- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 04 January 2018 16:39
- Hits: 3720
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Sell into Strength
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งเกินคาดโดยปิดบวกได้ถึง 24.82 จุด (+1.42%) ด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงถึงกว่า 8.5 หมื่นลบ. โดยยังคงเห็นแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่นในหุ้นขนาดใหญ่หลายตัว สถาบันในประเทศยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่องในตลาดหุ้นจากปลายปีก่อนเป็นวันที่ 20 ติดต่อกันอีกราว 2,100 ลบ. ขณะที่ต่างชาติซื้อสุทธิหนาแน่นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ราว 2,700 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET มีโอกาสแกว่งตัวบวกได้ต่อเนื่องจากบรรยากาศการลงทุนที่ค่อนข้างสดใสหลัง DJIA ยังปรับตัวทำ New High เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่ากรอบการบวกคาดว่าจะเริ่มจำกัดเนื่องจากเริ่มเข้าใกล้จุดสูงเดิมในปี 1994 ที่ 1,789 จุด ประกอบกับดัชนีปรับขึ้นมาใกล้กับผลตอบแทนเฉลี่ยในสัปดาห์แรกและทั้งเดือน ม.ค. ที่ 1% W-W และ 2% M-M ตามลำดับ ทำให้เรามองว่ามีโอกาสที่ดัชนีจะเผชิญแรงขายทำกำไรระยะสั้น
กลยุทธ์ : ขายทำกำไรระยะสั้นบริเวณ High เดิม และรอหุ้นพื้นฐานในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : BBL, CPN, ORI, RSP, TKN
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$433ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$433ล้าน และไทย US$83ล้าน ไม่มีประเทศใดมีเม็ดเงินไหลออก แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคตามมุมมองภาวะเศรษฐกิจโลกปี 2018 ที่สดใสขึ้น
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> ORI <<
ตั้งแต่ตลาดฯประกาศหุ้นเข้า SET50/SET100 เมื่อ 13 ธ.ค. 17 หุ้นทั้ง 17 ตัวที่เข้าคำนวณทั้ง 2 ดัชนีปรับขึ้นเฉลี่ย 6% มากกว่า SET ที่ขึ้น 4% แต่ ORI ที่เป็นหุ้นพื้นฐานดีกลับยังให้ผลตอบแทนเป็นลบ -1%
ORI ถือเป็นหุ้นที่มี PE2018 และ PEG ต่ำกว่ากลุ่มมาก โดยอยู่ที่เพียง 13 เท่า และ 0.3 เท่า ตามลำดับ
คาดกำไรสุทธิ 4Q17 ทำจุดสูงสุดใหม่ 1.2 พันลบ. +125% Q-Q, +294% Y-Y และกำไรทั้งปี 2017 คาด +231% Y-Y ส่วนปี 2018 คาดโตต่ออีก +42.7% Y-Y จาก Backlog สิ้นปีก่อนที่มีกว่า 2.37 หมื่นลบ. และการเริ่มบุกตลาดแนวราบ รวมถึงมี Recurring income จากค่าบริหารโครงการให้ JV
แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 27 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ราคาน้ำมันดิบสูงสุดในรอบ 2.5 ปี ได้แรงหนุนจากความไม่สงบในอิหร่าน (มีน้ำมันดิบสำรองเป็นอันดับ 3 ของ OPEC) ดัชนีภาคการผลิตของจีนและสหรัฐฯที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึง Dollar Index ที่อ่อนตัวลง เป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานต่อเนื่องจากเมื่อวานที่หนุนตลาดได้อย่างโดดเด่น อย่างไรก็ตาม Upside ของหุ้นในกลุ่มค่อนข้างจำกัด แนะนำเพียงเก็งกำไรในหุ้นที่ได้ประโยชน์โดยตรงคือ PTTEP และ PTT
(+) รายงานประชุมเฟดชะลอการอ่อนของดอลล่าร์ แม้จะยังไม่มีการส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งถัดไปอย่างชัดเจน (ความน่าจะเป็นในการขึ้นดอกเบี้ยครั้งถัดไปของ FedWatch อยู่ที่ 56.3%) แต่ภายหลังเปิดเผยผลประชุม FOMC (เมื่อ 12-13 ธ.ค. 17) คืนที่ผ่านมาก็ทำให้ Dollar Index ชะลอการปรับลง โดยเฟดยังต้องใช้เวลาประเมินผลกระทบกับมาตรการภาษีของทรัมป์ แต่การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจทำให้ยังยืนยันที่จะขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งในปีนี้
(+) กนง.อาจคงดอกเบี้ยตลอดทั้งปีนี้ เงินเฟ้อเดือน ธ.ค. ชะลอเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า ทำให้เงินเฟ้อปี 2017 เพิ่มเพียง 0.66% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน +0.62% Y-Y ในเดือน ธ.ค. และทั้งปีอยู่ที่ 0.56% ทิศทางเงินเฟ้อปี 2018 จะทยอยปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยก.พาณิชย์คาดว่าจะอยู่ในกรอบ 0.6-1.6% ส่วนธปท.คาดที่ 1.1% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำ เราจึงเชื่อว่าดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะคงที่ที่ 1.5% ตลอดครึ่งปีแรกและอาจตลอดทั้งปี แม้เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้แต่ไม่ผลักดันให้กรแสเงินไหลออกเพราะอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (หักเงินเฟ้อ) ของไทยยังสูงกว่าอีกหลายประเทศ
(+) มุมมองกลุ่มธนาคารปี 2018 เราคงน้ำหนักการลงทุน Overweight โดยเราคาดว่าวงจรการลงทุนจะถูกกล่าวถึงอีกครั้งในปี 2018 ซึ่งโดยปกติของการเริ่มต้นของ Early expansion phase จะส่งผลต่อการเติบโตของสินเชื่อในระยะเวลาประมาณ 3-5 ปี เราคาดว่าสินเชื่อกลุ่มธนาคารจะ +6% Y-Y ในปี 2018 เป็นอัตราการเติบโตดีสุดในรอบ 5 ปี ส่วน NPL คาดว่าตลาดจะสนใจน้อยลงและน่าจะหมดห่วงได้ในปีนี้ เราคาดกำไรของทั้งกลุ่มจะทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 2.06 แสนลบ. +10% Y-Y ดีที่สุดในรอบ 5 ปี Top Pick ของกลุ่มคือ KBANK (ราคาเหมาะสม 264 บาท) และ BBL (ราคาเหมาะสม 244 บาท) โดยเลือกจาก 1.การเป็นผู้นำในธุรกิจ 2.ได้ประโยชน์จากการเติบโตของสินเชื่อและการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยและ 3.มีอัตราการเติบโตของกำไรที่ดีกว่ากลุ่ม
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งเกินคาดโดยปิดบวกได้ถึง 24.82 จุด (+1.42%) ด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงถึงกว่า 8.5 หมื่นลบ. โดยยังคงเห็นแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่นในหุ้นขนาดใหญ่หลายตัว สถาบันในประเทศยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่องในตลาดหุ้นจากปลายปีก่อนเป็นวันที่ 20 ติดต่อกันอีกราว 2,100 ลบ. ขณะที่ต่างชาติซื้อสุทธิหนาแน่นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ราว 2,700 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET มีโอกาสแกว่งตัวบวกได้ต่อเนื่องจากบรรยากาศการลงทุนที่ค่อนข้างสดใสหลัง DJIA ยังปรับตัวทำ New High เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่ากรอบการบวกคาดว่าจะเริ่มจำกัดเนื่องจากเริ่มเข้าใกล้จุดสูงเดิมในปี 1994 ที่ 1,789 จุด ประกอบกับดัชนีปรับขึ้นมาใกล้กับผลตอบแทนเฉลี่ยในสัปดาห์แรกและทั้งเดือน ม.ค. ที่ 1% W-W และ 2% M-M ตามลำดับ ทำให้เรามองว่ามีโอกาสที่ดัชนีจะเผชิญแรงขายทำกำไรระยะสั้น
กลยุทธ์ : ขายทำกำไรระยะสั้นบริเวณ High เดิม และรอหุ้นพื้นฐานในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : BBL, CPN, ORI, RSP, TKN
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$433ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$433ล้าน และไทย US$83ล้าน ไม่มีประเทศใดมีเม็ดเงินไหลออก แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคตามมุมมองภาวะเศรษฐกิจโลกปี 2018 ที่สดใสขึ้น
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> ORI <<
ตั้งแต่ตลาดฯประกาศหุ้นเข้า SET50/SET100 เมื่อ 13 ธ.ค. 17 หุ้นทั้ง 17 ตัวที่เข้าคำนวณทั้ง 2 ดัชนีปรับขึ้นเฉลี่ย 6% มากกว่า SET ที่ขึ้น 4% แต่ ORI ที่เป็นหุ้นพื้นฐานดีกลับยังให้ผลตอบแทนเป็นลบ -1%
ORI ถือเป็นหุ้นที่มี PE2018 และ PEG ต่ำกว่ากลุ่มมาก โดยอยู่ที่เพียง 13 เท่า และ 0.3 เท่า ตามลำดับ
คาดกำไรสุทธิ 4Q17 ทำจุดสูงสุดใหม่ 1.2 พันลบ. +125% Q-Q, +294% Y-Y และกำไรทั้งปี 2017 คาด +231% Y-Y ส่วนปี 2018 คาดโตต่ออีก +42.7% Y-Y จาก Backlog สิ้นปีก่อนที่มีกว่า 2.37 หมื่นลบ. และการเริ่มบุกตลาดแนวราบ รวมถึงมี Recurring income จากค่าบริหารโครงการให้ JV
แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 27 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ราคาน้ำมันดิบสูงสุดในรอบ 2.5 ปี ได้แรงหนุนจากความไม่สงบในอิหร่าน (มีน้ำมันดิบสำรองเป็นอันดับ 3 ของ OPEC) ดัชนีภาคการผลิตของจีนและสหรัฐฯที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึง Dollar Index ที่อ่อนตัวลง เป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานต่อเนื่องจากเมื่อวานที่หนุนตลาดได้อย่างโดดเด่น อย่างไรก็ตาม Upside ของหุ้นในกลุ่มค่อนข้างจำกัด แนะนำเพียงเก็งกำไรในหุ้นที่ได้ประโยชน์โดยตรงคือ PTTEP และ PTT
(+) รายงานประชุมเฟดชะลอการอ่อนของดอลล่าร์ แม้จะยังไม่มีการส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งถัดไปอย่างชัดเจน (ความน่าจะเป็นในการขึ้นดอกเบี้ยครั้งถัดไปของ FedWatch อยู่ที่ 56.3%) แต่ภายหลังเปิดเผยผลประชุม FOMC (เมื่อ 12-13 ธ.ค. 17) คืนที่ผ่านมาก็ทำให้ Dollar Index ชะลอการปรับลง โดยเฟดยังต้องใช้เวลาประเมินผลกระทบกับมาตรการภาษีของทรัมป์ แต่การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจทำให้ยังยืนยันที่จะขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งในปีนี้
(+) กนง.อาจคงดอกเบี้ยตลอดทั้งปีนี้ เงินเฟ้อเดือน ธ.ค. ชะลอเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า ทำให้เงินเฟ้อปี 2017 เพิ่มเพียง 0.66% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน +0.62% Y-Y ในเดือน ธ.ค. และทั้งปีอยู่ที่ 0.56% ทิศทางเงินเฟ้อปี 2018 จะทยอยปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยก.พาณิชย์คาดว่าจะอยู่ในกรอบ 0.6-1.6% ส่วนธปท.คาดที่ 1.1% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำ เราจึงเชื่อว่าดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะคงที่ที่ 1.5% ตลอดครึ่งปีแรกและอาจตลอดทั้งปี แม้เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้แต่ไม่ผลักดันให้กรแสเงินไหลออกเพราะอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (หักเงินเฟ้อ) ของไทยยังสูงกว่าอีกหลายประเทศ
(+) มุมมองกลุ่มธนาคารปี 2018 เราคงน้ำหนักการลงทุน Overweight โดยเราคาดว่าวงจรการลงทุนจะถูกกล่าวถึงอีกครั้งในปี 2018 ซึ่งโดยปกติของการเริ่มต้นของ Early expansion phase จะส่งผลต่อการเติบโตของสินเชื่อในระยะเวลาประมาณ 3-5 ปี เราคาดว่าสินเชื่อกลุ่มธนาคารจะ +6% Y-Y ในปี 2018 เป็นอัตราการเติบโตดีสุดในรอบ 5 ปี ส่วน NPL คาดว่าตลาดจะสนใจน้อยลงและน่าจะหมดห่วงได้ในปีนี้ เราคาดกำไรของทั้งกลุ่มจะทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 2.06 แสนลบ. +10% Y-Y ดีที่สุดในรอบ 5 ปี Top Pick ของกลุ่มคือ KBANK (ราคาเหมาะสม 264 บาท) และ BBL (ราคาเหมาะสม 244 บาท) โดยเลือกจาก 1.การเป็นผู้นำในธุรกิจ 2.ได้ประโยชน์จากการเติบโตของสินเชื่อและการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยและ 3.มีอัตราการเติบโตของกำไรที่ดีกว่ากลุ่ม
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
4ม.ค.- จีน: Caixin China PMI Composite (ธ.ค.)
-สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ธ.ค.)
5ม.ค.- สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร (ธ.ค.)
- ยูโรโซน:
8ม.ค.- ยูโรโซน: Economic confidence (ธ.ค.)
11ม.ค.- ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ธ.ค.)
12ม.ค.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อและยอดค้าปลีก (ธ.ค.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนนิ้ปิดพุ่งขึ้นทำ New High ได้เป็นวันที่ 2 ติดต่อกันนำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีโดยตอบรับเชิงบวกต่อรายงานการประชุม FED และตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเช่นกันนำโดยหุ้นในกลุ่มค้าปลีกและพลังงาน อย่างไรก็ตามหุ้นในกลุ่มธนาคารถูกกดดันเล็กน้อยหลังเริ่มบังคับใช้เกณฑ์กำกับดูแลฉบับใหม่
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯจากบรรยากาศการลงทุนที่สดใส
(0) ค่าเงินบาทเริ่มแกว่งทรงตัวหลังจากแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.32-32.39 บาท/ดอลลาร์
-สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ธ.ค.)
5ม.ค.- สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร (ธ.ค.)
- ยูโรโซน:
8ม.ค.- ยูโรโซน: Economic confidence (ธ.ค.)
11ม.ค.- ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ธ.ค.)
12ม.ค.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อและยอดค้าปลีก (ธ.ค.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนนิ้ปิดพุ่งขึ้นทำ New High ได้เป็นวันที่ 2 ติดต่อกันนำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีโดยตอบรับเชิงบวกต่อรายงานการประชุม FED และตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเช่นกันนำโดยหุ้นในกลุ่มค้าปลีกและพลังงาน อย่างไรก็ตามหุ้นในกลุ่มธนาคารถูกกดดันเล็กน้อยหลังเริ่มบังคับใช้เกณฑ์กำกับดูแลฉบับใหม่
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯจากบรรยากาศการลงทุนที่สดใส
(0) ค่าเงินบาทเริ่มแกว่งทรงตัวหลังจากแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.32-32.39 บาท/ดอลลาร์
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research
OO4135
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research
OO4135