- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 28 December 2017 17:11
- Hits: 7289
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ซื้อ/ถือเมื่อ SET ไม่หลุด 1735
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : –
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ปัจจัยภายนอก ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.สหรัฐลดลงเกินคาด (ออกมา 122.1 จาก 128.6 ในเดือนต.ค.และจากที่ตลาดคาดการณ์ 127.5) กระทบไม่มาก เพราะการจ้างงานในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง ตลาดหุ้นสหรัฐ ยุโรป และอังกฤษ ต่างปิดปรับขึ้นต่อเล็กน้อย แม้การซื้อขายจะเบาบาง แต่ถือว่าตลาดยังอยู่ในโมเมนตัมบวก ส่วนราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวจากการขายทำกำไรแต่ก็ยังยืนสูง (WTI ปิดประมาณ 60 US$/bbl และ BRENT 66 US$/bbl) ซึ่งยังหนุนกำไรงวด 4Q60 ของกลุ่มพลังงานต่อ
ส่วนปัจจัยภายใน โดยภาพรวม สถาบันในประเทศนำซื้อสุทธิต่อ (LTF โค้งสุดท้ายหนุน) และนักลงทุนยังมีความหวังว่าเศรษฐกิจไทยในปี 61 จะขยายตัวได้ดีต่อ (+3.8% ถึง 3.9%) ซึ่งหนุนกำไรตลาดหุ้นให้เติบโตตามไปด้วย ทาง DBSV ประเมินเป้าหมาย SET Index ปี 61 ไว้ที่ 1815 จุด (Median+1SD) โดยให้น้ำหนัก Overweight ในกลุ่มที่อิงกับอุปสงค์ในประเทศ คือ ธนาคารพาณิชย์ (หุ้นเด่นในเชิงกลยุทธ์ BBL, KKP), พาณิชย์ (CPALL, HMPRO, COM7), นิคมอุตสาหกรรม (AMATA, WHA) และกลุ่มที่เกี่ยวกับท่องเที่ยว (MINT)
หุ้น Update วันนี้เป็น AAV : กลุ่มนายธรรศพลฐ์ซื้อหุ้น AAV คืนจากกลุ่มคิงเพาเวอร์รวม 1,761 ล้านหุ้น สัดส่วน 36.3% ราคาหุ้นละ 4.70 บาท มูลค่ารวม 8,279 ล้านบาท... ราคาที่ซื้อคืนมีส่วนลดจากราคาปิดเมื่อวานนี้ที่ 6.15 บาทถึง 23.6% ซึ่งอาจเป็นปัจจัยจิตวิทยากดดันให้ราคาหุ้น AAV อ่อนตัวลงในระยะสั้นได้ ส่วนเรื่องของการดำเนินงาน คาดว่าจะไม่กระทบมาก เนื่องจากลุ่มนายธรรศพลฐ์เป็นผู้บริหารหลักของบริษัทอยู่แล้ว ทาง DBSV คาดกำไร AAV ปี 60 ลดลง 52% แต่จะกลับไปเติบโตได้ 27% ในปี 61 ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 6.95 บาท
สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำรายสัปดาห์ (25-29 ธ.ค.60) เป็น PTTGC (หุ้นวัฎจักร), TMB (หุ้นเติบโต), SENA (หุ้นปันผล) ส่วนหุ้นแนะนำใน Wealth Perspective เดือนธ.ค.60 ประกอบด้วย หุ้นเติบโต MTLS, TMB หุ้นมูลค่า AMATA, BBL หุ้นปันผล KKP, SENA
กลยุทธ์การลงทุน : ระยะสั้นมากภาพตลาดเป็นลบเล็กๆ ควรระวังการแกว่ง ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกของราคาหุ้นและตลาด แนวต้าน SET ระยะสั้นให้ไว้ที่ 1760, 1770 ถ้าหลุด 1735 ควร Stop loss แนวรับ 1720, 1700
สำหรับ หุ้นที่มีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ KKP, THANI,BJC, APCS ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List เป็น TMB, PYLON, TOP, SGP, PTTGC, BANPU, AMATA, TCAP, WHA, COM7, TISCO, STA, IRPC หุ้นที่หลุด List คือ BBL, STPI และหุ้นที่ให้หาจังหวะขายทำกำไรเป็น SAWAD, AP, PTTEP
ปัจจัยต่างประเทศ
• สหรัฐ : ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนธ.ค.ลดลงและต่ำกว่าคาด
# คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนธ.ค. ร่วงลงสู่ระดับ 122.1 จากเดือนพ.ย.ที่ 128.6 และต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 127.5 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขภาคแรงงานที่แข็งแกร่ง อัตราการว่างงานที่ต่ำ ทำให้ไม่กังวลความเชื่อมั่นที่ลดลงเท่าใดนัก
# ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) +0.2%MoM ในเดือนพ.ย. โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวหลังจากตลาดแรงงานแข็งแกร่งขึ้น
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ ยุโรป และอังกฤษ : ขยับขึ้นท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง, FTSE ทำ Record high
# การดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐหนุนตลาด แต่การซื้อขายไม่คึกคักเพราะนักลงทุนหยุดปลายปีกันมาก ดัชนี DJIA ปิด 24,774.30 จุด +28.09 จุด ดัชนี S&P500 ปิด 2,682.62 จุด +2.12 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด 6,939.34 จุด +3.09 จุด
# ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก (+0.1% ถึง +0.4%) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากราคาทองแดงทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จากรายงานข่าวที่ว่าทางการจีนได้สั่งให้บริษัทผู้ผลิตทองแดงชั้นนำของประเทศปรับลดการผลิตเพื่อรับมือกับมลภาวะในช่วงฤดูหนาว
# ดัชนีตลาดหุ้นลอนดอนทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยดัชนี FTSE 100 ปิด +28.02 จุด หรือ +0.37% ที่ 7,620.68 จุด
• ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาอ่อนลงเล็กน้อยจากแรงขายทำกำไร แต่ยังอยู่ในระดับสูง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 33 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 59.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 58 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 66.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
+ ภาวะตลาดทองคำ : ราคาปรับขึ้นต่อ
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 3.9 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ระดับ 1291.4 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากค่าเงิน US$ อ่อนลงเมื่อเทียบกับ 6 สกุลหลัก
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
-/• AAV : กลุ่มนายธรรศพลฐ์ซื้อหุ้นคืนจากกลุ่มคิงเพาเวอร์ 36.3%@4.70 บาท..มีส่วนลด 23.6% จากราคาปิด
# กลุ่มนายธรรศพลฐ์ซื้อหุ้น AAV คืนจากกลุ่มคิงเพาเวอร์รวม 1,761 ล้านหุ้น สัดส่วน 36.3% ราคาหุ้นละ 4.70 บาท มูลค่ารวม 8,279 ล้านบาท ตอกย้ำความผูกพันกับสายการบิน ยืนยันแผนการขยายธุรกิจตามเป้าหมายเดิม (ไทยโพสต์)
# ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : ราคาที่ซื้อคืนมีส่วนลด (Discount) จากราคาปิดเมื่อวานนี้ที่ 6.15 บาทถึง 23.6% ซึ่งอาจเป็นปัจจัยจิตวิทยากดดันให้ราคาหุ้น AAV อ่อนตัวลงในระยะสั้นได้ ส่วนเรื่องของการดำเนินงาน คาดว่าจะไม่กระทบมาก เนื่องจากลุ่มนายธรรศพลฐ์เป็นผู้บริหารหลักของบริษัทอยู่แล้ว
ในด้านการดำเนินงาน ฝ่ายวิจัยฯ DBSV คาดว่ากำไรสุทธิปี 60 จะอ่อนลงจากฐานสูงในปี 59 อย่างมีนัยสำคัญ (-52%) ซึ่งหลักๆ มาจากต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่ม แต่คาดว่ากำไรจะฟื้นตัวดีขึ้นในปี 61 (+27%) หนุนโดยปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น การบริหารจัดการเรื่องต้นทุน โดยเฉพาะค่าเชื้อเพลิงดีขึ้น และมี Economy of scale มากขึ้น ทาง DBSV ให้ราคาพื้นฐาน AAV ไว้ที่ 6.95 บาท ส่วนราคาเป้าหมายใน IAA consensus เท่ากับ 7.12 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]