- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 25 December 2017 17:32
- Hits: 1958
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selections >>AMATA, CK, LH
Stock S R Comment
AMATA 25.25 27.00 Recurring Income จากการบริการเพิ่มขึ้น หนุนกำไรขั้นต้นโต
CK 25.75 27.00 เปิดประมูลสร้างรถไฟไทย-จีนเร่งสปีดกทม.-โคราช13สัญญา
LH 10.10 10.60 ฐานรายได้แกร่ง ยอดปฏิเสธสินเชื่อต่ำ
Today Selections >>AMATA, CK, LH
Stock S R Comment
AMATA 25.25 27.00 Recurring Income จากการบริการเพิ่มขึ้น หนุนกำไรขั้นต้นโต
CK 25.75 27.00 เปิดประมูลสร้างรถไฟไทย-จีนเร่งสปีดกทม.-โคราช13สัญญา
LH 10.10 10.60 ฐานรายได้แกร่ง ยอดปฏิเสธสินเชื่อต่ำ
Tactically switch from big cap to medium & small cap
กลยุทธ์การลงทุน: เราแนะนำให้นักลงทุนเริ่มหาจังหวะ Switch หุ้นในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ จากหุ้นขนาดใหญ่ (SET50) เข้าสู่หุ้นขนาดกลาง (SET51-100) และหุ้นขนาดเล็ก (Non SET100) ซึ่งคาดว่าจะเป็นกลุ่มที่ปลอดภัยจากการไถ่ถอนของกองทุน LTF ที่ครบกำหนดอายุในช่วงต้นปี 2018 ซึ่งเราคาดว่าจะอยู่ที่ 11,000 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย โดยจากการศึกษาของเราในอดีตนับตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมาพบว่า ผลตอบแทนเฉลี่ยของหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กในเดือนมกราคมอยู่ที่ 2.0% และ 2.1% ตามลำดับ ดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่ที่อยู่เพียง 0.2% เท่านั้น
Bond: เรามองว่าการปรับตัวขึ้นของ Bond yield ทั่วโลกในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา เกิดจากประเด็นการเห็นชอบของสภา Congress ต่อมาตรการปฏิรูปภาษีเป็นหลัก ซึ่งทำให้ Bond yield สหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดกว่าเพื่อน ประเมินว่าการปรับตัวขึ้นของ Yield นี้ไม่เกี่ยวข้องกับแนวโน้มการเข้มงวดนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆแต่อย่างใด เนื่องจากแรงกดดันเงินเฟ้อมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำ ด้วยเหตุนี้มองว่าหากผ่านพ้นประเด็นมาตรการปฏิรูปภาษีไปแล้ว ทิศทางของ Bond yield มีโอกาสย่อตัวลงได้ ที่สำคัญระดับ Bond Yield ในปัจจุบันเริ่มเป็นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ โดยล่าสุดเริ่มเห็นนักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อตราสารหนี้ไทยอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเมื่อวันศุกร์ซื้อสุทธิตราสารหนี้ระยะยาวถึง 3,100 ล้านบาท ถือเป็นยอดสูงสุดในรอบ 1 เดือน
EYG: ทั้งนี้ในส่วนของ Implication ต่อตลาดหุ้นนั้น การปรับตัวขึ้นมาของ Bond yield ดังกล่าวจะทำให้ Earning yield gap ของตลาดหุ้นปรับตัวลดลงโดยปริยาย โดยล่าสุด Earning yield gap (EYG) เมื่อเปรียบเทียบกับ Bond yield 10 ปีของไทยอยู่ที่ 3.3% ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีแล้ว ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น จากการโยกย้ายเงินลงทุนจากตลาดหุ้นเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้
กลยุทธ์การลงทุน: เราแนะนำให้นักลงทุนเริ่มหาจังหวะ Switch หุ้นในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ จากหุ้นขนาดใหญ่ (SET50) เข้าสู่หุ้นขนาดกลาง (SET51-100) และหุ้นขนาดเล็ก (Non SET100) ซึ่งคาดว่าจะเป็นกลุ่มที่ปลอดภัยจากการไถ่ถอนของกองทุน LTF ที่ครบกำหนดอายุในช่วงต้นปี 2018 ซึ่งเราคาดว่าจะอยู่ที่ 11,000 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย โดยจากการศึกษาของเราในอดีตนับตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมาพบว่า ผลตอบแทนเฉลี่ยของหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กในเดือนมกราคมอยู่ที่ 2.0% และ 2.1% ตามลำดับ ดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่ที่อยู่เพียง 0.2% เท่านั้น
Bond: เรามองว่าการปรับตัวขึ้นของ Bond yield ทั่วโลกในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา เกิดจากประเด็นการเห็นชอบของสภา Congress ต่อมาตรการปฏิรูปภาษีเป็นหลัก ซึ่งทำให้ Bond yield สหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดกว่าเพื่อน ประเมินว่าการปรับตัวขึ้นของ Yield นี้ไม่เกี่ยวข้องกับแนวโน้มการเข้มงวดนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆแต่อย่างใด เนื่องจากแรงกดดันเงินเฟ้อมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำ ด้วยเหตุนี้มองว่าหากผ่านพ้นประเด็นมาตรการปฏิรูปภาษีไปแล้ว ทิศทางของ Bond yield มีโอกาสย่อตัวลงได้ ที่สำคัญระดับ Bond Yield ในปัจจุบันเริ่มเป็นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ โดยล่าสุดเริ่มเห็นนักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อตราสารหนี้ไทยอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเมื่อวันศุกร์ซื้อสุทธิตราสารหนี้ระยะยาวถึง 3,100 ล้านบาท ถือเป็นยอดสูงสุดในรอบ 1 เดือน
EYG: ทั้งนี้ในส่วนของ Implication ต่อตลาดหุ้นนั้น การปรับตัวขึ้นมาของ Bond yield ดังกล่าวจะทำให้ Earning yield gap ของตลาดหุ้นปรับตัวลดลงโดยปริยาย โดยล่าสุด Earning yield gap (EYG) เมื่อเปรียบเทียบกับ Bond yield 10 ปีของไทยอยู่ที่ 3.3% ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีแล้ว ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น จากการโยกย้ายเงินลงทุนจากตลาดหุ้นเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้
Factors: ติดตามปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้ได้แก่
1) การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจไทยประจำเดือนพฤศจิกายนจากธปท.ในวันที่ 29 ธันวาคม โดยคาดพระเอกหลักยังคงเป็นการส่งออกต่อไป แต่เรากำลังเฝ้าติดตามเครื่องชี้การบริโภคและการลงทุนด้วยเช่นกัน โดยคาดว่าจะยังคงส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น จากการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าทุนที่ดีขึ้นก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดีการบริโภคในระดับฐานรากน่าจะยังคงเปราะบางอยู่ จากรายได้เกษตรกรที่น่าจะหดตัวอีกครั้งในเดือนที่ผ่านมา จากการหดตัวของราคาสินค้าเกษตรเป็นสำคัญ
2) การรายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตของประเทศจีนในวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 51.7 ใกล้เคียงกับเดือนก่อนที่ 51.8 หากตัวเลขจริงออกมาแตกต่างจากคาดอย่างมีนัยสำคัญ มองจะมีผลกระทบต่อราคาโภคภัณฑ์และตลาดหุ้นเกิดใหม่ได้
แนวรับ 1,732 แนวต้าน 1,748
Today's Event
QTC ลูกหุ้นเข้า 50,000,000 หุ้น
1) การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจไทยประจำเดือนพฤศจิกายนจากธปท.ในวันที่ 29 ธันวาคม โดยคาดพระเอกหลักยังคงเป็นการส่งออกต่อไป แต่เรากำลังเฝ้าติดตามเครื่องชี้การบริโภคและการลงทุนด้วยเช่นกัน โดยคาดว่าจะยังคงส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น จากการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าทุนที่ดีขึ้นก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดีการบริโภคในระดับฐานรากน่าจะยังคงเปราะบางอยู่ จากรายได้เกษตรกรที่น่าจะหดตัวอีกครั้งในเดือนที่ผ่านมา จากการหดตัวของราคาสินค้าเกษตรเป็นสำคัญ
2) การรายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตของประเทศจีนในวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 51.7 ใกล้เคียงกับเดือนก่อนที่ 51.8 หากตัวเลขจริงออกมาแตกต่างจากคาดอย่างมีนัยสำคัญ มองจะมีผลกระทบต่อราคาโภคภัณฑ์และตลาดหุ้นเกิดใหม่ได้
แนวรับ 1,732 แนวต้าน 1,748
Today's Event
QTC ลูกหุ้นเข้า 50,000,000 หุ้น
OO3975