- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 27 December 2017 17:43
- Hits: 3329
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
'คาดปรับตัวขึ้นได้แต่มีความผันผวนมากขึ้น'
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : ตลาดหุ้นสามารถปรับตัวขึ้นมาได้ดีตามที่คาดไว้ เรามองว่าในวันนี้จนถึงวันสุดท้ายของปี ปริมาณการซื้อขายจะเริ่มเบาบางลงเรื่อยๆ เนื่องจากตลาดจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว โดยคาดว่าทิศทางยังคงสามารถปรับตัวขึ้นได้ต่อในลักษณะ sideway up .... ภาพต่างประเทศ มองว่าปัจจัยสำคัญอย่างมาตรการภาษีทรัมป์ได้คลี่คลายลงซึ่งตลาดได้รับรู้ปัจจัยดังกล่าวไปมากแล้ว ราคาน้ำมันดิบปรับตัวบวกได้ดี จากกรณีการร้ายในลีเบียและส่งผลกระทบต่อการลำเลียงน้ำมัน 70,000-100,000 บาร์เรลต่อวัน.... ปัจจัยในประเทศ การท่องเที่ยวเมืองรองได้รับอนุมัติตามคาด และได้รับแรงหนุนจากประเด็นเรื่องกระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการช่วยเหลือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่ 2 เข้าที่ ประชุม ครม. ในวันที่ 3 ม.ค. 2018
กลยุทธ์การลงทุน : ด้านกลยุทธการลงทุน ด้วยมุมมองที่ว่าตลาดในวันนี้ตลาดจะสามารถปรับตัวสูงขึ้นได้แต่จะมีความผันผวนมากขึ้น จึงแนะนำให้เข้าลงทุนเป็นรายตัว เน้นการถือระยะสั้น เน้นหุ้นที่นักลงทุนเข้ามา เก็งงบ 4Q17 (โรงกลั่นน้ำมัน-ปิโตรเคมี), หุ้นที่มีการเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกับตลาดหุ้น, โดยหุ้นขนาดใหญ่ที่ติด most active และตลาดยังให้ความสนใจต่อเนื่อง ได้แก่ BJC, AOT, PTTEP
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน: สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ STA , TWPC
หุ้นแนะนำทางเทคนิค: SGP, THANI, MONO
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (26 ธ.ค.) - ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,752.48 จุด เพิ่มขึ้น 2.26 หรือ +0.13% มูลค่าการซื้อขาย 49,094.38 ล้านบาท ตลาดสามารถปรับตัวขึ้นได้ในช่วงบ่าย จากแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ เป็นผลมาจากแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน ซึ่งมีแรงหนุนจาก LTF-RMF
ปัจจัยต่างประเทศ
(0) ตลาดกลับมาซื้อขายอีกครั้ง ปัจจัยสำคัญได้คลี่คลายลง - ตลาดหุ้นต่างประเทศเริ่มกลับมาเปิดทำการ ปัจจัยสำคัญอย่างมาตรการภาษีทรัมป์ได้คลื่คลายลงโดยประเด็นดังกล่าวตลาดได้รับรู้ไปมากแล้ว จึงมีแรงบวกกับหุ้นไม่มาก .... ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นมากจากรายงานที่ว่ากลุ่มติดอาวุธได้ลอบวางระเบิดท่อส่งน้ำมันดิบในลิเบีย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการลำเลียงน้ำมันในปริมาณ 70,000-100,000 บาร์เรลต่อวัน
ปัจจัยในประเทศ
(+) มาตรการท่องเที่ยวเมืองรองได้รับการอนุมัติตามคาด - ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการภาษีส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรอง 55 จังหวัด มีระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.61 โดยสามารถนำค่าใช้จากการท่องเที่ยวในเมืองรองมาคิดเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท
(+) โครงการบัตรผู้มีรายได้น้อยเฟส 2 - กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการช่วยเหลือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่ 2 เข้าที่ ประชุม ครม. ในวันที่ 3 ม.ค. 2018 นี้ สำหรับผู้มีรายได้น้อยที่มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาท/ปี ทั้งหมด 5.3 ล้านคน ซึ่งโครงการเฟส 1 มีมูลค่าที่ประมาณ 41,940 ล้านบาท (โพสต์ทูเดย์, 27/12/2017)
(+/-) การประชุม กสทช. กรณ๊ ADVANC ติดตามการประชุมระหว่าง กสทช. กับ ADVANC ในวันนี้ ซึ่งหาก กสทช. มีมติเห็นชอบให้การจ่ายค่าใบอนุญาตงวดสุดท้ายเป็นการผ่อนจ่าย จะเป็นบวกต่อ ADVANC
Most Active Stocks
(-) BBL (ราคาปิด 204.00 บาท) - เรามองว่า BBL ยังไม่ใช่หุ้นที่น่าสนใจสำหรับช่วงนี้จากปริมาณ Foreign Limit ที่เต็มจำนวน และมองว่าโครงการรับเหมาฯต่างๆยังไม่เป็นรูปธรรม รายได้สินเชื่อจากส่วนนี้ของ BBL จะลดลงกว่าคาดอีกด้วย .... ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 222.00 บาท
(+) BJC (ราคาปิด 63.50 บาท) - เราคาดว่า BJC มีโอกาสที่จะติด most active ในช่วงเวลาอันสั้นนี้ จากปริมาณการซื้อขายที่เริ่มมีเข้ามามาก อีกทั้ง BJC ยังได้ผลบวกจากการเร่งขยายสาขา BIGC ให้ครบ 781 สาขาภายในสิ้นปีนี้ .... ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 63.00 บาท แต่มีแนวโน้มที่จะปรับประมาณการขึ้น
(+) AOT (ราคาปิด 68.50 บาท) - AOT ปรับตัวขึ้นมาได้ตามคาดและเราคาดว่ายังคงมีความน่าสนใจต่อเนื่องในวันนี้ จาก flow ที่เข้ามาของต่างชาติ อีกทั้งคาดการณ์ปริมาณนักท่องเที่ยวทั้งปีนี้มีโอกาสสูงเป็นประวัติการณ์ .... ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 70.00 บาท
(+) PTTEP (ราคาปิด 100.50 บาท) - จากประเด็นเรื่องการก่อการร้ายในลีเบียและส่งผลกระทบต่อการลำเลียงน้ำมัน 70,000-100,000 บาร์เรลต่อวัน เราจึงมองว่า PTTEP จะได้รับประโยชน์จากประเด็นดังกล่าว .... ราคาเหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 100.86 บาท
Fund Flow Analysis & Stock Rotation
# คำแนะนำหรือมุมมองของหุ้นแต่ละกลุ่มในเชิงกลยุทธ์ #
แนวโน้มดัชนีรายได้เกษตรกรทั้งปี 2561 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจการเกษตร โดยวัดจากดัชนีราคาสินค้าเกษตร ประจำเดือนพฤศจิกายน 2560 พบว่า ลดลงร้อยละ 4.89 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยสินค้าที่ราคาปรับตัวลดลงได้แก่ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ไข่ไก่ และ สุกร ส่วนสินค้า ที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า ความชื้น 15% มันสำปะหลัง และกุ้งขาวแวนนาไม
สำหรับแนวโน้มเดือนธันวาคม 2560 พบว่า ดัชนีรายได้เกษตรกรลดลงร้อยละ 1.98 เป็นผลจากดัชนีราคาปรับตัวลดลง ร้อยละ 10.99 โดยสินค้าสำคัญที่มีราคาลดลง ได้แก่ อ้อยโรงงาน ยางพารา ปาล์มน้ำมัน สับปะรด สุกร และไข่ไก่ ในขณะที่ดัชนีผลผลิตปรับตัวเพิ่มร้อยละ 10.12 โดยสินค้าสำคัญที่มีการผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า ยางพารา สับปะรด สุกร ไก่เนื้อ และไข่ไก่
แนวโน้มดัชนีรายได้เกษตรกรทั้งปี 2561 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2560 จากผลผลิตสินค้าเกษตรสำคัญที่เพิ่มขึ้น อาทิ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อยโรงงาน สับประรดโรงงาน ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และผลไม้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากสภาพอากาศและยังมีน้ำต้นทุนเหลือมากพอสำหรับการทำเกษตรจากการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ ทำให้การเพาะปลูกทำได้มากยิ่งขึ้น ประกอบกับการดำเนินนโยบายและมาตรการด้านการเกษตรอย่างต่อเนื่อง
ความเห็นของ KTBST สถานการณ์ราคาสินค้าเกษตร ปีที่ผ่านมา บางตัวไม่ค่อยดีนัก และรัฐต้องมีมาตรการเข้ามาพยุงราคา
ยางพาราคา บวกเป็นลำดับแรก ที่ออกมาชัดเจนแล้ว คือ ยางพารา ที่จับมือกัน ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เห็นชอบให้กำหนดโควตาการส่งออกยางพาราร่วมกันทั้ง 3 ประเทศ รวมไม่เกิน 350,000 ตัน จนถึง 31 มี.ค. 61 ซึ่งเป็นบวกต่อผู้ปลูกและผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมยางพารา โดยราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ในตลาดภาคใต้ของไทย อยู่ที่ 47 บาท/กก. และราคายางพาราล่วงหน้า ในตลาด TOCOM ปรับขึ้นมาที่ 211 เยน/กก. +11% จากปลายเดือน พ.ย. ราคายางที่ปรับขึ้น นอกจากจะมาจากมาตรการของ 3 ประเทศแล้ว มาจากการปรับตัวขึ้นมาของราคาน้ำมันดิบ ราคาปิโตรเคมีที่ใช้อ้างอิงการผลิตยางสังเคระห์ (Benzene) ปรับตัวสูงขึ้น และความต้องการซื้อยางก่อนสิ้นปี ล้วนส่งผลบวกช่วงสั้นๆ ต่อราคายางพาราคา หุ้นที่ได้ประโยยชน์ และน่าจะมีการเข้ามาเก็งกำไรกันต่อ ประกอบด้วย STA และ TRUBB
ปาล์มน้ำมัน เป็นผลิตผลทางการเกษตรอีกตัวหนึ่ง รัฐบาลกำลังหาทางเข้าพยุงราคา 27 ธ.ค.นี้ กระทรวงพาณิชย์แจ้งมายังเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มว่า รองปลัดกระทรวงจะลงพื้นที่เพื่อหารือถึงนโยบายภาพรวมที่รัฐจะดำเนินการเพื่อให้เกษตรกรรับทราบ คงต้องดูว่ารัฐจะมีแนวทางอย่างไรเพิ่มเติม เพราะขณะนี้ราคาปาล์มก็ยังไม่ได้ปรับขึ้น มากนัก โดยปาล์มดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 2.50-3.40 บาท/กก. เราคาดว่า นักลงทุนอาจหยิบยกเอาหุ้นที่ทำธุรกิจปาล์มน้ำมัน ขึ้นมาเก็งกำไรในช่วงนี้ หุ้นได้ประโยชน์ จะเป็น LST
บวกต่อหุ้นที่มีฐานรายได้ในเขตภูมิภาค จากนโยบายของรัฐเกี่ยวกับราคาสินค้าทางการเกษตร (ล่าสุดตั้งงบ 1.2 หมื่นลบ.) รวมกับมาตรการต่างๆ ที่ทยอยออกมา รวมถึง โครงการชะลอการขายข้าว , โครงการช่วยเหลือ ผู้ประกอบการรายเล็ก (SMEs) มูลค่า 245,000 ล้านบาท (แผนการพัฒนา ปี 2017-2021) และมาตรการใหม่ คือ บัตรคนจนระยะสอง เข้าที่ประชุม ครม.วันที่ 3 ม.ค.61 จะทำให้รายได้ของประชาชนในเขตภูมิภาค หรือเกษตรกร ขยับสูงขึ้น มีกำลังซื้อสูงขึ้น จะเป็นบวกต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และหุ้นที่มีฐานรายได้ในเขตภูมิภาค หุ้นที่เราคาดว่าจะได้ประโยชน์ และเป็น top picks ของเราได้แก่ TK, SINGER, JMART, CPALL
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
STA*(ราคาปิด 14.20) STA ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ยางพาราครบวงจร ทั้งยางธรรมชาติ ยางแผ่นรมควัน (RSS) ยางแท่ง (TSR) และน้ำยางข้น (concentrated latex) ซึ่งมองว่า STA จะได้ผลบวกจากโครงการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลทางการเกษตร (ยางพารา-ปาล์มน้ำมัน) มูลค่า 12,000 ล้านบาท ที่มีได้รับการอนุมัติเมื่ออาทิตย์ก่อน .... Bloomberg คาดผลประกอบการปี 2017 จะขาดทุนลดลงจาก -758 ล้านบาทในปี 2016 เป็น -458 ล้านบาทในปี 2017 โดยคาดว่าจะสามารถกลับมามีผลประกอบการเป็นกำไรในปี 2018 ที่ 844 ล้านลบาท .... (ราคาเหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 11.45 บาท)
TWPC*(ราคาปิด 9.45) มองราคาหุ้นปรับตัวมามากสะท้อนผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวลงไปแล้ว โดยราคามันปัจจุบันเริ่มมีการฟื้นตัวได้ดีตั้งแต่ช่วง 4Q17 เป็นต้นมา.... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 จะอ่อนตัวลงที่ -22% ที่ 524 ล้านบาท จากราคามันปีที่แล้วที่สูงกว่าปกติมาก แต่คาดจะเติบโตได้ดีในปี 2018 ที่ 657 ล้านบาท (+11% YoY)…. (ราคาที่เหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 10.80 บาท)
Source : KTBST Research
Sector / Stock Updates
(+) TOURISM ครม.เห็นชอบให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัดทั้งกับบริษัทนำเที่ยว หรือเดินทางเที่ยวเอง ให้เอาใบเสร็จค่าใช้จ่ายจากค่านำเที่ยว-โรงแรมและโฮมสเตย์ มาลดหย่อนภาษีได้ตลอดปี 2561 ได้ไม่เกิน 15,000 บาท และให้นิติบุคคลนำค่าจัดสัมมนาในเมืองรอง 55 จังหวัดนำหักค่าใช้จ่ายได้ 100% ด้าน "วีระศักดิ์" ฟิตจัดจ่อประกาศเพิ่มพื้นที่ท่องเที่ยวเมืองรองอีก ทั้งนี้ จังหวัดท่องเที่ยวเมืองรอง ประกอบด้วยจังหวัดนครศรีธรรมราช อุดรธานี เชียงราย ลพบุรี พิษณุโลก สุพรรณบุรี อุบลราชธานี นครนายก หนองคาย สระแก้ว เลย ตาก ตราด เพชรบูรณ์ จันทบุรี มุกดาหาร นครสวรรค์ ราชบุรี สมุทรสงคราม บุรีรัมย์ ชัยภูมิ พัทลุง ตรัง ศรีสะเกษ ปราจีนบุรี สตูล ชุมพร สุโขทัย สุรินทร์ สกลนคร ลำพูน นครพนม อุตรดิตถ์ ระนอง ลำปาง ร้อยเอ็ด แม่ฮ่องสอน พิจิตร แพร่ ชัยนาท น่าน อ่างทอง มหาสารคาม กำแพงเพชร อุทัยธานี นราธิวาส ยะลา พะเยา บึงกาฬ กาฬสินธุ์ ยโสธร สิงห์บุรี หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ และปัตตานี หรือเขตพื้นที่อื่นใดที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากำหนดนี้เป็นบวกกับกลุ่มท่องเที่ยวประเด็นได้รับผลดีทั้ง CENTEL, ERW และ MINT แต่เราคาดว่า ERW จะเป็นผู้ที่ประโยชน์สูงที่สุด เพราะมีโรงแรม Hop-Inn ที่อยู่ในเมืองรองจำนวน 15 โรงแรม ยังคงแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่ 9.50 บาท นอกจากนี้ CPALL ยังได้รับผลดีทางอ้อมจากการที่นักท่องเที่ยวกระจายลงสู่สถานที่ต่างๆ แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่ 84 บาท รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่าง AOT และ AAV ราคาเป้าหมายที่ 70 บาท และ 7.40 บาท ตามโดยตรง
(+) AMATA นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในปี 2561 จะเป็นปีแห่งการลงทุนขนาดใหญ่ของประเทศอีกครั้ง หลังจากที่การเตรียมงานในด้านต่างๆ ของการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซีใกล้จะแล้วเสร็จ โดยเฉพาะการประกาศใช้พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) คาดว่าจะมีผลใช้บังคับในช่วงเดือนมกราคม 2561 เรามองว่าเป็นผลบวกต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมจากความชัดเจนของ พรบ.EEC ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 1Q18 ส่งผลให้กลุ่มนิคมสามารถขายที่ดินในพื้นที่ EEC ได้เพิ่มขึ้นจากที่ซบเซาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเราชอบ AMATA จากการที่บริษัทมีนิคมอุตสาหกรรมในประเทศที่อยู่ในบริเวณ EEC จำนวน 100% แนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท
(+) UNIQ พล.อ.ประยุทธ์ รับหลักการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันตก (West Economic Corridor: WEC) ชงให้สศช.ไปศึกษาแผนพัฒนา หวังสร้างเศรษฐกิจให้ 3 จังหวัด ตาก สุโขทัย และพิษณุโลก ดันจีพีพีพุ่ง 8.23 แสนล้านบาทใน 10 ปี ดึงโครงการรถไฟความเร็วสูงและรถไฟรางคู่ให้เชื่อมต่อ
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากกลุ่มรับเหมาจะมีรายได้จากงานก่อสร้างของภาครัฐเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเราชอบ UNIQ ที่ราคาเป้าหมาย 27.50 บาท เนื่องจากบริษัทมีงานก่อสร้างรถไฟสายปากน้ำโพ-ลพบุรี ที่คาดว่าจะสามารถเชื่อมไปยังภาคเหนือได้
Source: KTBST Research
Analyst : Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447
+662 648 1127
[email protected]