแข็งแกร่งในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily & Monthly Buy Signal รอเพียงการกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ก็จะทำให้กลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างเต็มตัว โดยต้องปิดตลาดรายสัปดาห์เหนือ 42.50 บาท มีเป้าหมายสำคัญถัดไปอยู่ที่ 45.75 บาท มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 39.75 บาท (Resistance: 42.00,42.25, 42.75; Support: 41.50, 41.25, 40.75)
ปัจจัยในประเทศ :
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน อยู่ที่ 79.2 ในเดือน ธ.ค. จาก 78.0 ในเดือน พ.ย. เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น หนุนโดยภาคส่งออกและการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังกังวลปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรที่ส่วนใหญ่ทรงตัวในระดับต่ำอยู่ (บางกอกโพสต์)
GDP ปี 2561 อาจโตใกล้ 5% มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยคาดเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 4% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 และ 4.5% ในช่วงครึ่งปีหลัง และประมาณการเศรษฐกิจไทยทั้งปีจะเติบโตในช่วง 4.2 - 4.5% และนอกจากนี้ ม.หอการค้าไทยมองว่ามีความเป็นไปได้ที่ GDP ปี 2561 จะขยายตัวถึงระดับ 5% หนุนโดยการส่งออกและท่องเที่ยว มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้ต่ำของรัฐ การเร่งการลงทุนในภาครัฐ รวมถึงโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (บางกอกโพสต์)
ค่าเงินบาทแข็งหวั่นกระทบส่งออก : ภาคเอกชนได้ออกมากล่าวถึงความกังวลเกี่ยวกับบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้โดย ณ ปัจุบันทำสถิติแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 31 เดือนซึ่งอาจส่งผลต่อการส่งออกและการท่องเที่ยวได้ (Bangkok Post)
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ดัชนีดาวโจนส์ (Dow Jones Index) ปิดพุ่งขึ้นทะลุแนว 25,000 จุดเป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ (4 ม.ค.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลังจากมีการเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือน ธ.ค. ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน ธ.ค.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ จะเปิดเผยในวันนี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.1%
ตลาดหุ้นเอเชีย : ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดเช้าวันนี้ที่ 2,476.85 จุด เพิ่มขึ้น 10.39 จุด, +0.42%; ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดเช้าวันนี้ที่ 23,643.00 จุด เพิ่มขึ้น 136.67 จุด, +0.58%
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบ : สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีเมื่อคืนนี้ (4 ม.ค.) โดย WTI เพิ่มขึ้น 38 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 62.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2557; Brent เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 68.07 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ หรือ U.S. Energy Information Administration (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากปัจจัยความไม่สงบในอิหร่าน และความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐน อันเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น
ราคาทองคำ : ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ แต่แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐเป็นปัจจัยจำกัดช่วงขาขึ้นของราคาทอง ราคาทองคำตลาด COMEX ปรับตัวขึ้น 1.30 ดอลลาร์ หรือ 0.10% สู่ระดับ 1,319.80 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีค่าระวางเรือ BDI ปิดที่ 1,341.00 จุด เพิ่มขึ้น 79.00 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 เป็นปัจจัยบวกหนุน PSL, TTA
Thailand Research Department
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Ms. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Mr. Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Mr. Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 2-2680-5094
OO4209