- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 29 December 2017 15:37
- Hits: 26388
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
SET INDEX
1743.29 -9.60 (-0.55) // Vol. 61,698
เข้าสู่โหมดการพักตัว วันนี้มีโอกาสดีดกลับ คาดมีแนวกด 1750 (+/-)กรอบการเคลื่อนที่ 1730-1750
ดัชนีวานนี้พักตัวลงแรง หลังจากเกิดสัญญาณเตือนก่อนหน้านี้ โดยมี High ของวันที่ 1756 จุด และลงทำ Low 1734 จุด ซึ่งเป็นแนวรับที่ Fibonacci 38.2% ของรอบขาขึ้นล่าสุด (1686-1763=77) ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมาทำปิดที่ 1743 จุด จากภาพของการพักตัวลงแรงและเข้าสู่แนวรับสำคัญ ขณะเดียวกันกราฟแท่งเทียนในรายชม.ส่งสัญญาณกลับตัวที่เป็นรูปแบบ Hammer + เริ่ม Oversold ทำให้มีโอกาสดีดกลับ แต่การดีดคาดมีแนวกด 1750 (+/-) ทำให้มีมุมมองต่อดัชนีน่าจะเข้าสู่โหมดการพักตัว แต่ไม่ควรหลุด 1730 จุด
แนวรับ 1724-1734
แนวต้าน 1746-1754
Technical Analyst : พรรณนภา เขมะสุรัตน์ // เลขทะเบียน 060110 // Tel. : 02-648-1124 // phannapa.k@ktbst .co.th
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
'ยังมีขายให้เห็น'
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : ตลาดหุ้นไทยวานนี้มีแรงเทขายทำกำไรออกมาค่อนข้างมาก เรามองว่าภาพตลาดในวันนี้ยังมีความเสี่ยงจากแรงขายทำกำไร แต่จะไม่แรงเหมือนวันก่อน ปริมาณซื้อขายจะเบาบางลง อย่างไรก็ตาม จากการที่เป็นวันสุดท้ายของการซื้อ LTF/RMF จะส่งผลให้ยังคงมีแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันอยู่ การปรับตัวลงของดัชนีฯ จึงมีจำกัด .... ภาพต่างประเทศ ออกมาดีจากตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาดี ส่งผลให้ดาวโจนส์ยังปรับตัวสูงขึ้นทำนิวไฮได้ต่อ .... ปัจจัยในประเทศ มีประเด็นบวกเล็กน้อยจากที่ สศค. ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้มีแนวโน้มว่าจะเติบโตได้สูงกว่า 3.8% และมาตรการเร่งรัดการลงทุนภาครัฐ
กลยุทธ์การลงทุน : ด้านกลยุทธการลงทุน ด้วยมุมมองที่ว่าตลาดในวันนี้มีโอกาสที่จะเจอแรงขายทำกำไร ในระยะสั้น จึงแนะนำเป็น "ถือ" หรือเข้าซื้อหุ้นที่นักลงทุนเข้ามาลงทุนจากข่าวหรือปัจจัยเฉพาะตัว โดยหุ้นขนาดใหญ่ที่ติด most active และตลาดยังให้ความสนใจต่อเนื่อง ได้แก่ BANPU, DTAC, BJC โดยหุ้นที่มีโอกาสจะเจอแรงขายได้แก่ (-) KTB จากความเสี่ยงเรื่องที่ AQ แจ้งงดขายทอดตลาดที่ดินหลักประกัน 4.3 พันไร่
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ TK, THANI, TPIPP*, DELTA*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค : SYNEX, BCH, CMO
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (28 ธ.ค.) - ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,743.29 จุด ลดลง 9.60 จุด หรือ -0.55% มูลค่าการซื้อขาย 61,697.62 ล้านบาท มองว่าเป็นการขายทำกำไร หลังตลาดปรับตัวสูงขึ้นมามากในช่วงก่อนหน้านี้ ในขณะที่ตลาดยังคงไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามากระทบตลาด
ปัจจัยต่างประเทศ
(+) เศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดี - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้น 0.7% จากเดือนต.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดที่ 0.3% ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทำนิวไฮที่ 24,837.51 จุด (+0.26%) …. EIA เปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ธ.ค.ว่า ลดลง 4.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 3 ล้านบาร์เรล
ปัจจัยในประเทศ
(+) สศค. ประเมินเศรษฐกิจไทยดี - สศค. ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้มีแนวโน้มว่าจะเติบโตได้สูงกว่า 3.8% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ สศค. ได้คาดการณ์เอาไว้ จากการส่งออกที่ขยายตัวได้สองหลักในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน เริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ, 29/12/2017)
(+) เร่งรัดโครงการรถไฟเมืองรอง - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประกาศเร่งรัดโครงการรถไฟเพื่อเชื่อมเขตเมืองรอง โดยคาดว่าจะทำแผนเสร็จภายในปี 2018
Most Active Stocks
(-) KTB (ราคาปิด 19.20 บาท) - เรามองว่า KTB อาจมีแรงขายจากความเสี่ยงเรื่องที่ AQ แจ้งงดขายทอดตลาดที่ดินหลักประกัน 4.3 พันไร่ ส่งผลลบต่อ KTB ในฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่ของ AQ วงเงินราว 1 หมื่นล้านบาท อีกทั้ง KTB เป็นหุ้นตัวเดียวของกลุ่มแบงค์ที่สินเชื่อไม่เติบโตและราคาปัจจุบันเข้าใกล้ราคาเหมาะสมมากแล้ว .... ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 20.30 บาท
(+) BANPU (ราคาปิด 19.60 บาท) - BANPU ปรับตัวขึ้นมาได้ดี ปริมาณการซื้อขายติด most active อันดับ 1 ของตลาด ในเชิงกลยุทธเรามองว่า BANPU ยังมีความน่าสนใจ จากราคาถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นซึ่งจะส่งผลให้ผลประกอบการ 4Q17 เติบโตได้ดี .... ราคาเหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 22.68 บาท
(+) DTAC (ราคาปิด 50.25 บาท) - เรามองว่า DTAC ในวันนี้ยังได้รับผลบวกต่อเนื่องจากประเด็นเรื่องการอนุมัตินำคลื่นความถี่ 2300 MHz ให้ DTAC ดำเนินการอยู่ ซึ่งจะส่งผลให้ความกังวลเรื่องการประมูลคลื่นในปีหน้าลดลงไป .... ราคาเหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 51.43 บาท
(+) BJC (ราคาปิด 65.00 บาท) - เรายังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อเนื่องสำหรับ BJC จากปริมาณการซื้อขายที่เริ่มมีเข้ามามาก อีกทั้ง BJC ยังได้ผลบวกจากการเร่งขยายสาขา BIGC ให้ครบ 781 สาขาภายในสิ้นปีนี้ .... ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 63.00 บาท แต่มีแนวโน้มที่จะปรับประมาณการขึ้น
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
TK(ราคาปิด 15.90) เรามองว่า ด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภูมิภาคที่มีมากขึ้นในช่วงหลังนี้จะเป็นปัจจัยบวกสำคัญให้กับ TK โดย เราคาดกำไรสุทธิ 4Q17 ยังสามารถเติบโตได้ดี คาดการณ์ที่ 160 ล้านบาท (+20%QoQ และ 57%YoY) มีแรงหนุนจากยอดขายรถจักรยานยนต์ในประเทศที่ดีขึ้น .... KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 517ล้านบาท (+20% YoY) และ ปี 2018 ที่ 600 ล้านบาท (+16% YoY) …. (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 20.00 บาท)
THANI(ราคาปิด 10.60) เรามองว่ามาตรการโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐที่จะมีมากขึ้นและการขยายตัวด้านธุรกิจขนส่งในอนาคตจะช่วยส่งผลบวกให้ยอดสินเชื่อรถบรรทุกเติบโตสูงขึ้น ซึ่ง THANI มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจดังกล่าวในระดับสูงที่ 70% ได้รับผลบวก .... KTBST คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติปี 2017 ที่ 1,119 ล้านบาท (+27% YoY) และปี 2018 ที่ 1,401 ล้านบาท (+24% YoY) …. (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 11.00 บาท)
TPIPP*(ราคาปิด 8.05) TPIPP จะถูกนำเข้าคำนวณ SET50-SET100 ในงวด 1 ม.ค.-30 มิ.ย.61 แต่ราคายังไม่สะท้อนต่อข่าวบวกนี้ ....
….. ข้อมูลซื้อขายล่าสุดที่ P/E 37 เท่า แต่จากกำไร 2561 ที่จะโตมาก (+109%) สำรวจโดย Bloomberg เราพบว่า P/E จะลดเหลือ 11.7 เท่า ........ ปี 2561 บริษัทฯคาดว่ามีกำไรเติบโตราว 50% จากปีนี้ที่มีกำไรราว 2 พันกว่าล้านบาท เนื่องจากจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ครบ 440 เมกะวัตต์ จากสิ้นปีนี้ 220 เมกะวัตต์ โดยโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน 150 เมกะวัตต์ (TG8) เลื่อนการจ่ายไฟจากธ.ค.นี้เป็นไตรมาส 1/2561 เนื่องจากงานก่อสร้างล่าช้า ....... ความเสี่ยงของหุ้นเวลานี้ มีเพียง การขายไฟฟ้า 90 เมกะวัตต์ นั้น ปัจจุบันยังไม่สามารถ COD ได้ เพราะอาจต้องทำ EIA ใหม่ …. (ราคาเหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 8.84 บาท)
DELTA*(ราคาปิด 72.50) มองว่า DELTA ปรับตัวลงแรงมากเกินไป ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เริ่มเห็นแรงซื้อเข้ามามากในหุ้น DELTA ในขณะที่ DELTA มีปัจจัยหนุนระยะยาวจากการพัฒนาสินค้าที่ตอบรับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคและการเข้ามาของ internet of things …. Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 5,825 ล้านบาท (+6% YoY) และ ปี 2018 ที่ 6,432 ล้านบาท (+10% YoY) …. (ราคาเหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 85.17 บาท)
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
(-) KTB KTB ทาง AQ แจ้งงดขายทอดตลาดที่ดินหลักประกัน 4.3 พันไร่ ตามคำสั่งของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ( ศาลฎีกา) ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2560 โดย นายวิโรจน์ นวลแข (ในฐานะจำเลยที่ 3) เป็นผู้ยื่นศาลฎีกาของดขายทอดตลาด ทั้งนี้ ศาลฎีกาได้มีคำสั่งให้สำเนาคำร้องดังกล่าวให้เจ้าพนักงานบังคับคดี และคู่ความที่เกี่ยวข้องทราบโดยให้คู่ความที่เกี่ยวข้องทำการคัดค้านคำร้องดังกล่าวภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้องและให้เลื่อนคดีไปนัดไต่สวนคำร้องดังกล่าวในวันที่ 5 และ 8 มีนาคม 2561 และมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ในระหว่างที่ศาลฎีกาวินิจฉัยชี้ขาดคำร้องจนกว่าศาลฎีกาจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น (สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย)
เรามีมุมมองเชิงลบต่อประเด็นดังกล่าวกับ KTB ในฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่ของ AQ วงเงินราว 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีหลักประกันเป็นที่ดินจำนวน 4.3 พันไร่ ดังนั้น หากที่ดินดังกล่าวไม่สามารถนำมาขายทอดตลาดได้ ทาง KTB ก็จะไม่ได้เงินคืนเลย แม้ว่าเราจะไม่ได้นำรายการดังกล่าวเข้ามารวมในประมาณการ แต่ภาพรวมของ KTB เรายังกังวลต่อการตั้งสำรองที่จะต้องเพิ่มขึ้นในอนาคต ยังคงแนะนำ "ถือ" มูลค่าเหมาะสมที่ 20.30 บาท
(+) CPALL ผลสำรวจการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่ของประชาชนระดับฐานรากที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาททั่วประเทศ ของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธุรกิจและเศรษฐกิจฐานราก ธนาคารออมสินพบว่ามีการจับจ่ายใช้สอยถึง 57,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อคนที่ 3,765 บาท โดยปัจจัยที่กระตุ้นการใช้จ่ายให้คึกคักมาจากการที่ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายช่วงปลายปี การออกโครงการประชารัฐสวัสดิการ ตลอดจนการประกาศให้มีวันหยุดราชการติดต่อกัน เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี (infoquest)
เดิมเรามองว่า มาตรการช็อปช่วยชาติจะกระตุ้นการบริโภคของชนชั้นกลางเป็นหลัก และอาจลงถึงระดับรากหญ้าที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทน้อย แต่จากการสำรวจของธนาคารที่เข้าถึงประชาชนระดับล่างอย่างออมสินออกมาเป็นเชิงบวก เราจึงมองว่าเศรษฐกิจจะยิ่งมีความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวทุกระดับมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเครือข่ายร้านค้าปลีก หุ้นที่จะได่รับประโยชน์มากคือ CPALL คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 84 บาท
(+) TICON คาดการเติบโตรายได้ปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่จะมีรายได้ 2,000 ล้านบาท โดยจะมาจากการขายทรัพย์สินเข้ากองรีท เพิ่มขึ้น 3,500 ล้านบาท และรายได้จากพื้นที่คลังสินค้าประมาณ1,500 ล้านบาท ตั้งงบลงทุน 2,500 ล้านบาท ใช้เพิ่มพื้นที่คลังสินค้าและโรงงานอีก 2 แสนตารางเมตร จากปัจจุบัน1.2 ล้านตารางเมตร เรามองเป็นบวกต่อผลการดำเนินงานในอนาคตของบริษัท เนื่องจากการขายของทรัพย์สินของบริษัทนั้นจะทำให้บริษัทมีรายได้จากการขายของ มีเงินไว้ในการลงทุน และจะมีรายได้จากการบริหาร REIT และรายได้เงินปันผลในอนาคตเพิ่มขึ้น ราคาที่เหมาะสมโดย Bloomberg Consensus อยู่ที่ 17.68 บาท
(+) TOURISM นักท่องเที่ยวจีนแห่เที่ยวไทยปีนี้เผยยอดทะลุ 12.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 42% YoY สูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ว่านักท่องเที่ยวจีนจะโตเพียง 8% YoY และนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ มีการใช้จ่ายสูง โดยจังหวัดที่นิยมท่องเที่ยวคือ กรุงเทพ ภูเก็ต เชียงใหม่ และขลบุรี เรามีมุมมองเป็นบวกกับข่าวดังกล่าว เราคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว คือ ERW (TP 9.50 บาท) , MINT (TP 47 บาท) , CENTEL (TP 57 บาท), AOT (TP 70 บาท) และกลุ่มค้าปลีก คือ BEAUTY (TP 25 บาท), TKN (TP 28 บาท), ROBINS (TP 79 บาท) และ CPALL (TP 84 บาท) เราคาดว่า SSSG ของกลุ่มค้าปลึกที่อิงกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีน อย่าง BEAUTY จะเติบโตสูง อยู่ที่ 21% สำหรับในปี 2018 ช่วงเทศกาลตรุษจีน ทางประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีนแจ้งว่านักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากเริ่มจองทัวร์เดินทางมาเที่ยวไทยแล้ว เราคาดว่าแนวโน้มนักท่องเที่ยวยังคงดีต่อเนื่อง เรายังคงแนะนำให้เข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและค้าปลึกข้างต้น [ข่าวจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 29 ธ.ค. 2017]
Source: KTBST Research
Analyst : Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447
+662 648 1127
[email protected]