- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 28 December 2017 16:56
- Hits: 2862
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ไซด์เวย์ คงแนะถือหุ้นข้ามปี
KGI คาด SET วันพฤหัสฯ ไซด์เวย์ คาดหุ้นไทยจะปิดปี 2560 แถวระดับปัจจุบัน ซึ่งจะใกล้เป้าสิ้นปีที่เราประเมินที่ 1,750 ขณะที่ฟันด์โฟลว์น่าจะชะลอแล้วหลังหุ้นโลกและหุ้นไทยจะเทรดอีกเพียง 2 วันก่อนหยุดยาวช่วงปีใหม่ ทั้งนี้เราคงแนะนำให้ถือหุ้นข้ามปี ด้วยเป้าดัชนีฯ ไตรมาส 1/2561 ที่ 1,800 (อิงมูลค่าพื้นฐานกลางปี 2561) ด้านปัจจัยภายนอกเป็นบวกเล็กน้อย ดัชนีเงินดอลล่าร์ฯ อ่อนลงสู่ระดับต่ำสุดรอบเกือบ 1 เดือน หลังตลาดการเงินสหรัฐฯ รับรู้ปัจจัยบวกในช่วงก่อนหน้าไปแล้วไม่ว่าจะเป็นมาตรการลดภาษีสหรัฐฯ และทิศทางดอกเบี้ยของเฟดในปี 2561 (เป็นบวกต่อทิศทางค่าเงินบาทในต้นปีหน้า) ขณะที่ประเด็นภายในประเทศนั้น เราไม่กังวลต่อแรงไถ่ถอน LTF ในต้นปี 2561 เนื่องจาก i) SET Index ช่วงไตรมาส 3-4/2557 (คือช่วงที่การซื้อ LTF จะมาขายได้ในต้นปี 2561) อยู่ค่อนข้างสูงเหนือ 1,500 ส่งผลให้ capital gains ไม่มากนักเทียบกับงวดอื่นๆ ที่เคยเกิดขึ้น ii) นักลงทุนส่วนใหญ่มองหุ้นไทยปีหน้าในเชิงบวก ไม่น่าจะมีการเร่งไถ่ถอนกองทุน iii) เรามองว่ามีโอกาสสูงที่ฟันด์โฟลว์จะพลิกมาไหลเข้าตลาดหุ้นอาเซียนและหุ้นไทยในไตรมาส 1/2561 น่าจะเพียงพอที่จะรองรับการปรับพอร์ตของสถาบันในประเทศได้
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร WHA*, COM7* / สะสมกลุ่มธนาคาร BBL*+KBANK*
WHA* (เป้าพื้นฐาน 4.4 บาท) 1) เราประเมินกฏหมายเกี่ยวกับโครงการ EEC จะเริ่มมีผลภายใน 1H61 ซึ่งจะกระตุ้นการลงทุนทั้งภาครัฐฯ และเอกชน ในช่วง 2H61 ... โดยวันนี้มีข่าว สคร.จัดทำระเบียบ "PPP EEC Track" เร่งลงทุน 5 โครงการลงทุนใหญ่ 6.08 แสนล้านบาท ได้แก่ สนามบินอู่ตะเภา ศูนย์ซ่อมบำรุง รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 และท่าเรือมาบตาพุด ระยะ 3 คาดเปิดประมูลได้ต้นปีหน้า (นสพ โพสต์ทูเดย์ และ นสพ ข่าวหุ้น) 2) ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไรโตเฉลี่ย 46% CAGR 2560 – 62 ขณะที่ PE ปี 2561 = 18.4 เท่า ยังไม่แพงเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตของกำไร 3) ประเมินแนวรับ 4.02 บาท และ 3.96 บาท / แนวต้าน 4.12 บาท และ 4.30 บาท (Stop loss 3.70 บาท)
COM7* (เป้า Consensus 18.7 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 16.2 บาท และ 16.0 บาท / แนวต้าน 17.4 บาท และ 17.9 บาท (Trailing stop 15.1 บาท) 2) Valuation ไม่แพง หลังราคาปรับฐาน โดยตอนนี้ PE ปี 2561 ต่ำเพียง ±26 เท่า ขณะที่ค่าเฉลี่ยกลุ่มฯ สูงถึง ±30 เท่า ขณะที่ i) SSSG ใน 9M60 โตเด่นถึง +12% (ค่าเฉลี่ยกลุ่มฯต่ำกว่า 3%) และ อัตราการเติบโตของกำไรปีหน้า +26% YoY 3) การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีหน้า + กระแสยุคดิจิตอล คาดความต้องการอุปกรณ์ไอที ทั้ง คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน ฯลฯ จะยังเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า ซึ่ง COM7* ขายสินค้าไอทีฯ ครบทุกยี่ห้อหลัก และมีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ (เราคาดดีมานด์อุปกรณ์ไอทีในพื้นที่ต่างจังหวัด หัวเมืองรอง จะเติบโตเด่น)
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (KBANK*, BBL*) 1) เราประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจที่เป็นขาขึ้นต่อเนื่องในปีหน้า (บวกต่อยอดสินเชื่อใหม่ + ยอด NPL ที่จะลดลง) รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยที่จะเริ่มต้นปรับขึ้นใน 3Q61 (บวกต่อ NIM) จะเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นในกลุ่มฯ 2) Valuation หุ้นกลุ่มธนาคารใหญ่ ไม่แพง PBV ตอนนี้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตย้อนหลัง 5 ปี โดย PBV2561 ของ KBANK* และ BBL* = 1.45 เท่า และ 0.9 เท่าตามลำดับ ขณะที่ค่าเฉลี่ย PBV ย้อนหลังของ KBANK* และ BBL* = 1.8 เท่า และ 1.1 เท่า ตามลำดับ (หาก PBV กลับสู่ค่าเฉลี่ยได้ จะมี Upside ราว +20%) 3) แนะนำ “สะสมแนวรับ” ทั้ง KBANK* และ BBL* โดยประเมิน i) KBANK* แนวรับ 230 – 232 บาท ii) BBL* แนวรับ 200 – 202 บาท
หุ้นในกระแส
กลุ่มที่คาดได้อานิสงส์ มาตรการลดหย่อนภาษีกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง เราประเมินในเบื้องต้นหุ้นที่คาดจะได้อานิสงส์จากมาตรการดังกล่าวคือ หุ้นในกลุ่ม i) โรงแรม (ERW*) ii) ค้าปลีก (CPALL*, ROBINS, COM7*) และ iii) เนื่องจากเป็นการท่องเที่ยวในเมืองรองการเดินทางด้วยรถยนต์คาดจะมากขึ้น คาดหุ้นที่จะได้อานิสงส์ไปด้วยคือ PTG* (ปั๊มน้ำมันที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ) และ ASAP (รถเช่าตามสนามบินในต่างจังหวัด และตามหัวเมืองรอง)
กลุ่มนิคมฯ (AMATA*, WHA*) เราประเมินกฏหมายสำหรับรองรับโครงการ EEC จะสามารถเริ่มใช้ได้ภายใน 1H61 ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินลงทุนทั้งจากภาครัฐฯ และ เอกชน เริ่มเดินหน้าตั้งแต่ 2H61 เป็นต้นไป ประเมินเป็นบวกกับหุ้นกลุ่มนิคมฯ อย่าง AMATA* และ WHA* รวมถึงหุ้นกลุ่มรับเหมาฯก่อสร้าง อย่าง SEAFCO, PYLON แนะนำ “เก็งกำไร”
หุ้นมีข่าว
(+) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมติเห็นชอบในการให้ TOT ใช้งานคลื่นความถี่ในย่าน 2300 เมกะเฮิร์ตซ ร่วมกับคู่ค้า คือ บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด (บริษัทลูกของ DTAC) ได้ นอกจากนี้ กสทข. จะตอบกลับที่ทาง คสช. ถามความเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ทั้ง ADVANC และ TRUE จะขอเลื่อนการจ่ายเงินงวดสุดท้ายของใบอนุญาตคลื่น 900 เมกะเฮิร์ตซ (ราว 6 หมื่นล้านบาท/ใบ) เรามองว่าข่าวนี้เป็นบวกต่อทั้ง DTAC, ADVANC และ TRUE โดยในส่วนของ DTAC จะทำให้โอกาสที่จะมีคลื่นในมือมากขึ้น ก่อนที่สัมปทานจะหมดใน 3Q61 อย่างไรก็ตามดีลนี้ได้รวมอยู่ในประมาณการปี 2561 ของเรา ที่คาดว่า DTAC จะขาดทุน 1.9 พันล้านบาท และราคาเหมาะสมที่ 59 บาท แล้ว คำแนะนำยังคงเป็นเพียง “ถือ” เพราะยังมีความเสี่ยงเชิงลบต่อประมาณการผลประกอบการปี 60 -61 จากกำไรงวด 4Q60 ที่คาดจะออกมาอ่อนแอลง และยังมีความไม่แน่นอนของการได้คลื่นใหม่ๆเข้ามาเสริม เพราะคลื่น 2300 เมกะเฮิร์ตซ ยังต้องรอความเห็นชอบจากทั้งอัยการสูงสุด และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ก่อน รวมทั้งความเสี่ยงในการประมูลคลื่น 1800 เมกะเฮิร์ตซกลับมา ในส่วนของ ADVANC และ TRUE นั้น ทาง กสทช. จะเสนอต่อ คสช. ว่า หากจะให้เลื่อนการจ่ายเงิน ควรให้แบ่งจ่ายเป็น 3-5 งวด พร้อมดอกเบี้ย ซึ่งแม้ว่าเรื่องนี้ยังต้องรอการตัดสินใจของ คสช. แต่เราเชื่อว่า คสช. จะอนุมัติตามคำเสนอของ กสทช.
(0) AAV* เปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) บริษัทได้แจ้งมติบอร์ดที่มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นใหญ่ของบริษัทเมื่อวานนี้เป็นนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ กลับมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทอีกครั้ง โดยการซื้อหุ้นคืนจำนวน 1,761.59 ล้านหุ้น โดยมีราคาซื้อขายเท่ากับ 4.70 บาท/หุ้นจากนายวิชัย ศรีวัฒนประภา นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา นางสาววรมาศ ศรีวัฒนประภา นายอภิเซษฐ์ ศรีวัฒนประภา และนางสาวอรุณรุ่ง ศรีวัฒนประภา ภายหลังการซื้อขายหุ้นครั้งนี้ จะทำให้นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ เป็นผู้ถือหุ้นใน AAV ด้วยสัดส่วน 41.32% ขณะที่กลุ่มศรีวัฒนประภาจะมีสัดส่วนการถือหุ้นรวมเท่ากับ 3.5% อย่างไรก็ตาม เรามีมุมมอง Neutral ต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เนื่องจากนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ยังเป็น CEO ในช่วงที่ลดสัดส่วนการถือหุ้นลงในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เรายังคงแนะนำซื้อ AAV* โดยมีราคาเป้าหมายเท่ากับ 7.28 บาท
(+ SPI, CPALL*, COM7*) ฟันธงอุปโภคบริโภคฟื้นตัว สัญญาณบวกชัดหนุนกำลังซื้อทั้งไอทีร้านอาหารของใช้หลังซบเซามานาน 2 ปี (โพสต์ทูเดย์) ภาคเอกชนชี้ปีจอการบริโภคสินค้าอุปโภคบริโภค ไอที ร้านอาหาร ส่อเค้าขยายตัวกลับมาเติบโตในรอบ 2 ปี นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2561 มีสัญญาณที่ดีขึ้นการบริโภคจะกลับมาขยายตัว โดยคาดว่าตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคมูลค่ากว่า 8.9 แสนล้านบาท จะกลับมาเติบโตเป็นบวกหลังจาก 2 ปีที่ผ่านมาตลาดติดลบ ซึ่งเดือน ต.ค. 2560 ติดลบ 1.8% จึงวางเป้าหมายรายได้ปี 2561 เติบโต 12% จากปี 2560 โต 6% ปิดรายได้ 3.6 หมื่นล้านบาท
(+ รับเหมาฯ SEAFCO, PYLON, +นิคมฯ AMATA*, WHA*) คลังเร่งลงทุนอีอีซี คลอดระเบียบพีพีพีฟาสต์แทร็ก ตั้งเป้า 8 เดือน ประมูล 5 โครงการ (โพสต์ทูเดย์) คลังคลอดระเบียบ "PPP EEC Track" เร่งลงทุน 5 โครงการลงทุนใหญ่ 6.08 แสนล้าน ตั้งเป้า 8 เดือน เปิดประมูล นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ได้มีการจัดทำระเบียบ PPP EEC Track เพื่อขับเคลื่อน 5 โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ให้สำเร็จตามแผนพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) วงเงินรวม 6.08 แสนล้านบาท
(+) SCN-CHO การันตีปีหน้าโตเด่น จ่อบุ๊ครายได้เมล์ NGV 1,891 ล้านครึ่งปีแรก (ข่าวหุ้น) “SCN-CHO” เซ็นงานรถเมล์ NGV แล้ว จ่อบุ๊ครายได้ครึ่งแรกปี 61 กว่า 1,891 ล้านบาท หนุนรายได้ปีหน้าโตโดดเด่น โดย CHO ลั่นปี 61 รายได้พุ่ง 3,000 ล้านบาท พร้อมพลิกมีกำไร ส่วน SCN ตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 40% จากปี 60
(+) MONO29 เรตติ้งแรงขึ้นอันดับ 3 คอนเทนต์แกร่งดึงดูดคนดูทะลัก (ข่าวหุ้น) MONO ลั่นธุรกิจทีวีดิจิทัลพีค ช่อง “MONO 29” เรตติ้งพุ่งแรงขึ้นแท่นอันดับ 3 ในช่วง 4-17 ธ.ค. ชูจุดเด่นคอนเทนต์รายการแข็งแกร่งดึงดูดคนดูทะลัก
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
RS (เป้าพื้นฐาน 28.25 บาท) ประเมินแนวรับ 27.25 บาท แนวต้าน 29 บาท (Trailing stop 26.5 บาท)
SEAFCO (เป้าพื้นฐาน 11 บาท) ยืนเหนือแนวราคา 9.65 บาทได้ แนะนำ “เก็งกำไร” ประเมินทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 10 – 10.3 บาท (Trailing stop 9.65 บาท)
ECF (ยังไม่มีเป้า Consensus) ประเมินแนวรับ 5.45 บาท / แนวต้าน 5.70 บาท และถัดไป 6.1 บาท (Stop loss 5.05 บาท)
EASON (เป้า Consensus 4.5 บาท) ประเมินแนวรับ 3.94 บาท / แนวต้าน 4.2 บาท (Trailing stop 5.25 บาท)
MOONG (เป้าพื้นฐาน 9.1 บาท) ประเมินแนวรับ 5.25 บาท แนวต้าน 5.5 บาท และ 5.9 บาท ตามลำดับ (Stop loss 5.2 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
BANPU* แนะนำ 'ซื้อ' เป้าพื้นฐาน 24 บาท ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินกำไร 4Q60 = 2.5 พันล้านบาท (+56% YoY, +24% QoQ) ผลจากปริมาณขายถ่านหินที่อินโดนีเซียดีขึ้น
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยรับ 1751 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1751 จุดนั้น อาจทรงราคาขึ้นในกรอบ 1751-1764 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1751 จุดนั้น อาจทรงราคาลงในกรอบ 1751-1741 จุด
แนวรับวันนี้: 1751/1743 แนวต้านวันนี้: 1756/1763
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]