- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 04 January 2018 16:31
- Hits: 3909
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้นเด่น โดยเป็นแรงซื้อในหุ้นขนาดใหญ่ นำโดยโรงไฟฟ้าและพลังงานทดแทนอย่าง GULF, BGRIM, BCPG, EA, CKPและกลุ่มพลังงานอย่าง PTT, PTTEP, IRPC, IVL กลุ่มอาหารเกิด Technical rebound นำโดย TU, CPF, GFPT ส่งผลให้ ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,778 จุด (+24.8จุด) ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 8.5 หมื่นล้านบาท สูงสุดในรอบ 5 เดือน
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 ที่ 2,694 ล้านบาท (รวม 2วัน 5.0 พันล้านบาท) แต่ยังคงสถานะ Short SET50 index future อีก 7,032 สัญญา
Investment theme
คาดนักลงทุนต่างประเทศกลับเข้าซื้อตลาดหุ้นเอเชีย: หากนับจากปัจจัยต่างประเทศ, อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) และอัตราการเติบโตของหุ้น (EPS18 growth%) พบว่าตลาดหุ้นเอเชียยังถือว่ามีความน่าสนใจในการลงทุน โดย World bank คาดอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาค East Asia Pacific (EAP) ปี 2561 จะเติบโตสูงกว่า 6.2% (โดยปรับเพิ่ม GDP ของประเทศมาเลเซียและไทย) ในขณะที่หากเทียบ EPS growth (%) ของ MSCI Asia Pacific ex Jap พบว่าเติบโตประมาณ 9.7% ซึ่งเราเริ่มเห็นสัญญาณการกลับเข้าซื้อใน 1-2 วันที่ผ่านมาในหลายตลาดหุ้นแถบเอเชีย นำโดย เกาหลี ไต้หวัน ไทย มาเลเซีย อินโด และเวียดนาม รวมสูงกว่า 4.7หมื่นล้านบาท คาดส่วนหนึ่งเป็นผลจากการ Switch ออกจากตลาดพันธบัตรกลับมายังตลาดหุ้น (ในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศ ได้ขายทำกำไรในตลาดหุ้นและพักเงินในตลาดพันธบัตร) โดยเราคงมุมมองเชิงบวกกับตลาดหุ้นไทยในช่วง 1Q61 1010
Investment theme: จากปัจจัยที่ได้กล่าวมา ทำให้เราคาดว่า SET มีโอกาสที่จะปรับขึ้นทดสอบระดับสูงสุดที่บริเวณ 1,789 จุดในช่วงไตรมาส 1 โดยเราคงคำแนะนำการลงทุนในหุ้นใหญ่ในกลุ่ม ค้าปลีก (BJC, CPN) กลุ่มพลังงาน (PTT, BCP) กลุ่มอสังหา (LPN, AP) และสำหรับหุ้นขนาดกลาง-เล็ก เราแนะนำกลุ่ม Logistic อย่าง WICE, PORT กลุ่ม Out of home media อย่าง MACO
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนธันวาคม (CPI) เติบโต 0.78% ส่งผลให้ทั้งปีเติบโต 0.66% ในขณะที่คาดปี 2561 จะแกว่งในกรอบ 0.6-1.6% / Brent ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องที่ 67.8 เหรียญ/บาร์เรล / อดีตรมว.คลังสหรัฐออกโรงเตือนกฎหมายภาษี Trump จะส่งผลให้รัฐขาดดุลสูง
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้นเด่น โดยเป็นแรงซื้อในหุ้นขนาดใหญ่ นำโดยโรงไฟฟ้าและพลังงานทดแทนอย่าง GULF, BGRIM, BCPG, EA, CKPและกลุ่มพลังงานอย่าง PTT, PTTEP, IRPC, IVL กลุ่มอาหารเกิด Technical rebound นำโดย TU, CPF, GFPT ส่งผลให้ ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,778 จุด (+24.8จุด) ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 8.5 หมื่นล้านบาท สูงสุดในรอบ 5 เดือน
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 ที่ 2,694 ล้านบาท (รวม 2วัน 5.0 พันล้านบาท) แต่ยังคงสถานะ Short SET50 index future อีก 7,032 สัญญา
Investment theme
คาดนักลงทุนต่างประเทศกลับเข้าซื้อตลาดหุ้นเอเชีย: หากนับจากปัจจัยต่างประเทศ, อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) และอัตราการเติบโตของหุ้น (EPS18 growth%) พบว่าตลาดหุ้นเอเชียยังถือว่ามีความน่าสนใจในการลงทุน โดย World bank คาดอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาค East Asia Pacific (EAP) ปี 2561 จะเติบโตสูงกว่า 6.2% (โดยปรับเพิ่ม GDP ของประเทศมาเลเซียและไทย) ในขณะที่หากเทียบ EPS growth (%) ของ MSCI Asia Pacific ex Jap พบว่าเติบโตประมาณ 9.7% ซึ่งเราเริ่มเห็นสัญญาณการกลับเข้าซื้อใน 1-2 วันที่ผ่านมาในหลายตลาดหุ้นแถบเอเชีย นำโดย เกาหลี ไต้หวัน ไทย มาเลเซีย อินโด และเวียดนาม รวมสูงกว่า 4.7หมื่นล้านบาท คาดส่วนหนึ่งเป็นผลจากการ Switch ออกจากตลาดพันธบัตรกลับมายังตลาดหุ้น (ในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศ ได้ขายทำกำไรในตลาดหุ้นและพักเงินในตลาดพันธบัตร) โดยเราคงมุมมองเชิงบวกกับตลาดหุ้นไทยในช่วง 1Q61 1010
Investment theme: จากปัจจัยที่ได้กล่าวมา ทำให้เราคาดว่า SET มีโอกาสที่จะปรับขึ้นทดสอบระดับสูงสุดที่บริเวณ 1,789 จุดในช่วงไตรมาส 1 โดยเราคงคำแนะนำการลงทุนในหุ้นใหญ่ในกลุ่ม ค้าปลีก (BJC, CPN) กลุ่มพลังงาน (PTT, BCP) กลุ่มอสังหา (LPN, AP) และสำหรับหุ้นขนาดกลาง-เล็ก เราแนะนำกลุ่ม Logistic อย่าง WICE, PORT กลุ่ม Out of home media อย่าง MACO
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนธันวาคม (CPI) เติบโต 0.78% ส่งผลให้ทั้งปีเติบโต 0.66% ในขณะที่คาดปี 2561 จะแกว่งในกรอบ 0.6-1.6% / Brent ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องที่ 67.8 เหรียญ/บาร์เรล / อดีตรมว.คลังสหรัฐออกโรงเตือนกฎหมายภาษี Trump จะส่งผลให้รัฐขาดดุลสูง
Stock pick : LPN
LPN : ทยอยสะสม 14.20 บาท/หุ้น
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมกลุ่มอสังหา ในปี 2561 จากทั้งฝั่งอุปสงค์ที่คาดได้ประโยชน์ทางอ้อมจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะกลุ่มคนชั้นกลางขึ้นไป ซึ่งถือเป็นบวกโดยตรงต่อกลุ่มอสังหาฯ และเราคาด LPN จะเป็นหุ้นหนึ่งในกลุ่มที่จะกลับมาฟื้นตัวเด่นที่สุด
คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 3 และเติบโต +40%YoY, +95%QoQ ในไตรมาส 4 ที่395 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้จากโครงการบางนาและเร่งระบาย Inventory และคาดเติบโตเด่นต่อเนื่องในปี 2561 โดยคาดกำไรเติบโตสูงกว่า 60% ที่ 1.8พันล้านบาท จาก Backlog ในมือที่มีทำให้ Secured Revenue สูงขึ้นเป็น 47% ของประมาณการรายได้ที่เราคาดที่ 12,595 ล้านบาท
คงคำแนะนำซื้อด้วยราคาเหมาะสม 14.20 บาท พร้อมปันผล 5.3%
Trading idea – – ราคาปาล์มปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากการคาดการณ์อุปสงค์ที่ฟื้นตัวของจีนที่ 2,555 ริงกิต/ตัน (+3.3% เมื่อเทียบกับวันก่อน) เป็นบวกต่อ UVAN / ทยอยสะสม TU จากราคาทูน่าที่ลดลงต่อเนื่อง และ Upside จากภาษีสหรัฐประมาณ 3-4% ของกำไร
Technical View
LPN : ทยอยสะสม 14.20 บาท/หุ้น
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมกลุ่มอสังหา ในปี 2561 จากทั้งฝั่งอุปสงค์ที่คาดได้ประโยชน์ทางอ้อมจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะกลุ่มคนชั้นกลางขึ้นไป ซึ่งถือเป็นบวกโดยตรงต่อกลุ่มอสังหาฯ และเราคาด LPN จะเป็นหุ้นหนึ่งในกลุ่มที่จะกลับมาฟื้นตัวเด่นที่สุด
คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 3 และเติบโต +40%YoY, +95%QoQ ในไตรมาส 4 ที่395 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้จากโครงการบางนาและเร่งระบาย Inventory และคาดเติบโตเด่นต่อเนื่องในปี 2561 โดยคาดกำไรเติบโตสูงกว่า 60% ที่ 1.8พันล้านบาท จาก Backlog ในมือที่มีทำให้ Secured Revenue สูงขึ้นเป็น 47% ของประมาณการรายได้ที่เราคาดที่ 12,595 ล้านบาท
คงคำแนะนำซื้อด้วยราคาเหมาะสม 14.20 บาท พร้อมปันผล 5.3%
Trading idea – – ราคาปาล์มปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากการคาดการณ์อุปสงค์ที่ฟื้นตัวของจีนที่ 2,555 ริงกิต/ตัน (+3.3% เมื่อเทียบกับวันก่อน) เป็นบวกต่อ UVAN / ทยอยสะสม TU จากราคาทูน่าที่ลดลงต่อเนื่อง และ Upside จากภาษีสหรัฐประมาณ 3-4% ของกำไร
Technical View
Break Out กรอบ Uptrend ได้อย่างเด็ดขาด: ดัชนีเปิดโดด และแกว่งตัวขึ้นตลอดทั้งวัน ด้วยแรงซื้ออย่างชัดเจนจากหุ้น Big Cap. หลายกลุ่ม ทำให้ดัชนีผ่านแนวต้าน 1763-1765 ได้อย่างง่ายดาย โดยปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1775 จากนั้นชะลอตัวอยู่สักพัก ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นต่อได้ ในระยะกลางคาดดัชนีแกว่งขึ้นทดสอบ All Time High ที่ 1789 หากผ่านได้จะมีแนวต้านจิตวิทยาที่ 1800 ยังคงมองว่าจังหวะอ่อนตัวสู่แนวรับเป็นจุดที่น่าเข้าซื้อเพื่อ Trading กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: Let Profit Run แล้วพิจารณาแรงขายที่แนวต้าน 1789 หากมีแรงขายมาก ทยอยทำกำไรบางส่วน และถืออีกส่วน 2) ไม่มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1770-1789
แนวรับ : 1775, 1770 แนวต้าน : 1789, 1800
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : จับตาความตึงเครียดคาบสมุทรเกาหลี ภายหลังหลายประเทศ รวมถึง UN เพิ่มระดับการกีดกันการค้า (งดการส่งน้ำมัน) และอื่นๆอีกมาก / จีนรายงานตัวเลข PMI เดือนธ.ค.
ปัจจัยในประเทศ : จับตาราคาพืชผลเกษตร (ข้าว,ยางพารา,ปาล์ม)
แนวรับ : 1775, 1770 แนวต้าน : 1789, 1800
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : จับตาความตึงเครียดคาบสมุทรเกาหลี ภายหลังหลายประเทศ รวมถึง UN เพิ่มระดับการกีดกันการค้า (งดการส่งน้ำมัน) และอื่นๆอีกมาก / จีนรายงานตัวเลข PMI เดือนธ.ค.
ปัจจัยในประเทศ : จับตาราคาพืชผลเกษตร (ข้าว,ยางพารา,ปาล์ม)
หุ้นเทคนิค:
CPALL (B 77.50, Tp 81.50, Cut 76.50)
AOT (B 69.50, Tp 71.50, Cut 69.00)
CPALL (B 77.50, Tp 81.50, Cut 76.50)
AOT (B 69.50, Tp 71.50, Cut 69.00)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
Research Department Tel. 02-658-5000
OO4133