- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 04 January 2018 16:47
- Hits: 3691
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ไปต่อ แต่จะผันผวนมากขึ้น
KGI คาด SET วันพฤหัสฯ ยังขึ้นต่อ แต่จะผันผวนมากขึ้นตามระดับความสูง และดัชนีฯ มีอัพไซด์เหลือไม่มากจากเป้าไตรมาส 1/2560 ที่เรามองที่ 1,800 แต่ภาพรวมของปัจจัยแวดล้อมยังเป็นบวก วานนี้ทั้งต่างชาติและสถาบันฯ ซื้อสุทธิหนัก น่าจะส่งผลให้แรงเหวี่ยงระยะสั้นของตลาดยังดีอยู่ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศเป็นบวกเช่นกัน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำนิวไฮต่อ หนุนโดยตัวเลข ISM ภาคการผลิตและตัวเลขการใช้จ่ายภาคก่อสร้างซึ่งสูงกว่าที่ consensus คาด ขณะที่ราคาน้ำมันยังปรับขึ้นแข็งแกร่งตามเหตุการณ์ประท้วงในอิหร่าน (ราคาน้ำมัน WTi ปิดสูงสุดรอบเกือบ 3 ปี ใกล้ 62 เหรียญฯ/บาร์เรล น่าจะหนุนราคาหุ้นพลังงานขนาดใหญ่ต่อไป) อย่างไรก็ดีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีกว่าคาด ผนวกกับรายงานการประชุมเฟดจากครั้งล่าสุดซึ่งชี้ว่ากรรมการเฟดส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับการส่งสัญญาณของเฟดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2561 หนุนให้ดัชนีค่าเงินดอลล่าร์รีบาวด์ค่อนข้างแรงเมื่อคืนนี้ และอาจชะลอความร้อนแรงของตลาดหุ้นเอเชียไปบ้างในวันนี้ เทียบกับเมื่อวาน
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เล่นหุ้นหลัก แบงก์, นิคมฯ ต่อ
หุ้นกลุ่มธนาคาร (KBANK*, BBL*) เราประเมินความน่าสนใจลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารดังนี้ i) ดอกเบี้ยขาขึ้น ii) เศรษฐกิจเติบโต ส่งผลบวกต่อยอดสินเชื่อที่จะเติบโต และ NPL ที่จะลดลง iii) Valuation ไม่แพงด้วย PBV ที่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี โดยทั้ง KBANK* และ BBL* หากกำหนดสมมติฐานให้กลับไปเทรดที่ค่าเฉลี่ย PBV จะมี Upside >20%
i) KBANK* (เป้าพื้นฐาน 250 บาท) ฝ่ายวิจัยฯประเมินกำไรปี 2561 โต 20.9% YoY, ROAE 13.1%, และประเมิน Book Value = 160.4 บาท/หุ้น จากราคาปิดล่าสุด PBV ปี 2561 = 1.48 เท่า Discount จากค่าเฉลี่ยระยะยาวย้อนหลัง 5 ปี ที่ 1.8 เท่าราว 22% แนะนำ “สะสม” แนวรับ 232 บาท และ 230 บาท (สำหรับการเก็งกำไรสั้น Trailing stop 228 บาท)
ii) BBL* (เป้าพื้นฐาน 240 บาท) ฝ่ายวิจัยฯประเมินกำไรปี 2561 โต 19.8% YoY, ROAE 10%, และประเมิน Book Value = 228 บาท/หุ้น จากราคาปิดล่าสุด PBV ปี 2561 = 0.9 เท่า Discount จากค่าเฉลี่ยระยะยาวย้อนหลัง 5 ปี ที่ 1.1 เท่าราว 22% แนะนำ “สะสม” แนวรับ 202 บาท และ 200 บาท (สำหรับการเก็งกำไรสั้น Trailing stop 197.5 บาท)
หุ้นกลุ่มนิคมฯ (AMATA*, WHA*) เราประเมินกฏหมายโครงการ EEC จะเริ่มมีผลภายใน 1H61 ซึ่งจะทำให้ภาครัฐฯเริ่มต้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรองรับ และจะทำให้ภาคเอกชนมั่นใจลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออก แนะนำ เก็งกำไร AMATA* และ WHA*
i) AMATA* (เป้าพื้นฐาน 26.4 บาท) ประเมินแนวรับ 26.5 บาท แนวต้าน 27.5 บาท และถัดไปที่ 30 บาท (Trailing stop 25 บาท)
ii) WHA* (เป้าพื้นฐาน 4.4 บาท) ประเมินแนวรับ 4.08 บาท แนวต้าน 4.30 บาท (Trailing stop 4.0 บาท)
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ไปต่อ แต่จะผันผวนมากขึ้น
KGI คาด SET วันพฤหัสฯ ยังขึ้นต่อ แต่จะผันผวนมากขึ้นตามระดับความสูง และดัชนีฯ มีอัพไซด์เหลือไม่มากจากเป้าไตรมาส 1/2560 ที่เรามองที่ 1,800 แต่ภาพรวมของปัจจัยแวดล้อมยังเป็นบวก วานนี้ทั้งต่างชาติและสถาบันฯ ซื้อสุทธิหนัก น่าจะส่งผลให้แรงเหวี่ยงระยะสั้นของตลาดยังดีอยู่ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศเป็นบวกเช่นกัน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำนิวไฮต่อ หนุนโดยตัวเลข ISM ภาคการผลิตและตัวเลขการใช้จ่ายภาคก่อสร้างซึ่งสูงกว่าที่ consensus คาด ขณะที่ราคาน้ำมันยังปรับขึ้นแข็งแกร่งตามเหตุการณ์ประท้วงในอิหร่าน (ราคาน้ำมัน WTi ปิดสูงสุดรอบเกือบ 3 ปี ใกล้ 62 เหรียญฯ/บาร์เรล น่าจะหนุนราคาหุ้นพลังงานขนาดใหญ่ต่อไป) อย่างไรก็ดีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีกว่าคาด ผนวกกับรายงานการประชุมเฟดจากครั้งล่าสุดซึ่งชี้ว่ากรรมการเฟดส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับการส่งสัญญาณของเฟดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2561 หนุนให้ดัชนีค่าเงินดอลล่าร์รีบาวด์ค่อนข้างแรงเมื่อคืนนี้ และอาจชะลอความร้อนแรงของตลาดหุ้นเอเชียไปบ้างในวันนี้ เทียบกับเมื่อวาน
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เล่นหุ้นหลัก แบงก์, นิคมฯ ต่อ
หุ้นกลุ่มธนาคาร (KBANK*, BBL*) เราประเมินความน่าสนใจลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารดังนี้ i) ดอกเบี้ยขาขึ้น ii) เศรษฐกิจเติบโต ส่งผลบวกต่อยอดสินเชื่อที่จะเติบโต และ NPL ที่จะลดลง iii) Valuation ไม่แพงด้วย PBV ที่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี โดยทั้ง KBANK* และ BBL* หากกำหนดสมมติฐานให้กลับไปเทรดที่ค่าเฉลี่ย PBV จะมี Upside >20%
i) KBANK* (เป้าพื้นฐาน 250 บาท) ฝ่ายวิจัยฯประเมินกำไรปี 2561 โต 20.9% YoY, ROAE 13.1%, และประเมิน Book Value = 160.4 บาท/หุ้น จากราคาปิดล่าสุด PBV ปี 2561 = 1.48 เท่า Discount จากค่าเฉลี่ยระยะยาวย้อนหลัง 5 ปี ที่ 1.8 เท่าราว 22% แนะนำ “สะสม” แนวรับ 232 บาท และ 230 บาท (สำหรับการเก็งกำไรสั้น Trailing stop 228 บาท)
ii) BBL* (เป้าพื้นฐาน 240 บาท) ฝ่ายวิจัยฯประเมินกำไรปี 2561 โต 19.8% YoY, ROAE 10%, และประเมิน Book Value = 228 บาท/หุ้น จากราคาปิดล่าสุด PBV ปี 2561 = 0.9 เท่า Discount จากค่าเฉลี่ยระยะยาวย้อนหลัง 5 ปี ที่ 1.1 เท่าราว 22% แนะนำ “สะสม” แนวรับ 202 บาท และ 200 บาท (สำหรับการเก็งกำไรสั้น Trailing stop 197.5 บาท)
หุ้นกลุ่มนิคมฯ (AMATA*, WHA*) เราประเมินกฏหมายโครงการ EEC จะเริ่มมีผลภายใน 1H61 ซึ่งจะทำให้ภาครัฐฯเริ่มต้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรองรับ และจะทำให้ภาคเอกชนมั่นใจลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออก แนะนำ เก็งกำไร AMATA* และ WHA*
i) AMATA* (เป้าพื้นฐาน 26.4 บาท) ประเมินแนวรับ 26.5 บาท แนวต้าน 27.5 บาท และถัดไปที่ 30 บาท (Trailing stop 25 บาท)
ii) WHA* (เป้าพื้นฐาน 4.4 บาท) ประเมินแนวรับ 4.08 บาท แนวต้าน 4.30 บาท (Trailing stop 4.0 บาท)
หุ้นในกระแส
หุ้นรับ ธีม EEC ... นอกเหนือจาก แบงก์, นิคมฯ ... (กลุ่มงานระบบฯ AIT, SAMTEL, ILINK, SPPT, SIMAT / กลุ่มรับเหมาฯ STEC*, SEAFCO. PYLON / หุ้นรับเศรษฐกิจตะวันออก ECL, EASTW / กลุ่มค้าปลีก COM7*) เราประเมินหุ้นกลุ่มแรกๆที่จะได้อานิสงส์จากโครงการ EEC คือ กลุ่มนิคมฯ และ ธนาคารพาณิชย์ โดยเราประเมินเม็ดเงินกองทุนระยะสั้นจะมุ่งเน้นหุ้นหลักก่อนเพื่อเกาะดัชนีฯ เพื่อไม่ให้ผลตอบแทนการลงทุนต่ำกว่าดัชนีฯ และขั้นถัดไปจึงจะกลับมามุ่งเน้นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ที่มี Alpha สูง เพื่อมุ่งเน้นการชนะดัชนีฯ สำหรับหุ้นกลุ่มรองที่คาดจะได้อานิสงส์ตามมา คือ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับงานสาธารณูปโภค อย่างกลุ่มงานรับเหมาก่อสร้างอย่าง STEC*, SEAFCO, PYLON รวมถึงหุ้นกลุ่มงานระบบฯ ที่คาดจะได้อานิสงส์จากนโยบายสมาร์ทซิตี้ รวมถึงงานระบบฯต่างๆ ของการลงทุนภาคเอกชน+รัฐฯ อย่าง AIT, SAMTEL, ILINK, SPPT, SIMAT เป็นต้น นอกจากนี้ด้วยเศรษฐกิจที่คาดจะเติบโตในภาคตะวันออกทำให้หุ้นที่มีฐานธุรกิจในภาคตะวันออกคาดจะได้อานิสงส์ไปด้วย เช่น ECL และ EASTW เป็นต้น ขณะที่ดีมานด์อุปกรณ์ไอที คาดว่าจะเติบโตตาม การลงทุน และเศรษฐกิจ คาดเป็นบวกต่อ COM7*
หุ้น Small cap ที่มีธีม Turnaround / M&A ในปีนี้ (SPPT, SIMAT, TPAC)
i) SPPT: มติที่ประชุมผู้ถือหุ้นต้นเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา อนุมัติการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่โดยขายสินทรัพย์ที่ผลตอบแทนต่ำออก/ขาดทุน ออกไป และเริ่มต้นการซื้อธุรกิจใหม่ด้านไอทีที่มีกำไรเข้ามา คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานจะเริ่มต้น Turnaround ตั้งแต่ 4Q60 เป็นต้นไป คาดจะเริ่มทยอยซื้อกิจการด้านไอทีเพิ่มเติมอีก เนื่องจากกระแสเงินสดที่เหลือ + ไม่มีหนี้สินระยะยาว ... แนวรับ 4.80 บาท / แนวต้านแรก 4.90 บาท ผ่านได้ประเมินทดสอบแนวต้านถัดไป 5.45 บาท (Stop loss 4.8 บาท)
ii) SIMAT: เราประเมินธุรกิจอินเตอร์เนตมีจำนวนลูกค้าถึงจุดคุ้มทุนแล้วใน 4Q60 โดยเริ่มมี EBITDA เป็นบวกได้ราว ±10 ล้านบาท/ไตรมาส จึงไม่เป็นตัวถ่วงธุรกิจอื่นๆที่มีกำไรเด่นอย่างธุรกิจ Label และธุรกิจ Software Logistic เป็นต้น รวมถึงการได้เงินเพิ่มทุน PP เข้ามา จะทำห้สภาพคล่องในบริษัทดีขึ้น พร้อมประมูลงานระบบฯในปีนี้ ... แนวรับ 3.34 บาท / แนวต้าน 3.44 บาท หากผ่านได้ประเมินขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 3.66 บาท (Stop loss 3.34 บาท)
iii) TPAC: ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 15 ม.ค. เพื่ออนุมัติการเข้าซื้อกิจการ ผลิตขวดพลาสติกที่ประเทศอินเดีย (Sunrise Containers Limited: SUNRISE) ในอัตราส่วน 80% แนะนำอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในรายงาน IFA ที่แจ้งตลาดฯวันที่ 28 ธ.ค.เพิ่มเติม ... แนวรับ 11.5 บาท / แนวต้าน 12.5 บาท และถัดไป 14.0 บาท (Stop loss 11 บาท)
หุ้นมีข่าว
(+) พาณิชย์เผย CPI ธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.78% YoY เป็นผลจากการปรับขึ้นของราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ ส่วน Core CPI ขยายตัว 0.62% YoY สำหรับในปี 60 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เพิ่มขึ้น 0.66% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เพิ่มขึ้น 0.56% จากปีก่อน (Bisnews) จากรายงานของเราเมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา เราคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2560 จะเพิ่มขึ้นในระดับต่ำ (Disinflation) เฉลี่ย 0.66% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.55% ขณะที่ในปี 2561 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเคลื่อนไหวในช่วง +0.5 - +1.3% เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.1% และ อัตราเงินพื้นฐานจะเคลื่อนไหวในช่วง +0.5 - +0.8% เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.65% เหมือนปี 2560 จะยังมีนักลงทุนและนักวิเคราะห์บางส่วนที่ยังกังวลต่อกำลังซื้อที่ถดถอยเนื่องจากเห็นอัตราเงินเฟ้อขยายตัวในระดับต่ำ ที่แท้จริงแล้วอัตราเงินเฟ้อที่ระดับต่ำไม่ได้เกิดจากกำลังซื้อที่ถดถอยลงแต่เป็นปัจจัยของราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำและไม่ปรับตัวสูงขึ้นมากจนทำให้ราคาน้ำมันในประเทศแพงขึ้นในระดับสูง ขณะที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยกดดันให้ราคานำเข้าไม่เพิ่มขึ้นหรือเพิ่มขึ้นไม่มากจนทำให้ผู้ประกอบการผลักภาระให้กับผู้บริโภคได้
(+) SCB* ใส่เงินอุ้ม PACE (โพสต์ทูเดย์) ไทยพาณิชย์โดดอุ้มเพซฯ เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนล็อตแรก 400 ล้านหุ้น เป็นเงิน 204 ล้าน ยันดีต่อทุกฝ่าย นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า คณะกรรมการอนุมัติให้ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับบุคคลในวงจำกัด (PP) ให้กับธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) จำนวน 400 ล้านหุ้น ในราคา 0.51 บาท/หุ้น รวมเป็นเงิน 204 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถือ 9.62%
ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดย SCB แสดงความจำนงจะใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนรวมทั้งหมดไม่เกิน 1,500 ล้านหุ้น
(+) SIMAT ลั่นปีนี้รายได้-กำไรโต เตรียมสรุปดีลลงทุนธุรกิจใหม่ (ข่าวหุ้น) SIMAT ลั่นผลงานปีนี้เทิร์นอะราวด์ มั่นใจรายได้-กำไรโตกระฉูด ล่าสุดคว้าเงินสดจากการขายหุ้น PP กว่า 119 ล้านบาท ลุยขยายธุรกิจเต็มสูบ รุกอินเทอร์เน็ตตามอาคาร พร้อมดีลเจรจาลงทุนธุรกิจใหม่ คาดสรุปเร็วๆ นี้
(+) GULF-WHAUP จะโตอีกเล็งลงทุนไฟฟ้าใน-นอก (ทันหุ้น) GULF ควง WHAUP จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบให้ กฟผ. อีก 90 เมกะวัตต์แล้ว เพิ่มยอดกำลังการผลิตไฟฟ้าเข้าพอร์ต ขณะที่ GULF เล็งจ่ายไฟฟ้าอีก 3 โครงการ อีก 380.1 เมกะวัตต์ในปี 61 นี้ พร้อมศึกษาลงทุนโครงการพลังงาน เวียดนาม - ลาว - มาเลเซีย - เมียนมา
(+) SUPER* มีเครดิตสักที “ทริสฯ” จัดอันดับ BBB- (ข่าวหุ้น) SUPER มีเครดิตเรตติ้งสักที “ทริสฯ” จัดอันดับเครดิตครั้งแรกที่ ระดับ “BBB-” ด้วยแนวโน้ม “คงที่” สะท้อนฐานะการเงินแกร่ง ผลงานเจ๋ง คาดภายใน 3 ปีรายได้โต 5,500-6,500 ล้านบาท
(+) จับตา U เปิดประชุมวิสามัญวันนี้ ลุ้นผู้ถือหุ้นโหวตอนุมัติ รับโอนกิจการยูนิคอร์นฯ (ข่าวหุ้น) จับตา U เปิดประชุมวิสามัญวันนี้ ลุ้นผู้ถือหุ้นโหวตอนุมัติรับโอนกิจการ “ยูนิคอร์น เอ็นเตอร์ไพรส์ หรือ UE” จาก BTS ปั๊มสินทรัพย์พุ่งแตะ 5 หมื่นล้านบาททันที ฟากวงการเงินชี้มีสิทธิรวมพาร์ในอนาคต
หุ้นรับ ธีม EEC ... นอกเหนือจาก แบงก์, นิคมฯ ... (กลุ่มงานระบบฯ AIT, SAMTEL, ILINK, SPPT, SIMAT / กลุ่มรับเหมาฯ STEC*, SEAFCO. PYLON / หุ้นรับเศรษฐกิจตะวันออก ECL, EASTW / กลุ่มค้าปลีก COM7*) เราประเมินหุ้นกลุ่มแรกๆที่จะได้อานิสงส์จากโครงการ EEC คือ กลุ่มนิคมฯ และ ธนาคารพาณิชย์ โดยเราประเมินเม็ดเงินกองทุนระยะสั้นจะมุ่งเน้นหุ้นหลักก่อนเพื่อเกาะดัชนีฯ เพื่อไม่ให้ผลตอบแทนการลงทุนต่ำกว่าดัชนีฯ และขั้นถัดไปจึงจะกลับมามุ่งเน้นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ที่มี Alpha สูง เพื่อมุ่งเน้นการชนะดัชนีฯ สำหรับหุ้นกลุ่มรองที่คาดจะได้อานิสงส์ตามมา คือ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับงานสาธารณูปโภค อย่างกลุ่มงานรับเหมาก่อสร้างอย่าง STEC*, SEAFCO, PYLON รวมถึงหุ้นกลุ่มงานระบบฯ ที่คาดจะได้อานิสงส์จากนโยบายสมาร์ทซิตี้ รวมถึงงานระบบฯต่างๆ ของการลงทุนภาคเอกชน+รัฐฯ อย่าง AIT, SAMTEL, ILINK, SPPT, SIMAT เป็นต้น นอกจากนี้ด้วยเศรษฐกิจที่คาดจะเติบโตในภาคตะวันออกทำให้หุ้นที่มีฐานธุรกิจในภาคตะวันออกคาดจะได้อานิสงส์ไปด้วย เช่น ECL และ EASTW เป็นต้น ขณะที่ดีมานด์อุปกรณ์ไอที คาดว่าจะเติบโตตาม การลงทุน และเศรษฐกิจ คาดเป็นบวกต่อ COM7*
หุ้น Small cap ที่มีธีม Turnaround / M&A ในปีนี้ (SPPT, SIMAT, TPAC)
i) SPPT: มติที่ประชุมผู้ถือหุ้นต้นเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา อนุมัติการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่โดยขายสินทรัพย์ที่ผลตอบแทนต่ำออก/ขาดทุน ออกไป และเริ่มต้นการซื้อธุรกิจใหม่ด้านไอทีที่มีกำไรเข้ามา คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานจะเริ่มต้น Turnaround ตั้งแต่ 4Q60 เป็นต้นไป คาดจะเริ่มทยอยซื้อกิจการด้านไอทีเพิ่มเติมอีก เนื่องจากกระแสเงินสดที่เหลือ + ไม่มีหนี้สินระยะยาว ... แนวรับ 4.80 บาท / แนวต้านแรก 4.90 บาท ผ่านได้ประเมินทดสอบแนวต้านถัดไป 5.45 บาท (Stop loss 4.8 บาท)
ii) SIMAT: เราประเมินธุรกิจอินเตอร์เนตมีจำนวนลูกค้าถึงจุดคุ้มทุนแล้วใน 4Q60 โดยเริ่มมี EBITDA เป็นบวกได้ราว ±10 ล้านบาท/ไตรมาส จึงไม่เป็นตัวถ่วงธุรกิจอื่นๆที่มีกำไรเด่นอย่างธุรกิจ Label และธุรกิจ Software Logistic เป็นต้น รวมถึงการได้เงินเพิ่มทุน PP เข้ามา จะทำห้สภาพคล่องในบริษัทดีขึ้น พร้อมประมูลงานระบบฯในปีนี้ ... แนวรับ 3.34 บาท / แนวต้าน 3.44 บาท หากผ่านได้ประเมินขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 3.66 บาท (Stop loss 3.34 บาท)
iii) TPAC: ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 15 ม.ค. เพื่ออนุมัติการเข้าซื้อกิจการ ผลิตขวดพลาสติกที่ประเทศอินเดีย (Sunrise Containers Limited: SUNRISE) ในอัตราส่วน 80% แนะนำอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในรายงาน IFA ที่แจ้งตลาดฯวันที่ 28 ธ.ค.เพิ่มเติม ... แนวรับ 11.5 บาท / แนวต้าน 12.5 บาท และถัดไป 14.0 บาท (Stop loss 11 บาท)
หุ้นมีข่าว
(+) พาณิชย์เผย CPI ธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.78% YoY เป็นผลจากการปรับขึ้นของราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ ส่วน Core CPI ขยายตัว 0.62% YoY สำหรับในปี 60 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เพิ่มขึ้น 0.66% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เพิ่มขึ้น 0.56% จากปีก่อน (Bisnews) จากรายงานของเราเมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา เราคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2560 จะเพิ่มขึ้นในระดับต่ำ (Disinflation) เฉลี่ย 0.66% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.55% ขณะที่ในปี 2561 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเคลื่อนไหวในช่วง +0.5 - +1.3% เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.1% และ อัตราเงินพื้นฐานจะเคลื่อนไหวในช่วง +0.5 - +0.8% เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.65% เหมือนปี 2560 จะยังมีนักลงทุนและนักวิเคราะห์บางส่วนที่ยังกังวลต่อกำลังซื้อที่ถดถอยเนื่องจากเห็นอัตราเงินเฟ้อขยายตัวในระดับต่ำ ที่แท้จริงแล้วอัตราเงินเฟ้อที่ระดับต่ำไม่ได้เกิดจากกำลังซื้อที่ถดถอยลงแต่เป็นปัจจัยของราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำและไม่ปรับตัวสูงขึ้นมากจนทำให้ราคาน้ำมันในประเทศแพงขึ้นในระดับสูง ขณะที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยกดดันให้ราคานำเข้าไม่เพิ่มขึ้นหรือเพิ่มขึ้นไม่มากจนทำให้ผู้ประกอบการผลักภาระให้กับผู้บริโภคได้
(+) SCB* ใส่เงินอุ้ม PACE (โพสต์ทูเดย์) ไทยพาณิชย์โดดอุ้มเพซฯ เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนล็อตแรก 400 ล้านหุ้น เป็นเงิน 204 ล้าน ยันดีต่อทุกฝ่าย นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า คณะกรรมการอนุมัติให้ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับบุคคลในวงจำกัด (PP) ให้กับธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) จำนวน 400 ล้านหุ้น ในราคา 0.51 บาท/หุ้น รวมเป็นเงิน 204 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถือ 9.62%
ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดย SCB แสดงความจำนงจะใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนรวมทั้งหมดไม่เกิน 1,500 ล้านหุ้น
(+) SIMAT ลั่นปีนี้รายได้-กำไรโต เตรียมสรุปดีลลงทุนธุรกิจใหม่ (ข่าวหุ้น) SIMAT ลั่นผลงานปีนี้เทิร์นอะราวด์ มั่นใจรายได้-กำไรโตกระฉูด ล่าสุดคว้าเงินสดจากการขายหุ้น PP กว่า 119 ล้านบาท ลุยขยายธุรกิจเต็มสูบ รุกอินเทอร์เน็ตตามอาคาร พร้อมดีลเจรจาลงทุนธุรกิจใหม่ คาดสรุปเร็วๆ นี้
(+) GULF-WHAUP จะโตอีกเล็งลงทุนไฟฟ้าใน-นอก (ทันหุ้น) GULF ควง WHAUP จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบให้ กฟผ. อีก 90 เมกะวัตต์แล้ว เพิ่มยอดกำลังการผลิตไฟฟ้าเข้าพอร์ต ขณะที่ GULF เล็งจ่ายไฟฟ้าอีก 3 โครงการ อีก 380.1 เมกะวัตต์ในปี 61 นี้ พร้อมศึกษาลงทุนโครงการพลังงาน เวียดนาม - ลาว - มาเลเซีย - เมียนมา
(+) SUPER* มีเครดิตสักที “ทริสฯ” จัดอันดับ BBB- (ข่าวหุ้น) SUPER มีเครดิตเรตติ้งสักที “ทริสฯ” จัดอันดับเครดิตครั้งแรกที่ ระดับ “BBB-” ด้วยแนวโน้ม “คงที่” สะท้อนฐานะการเงินแกร่ง ผลงานเจ๋ง คาดภายใน 3 ปีรายได้โต 5,500-6,500 ล้านบาท
(+) จับตา U เปิดประชุมวิสามัญวันนี้ ลุ้นผู้ถือหุ้นโหวตอนุมัติ รับโอนกิจการยูนิคอร์นฯ (ข่าวหุ้น) จับตา U เปิดประชุมวิสามัญวันนี้ ลุ้นผู้ถือหุ้นโหวตอนุมัติรับโอนกิจการ “ยูนิคอร์น เอ็นเตอร์ไพรส์ หรือ UE” จาก BTS ปั๊มสินทรัพย์พุ่งแตะ 5 หมื่นล้านบาททันที ฟากวงการเงินชี้มีสิทธิรวมพาร์ในอนาคต
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
BANPU* (เป้าพื้นฐาน 24 บาท) ประเมินราคาหุ้นพักตัว 19.5 – 20.0 แนะนำ “สะสม” และกรณีราคาหุ้น Break แนวต้าน 20.0 บาท ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 21 บาท (Stop loss 18.7 บาท)
COM7* (เป้า Consensus 18.7 บาท) แนวรับ 16 บาท และ 15.9 บาท / แนวต้าน 16.5 - 17.5 บาท (Stop loss 15.8 บาท)
ECF (ยังไม่มีเป้า Consensus) ประเมินแนวรับ 5.75 บาท / แนวต้าน 6.1 บาท (Trailing Stop 5.5 บาท)
MOONG (เป้าพื้นฐาน 9.1 บาท) ประเมินแนวรับ 5.25 บาท แนวต้าน 5.5 - 5.9 บาท ตามลำดับ (Stop loss 5.2 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
EKH แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 7 บาท ฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน แนวโน้มกำไรของบริษัทจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2561 หลังจากที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งมาแล้วในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยสำคัญที่จะช่วยหนุนการเติบโตของกำไรได้แก่การเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริการ สูติ-นรีแพทย์, กุมารแพทย์, อุบัติเหตุ และเด็กหลอดแก้ว
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยต้าน 1780 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1780 จุดนั้น อาจผลักราคาขึ้นในกรอบ 1780-1789 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงหรือปิดต่ำกว่านัยต้าน 1780 จุดนั้น อาจทรงราคาลงในกรอบ 1780-1758 จุด
แนวรับวันนี้: 1773/1763 แนวต้านวันนี้: 1780/1789
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล
66.2658.8888 ต่อ 8843
[email protected]
OO4138
BANPU* (เป้าพื้นฐาน 24 บาท) ประเมินราคาหุ้นพักตัว 19.5 – 20.0 แนะนำ “สะสม” และกรณีราคาหุ้น Break แนวต้าน 20.0 บาท ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 21 บาท (Stop loss 18.7 บาท)
COM7* (เป้า Consensus 18.7 บาท) แนวรับ 16 บาท และ 15.9 บาท / แนวต้าน 16.5 - 17.5 บาท (Stop loss 15.8 บาท)
ECF (ยังไม่มีเป้า Consensus) ประเมินแนวรับ 5.75 บาท / แนวต้าน 6.1 บาท (Trailing Stop 5.5 บาท)
MOONG (เป้าพื้นฐาน 9.1 บาท) ประเมินแนวรับ 5.25 บาท แนวต้าน 5.5 - 5.9 บาท ตามลำดับ (Stop loss 5.2 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
EKH แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 7 บาท ฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน แนวโน้มกำไรของบริษัทจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2561 หลังจากที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งมาแล้วในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยสำคัญที่จะช่วยหนุนการเติบโตของกำไรได้แก่การเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริการ สูติ-นรีแพทย์, กุมารแพทย์, อุบัติเหตุ และเด็กหลอดแก้ว
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยต้าน 1780 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1780 จุดนั้น อาจผลักราคาขึ้นในกรอบ 1780-1789 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงหรือปิดต่ำกว่านัยต้าน 1780 จุดนั้น อาจทรงราคาลงในกรอบ 1780-1758 จุด
แนวรับวันนี้: 1773/1763 แนวต้านวันนี้: 1780/1789
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล
66.2658.8888 ต่อ 8843
[email protected]
OO4138