- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 15 December 2017 19:38
- Hits: 22302
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“ทิศทางหลักๆยังแกว่งขึ้น”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ปัจจัยภายนอก ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงหลังจากที่ วุฒิสภาบางท่านออกมาส่งสัญญาณไม่สนับสนุน กม. ภาษีสหรัฐ ทำให้ตลาดกังวลว่าจะไม่สามารถผ่านกม.ได้ทันสิ้นปี โดยวุฒิสภา ไมค์ ลี ยังไม่ตัดสินใจลงคะแนน ในขณะที่วุฒิสภา มาร์โค รูบิโอ้ คัดค้านกม.ภาษีนี้ ซึ่งความเห็นที่ขัดแย้งกันเป็นเรื่อง ค่าลดหย่อนบุตร แต่ที่ค่อนข้างชัดเจนในระดับหนึ่งแล้ว เป็นเรื่องการลดภาษีนิติบุคคลจาก 35% ลงเหลือ 21%(สูงกว่าที่เคยคาดที่ 20%เล็กน้อย) ซึ่งในประเด็นนี้จะส่งผลให้กำไรบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 21.5% จากการลดภาษีดังกล่าว ในความเห็นเราประเมินว่าในที่สุดแล้วมีโอกาสผ่านได้ และตลาดหุ้นสหรัฐอาจจะมีแรงซื้อเข้ามาอีกครั้งหากได้ผ่านได้สำเร็จ แต่อย่างไรก็ตาม ในระยะกลางตลาดปรับตัวขึ้นจากประเด็นเรื่องกำไรบริษัทจดทะเบียนที่จะเพิ่มขึ้นจากประเด็นนี้มามากกว่า 1 ปีแล้ว ทำให้หากกระบวนการเสร็จเรียบร้อย นักลงทุนที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ทั้งในระยะสั้นและระยะกลางมีโอกาสทำกำไร ส่วนประเด็นเรื่องดอลลาร์ ตลาดยังคงรับรู้ข่าวเรื่องแนวเงินเฟ้อที่ยังไม่เร่งตัวและอาจส่งผลให้การขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ตามข้อมูลเงินเฟ้อไม่รวดเร็ว อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของตลาดส่วนใหญ่รวมถึง dotplot ของกรรมการเฟด ยังคงประเมินว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยได้ในปีหน้า 3 ครั้ง ในขณะที่กรรมการเฟดที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงชุดใหม่ มีโอกาสที่จะใช้นโยบายการเงินเข้มงวดมากขึ้นหลังจากที่มีกรรมการเฟด 2 ท่านที่จะเข้ามาใหม่ เน้นการใช้นโยบายการเงินเข้มงวดในปีหน้า โดยรวมทิศทางดอลลาร์ระยะสั้นอ่อนค่าสั้น แต่ในระยะที่ยาวกว่านั้นเริ่มมีโอกาสแข็งค่าขึ้น ส่วนปัจจัยภายในระยะสั้น ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อของกองทุน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากเม็ดเงิน LTF/RMF ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยยังคงมีช่วงปรับตัวขึ้น โดยตลาดยังคงมีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่อง แม้ว่าปัจจัยภายนอกยังไม่ได้เป็นบวกมากนัก ซึ่งหากตลาดยังไม่อ่อนตัวลงต่ำกว่า 1710-1708 ยังเป็นการแกว่งตัวขึ้นและการผ่าน 1715-1720 ได้จะเป็นสัญญาณของการเบรคพ้นกรอบการแกว่งตัวออกด้านข้างที่ใช้เวลาพักฐานมามากกว่า 1 เดือนและปรับตัวขึ้นจะเร็วหากผ่านได้
สำหรับ Theme ลงทุนช่วงเดือนธ.ค. เป็น 1. LTF Play – แนะซื้อสะสมหุ้น Big Cap ที่ได้ประโยชน์จาก LTF โค้งสุดท้าย ซึ่งหุ้น Big Cap ใน DBSV Coverage ที่แนะนำซื้อ คือ AOT, BEM, BBL, KBANK, TMB, HMPRO, IVL, PTTGC, LH, MINT, MTLS และ 2. High Dividend Yield Play – เพราะอีก 3-4 เดือนก็จะได้ปันผลสำหรับกำไรปี 60 แล้ว หุ้นปันผลเด่น เป็น KKP, KTB, LH, SENA, LALIN, DIF, TMT เป็นต้น
กลยุทธ์การลงทุน : เน้น“ซื้อค่าบวก”เป็นหลัก หรือ“ซื้อเหนือ1700” {“ต่ำกว่า 1700” ควร “ขายตัดขาดทุน”} เพื่อลุ้นขายคืนเมื่อราคาหุ้นปรับขึ้น (หรือที่แนวต้านของตลาดฯ) หุ้นแนะนำรายสัปดาห์ (13-20 ธ.ค.60 เป็น MTLS – หุ้นเติบโต และ SENA - หุ้นปันผล ส่วนหุ้นแนะนำใน Wealth Perspective เดือนธ.ค.60 ประกอบด้วย หุ้นเติบโต MTLS, TMB หุ้นมูลค่า AMATA, BBL หุ้นปันผล KKP, SENA
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค& Reseach Team – [email protected]
“ทิศทางหลักๆยังแกว่งขึ้น”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ปัจจัยภายนอก ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงหลังจากที่ วุฒิสภาบางท่านออกมาส่งสัญญาณไม่สนับสนุน กม. ภาษีสหรัฐ ทำให้ตลาดกังวลว่าจะไม่สามารถผ่านกม.ได้ทันสิ้นปี โดยวุฒิสภา ไมค์ ลี ยังไม่ตัดสินใจลงคะแนน ในขณะที่วุฒิสภา มาร์โค รูบิโอ้ คัดค้านกม.ภาษีนี้ ซึ่งความเห็นที่ขัดแย้งกันเป็นเรื่อง ค่าลดหย่อนบุตร แต่ที่ค่อนข้างชัดเจนในระดับหนึ่งแล้ว เป็นเรื่องการลดภาษีนิติบุคคลจาก 35% ลงเหลือ 21%(สูงกว่าที่เคยคาดที่ 20%เล็กน้อย) ซึ่งในประเด็นนี้จะส่งผลให้กำไรบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 21.5% จากการลดภาษีดังกล่าว ในความเห็นเราประเมินว่าในที่สุดแล้วมีโอกาสผ่านได้ และตลาดหุ้นสหรัฐอาจจะมีแรงซื้อเข้ามาอีกครั้งหากได้ผ่านได้สำเร็จ แต่อย่างไรก็ตาม ในระยะกลางตลาดปรับตัวขึ้นจากประเด็นเรื่องกำไรบริษัทจดทะเบียนที่จะเพิ่มขึ้นจากประเด็นนี้มามากกว่า 1 ปีแล้ว ทำให้หากกระบวนการเสร็จเรียบร้อย นักลงทุนที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ทั้งในระยะสั้นและระยะกลางมีโอกาสทำกำไร ส่วนประเด็นเรื่องดอลลาร์ ตลาดยังคงรับรู้ข่าวเรื่องแนวเงินเฟ้อที่ยังไม่เร่งตัวและอาจส่งผลให้การขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ตามข้อมูลเงินเฟ้อไม่รวดเร็ว อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของตลาดส่วนใหญ่รวมถึง dotplot ของกรรมการเฟด ยังคงประเมินว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยได้ในปีหน้า 3 ครั้ง ในขณะที่กรรมการเฟดที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงชุดใหม่ มีโอกาสที่จะใช้นโยบายการเงินเข้มงวดมากขึ้นหลังจากที่มีกรรมการเฟด 2 ท่านที่จะเข้ามาใหม่ เน้นการใช้นโยบายการเงินเข้มงวดในปีหน้า โดยรวมทิศทางดอลลาร์ระยะสั้นอ่อนค่าสั้น แต่ในระยะที่ยาวกว่านั้นเริ่มมีโอกาสแข็งค่าขึ้น ส่วนปัจจัยภายในระยะสั้น ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อของกองทุน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากเม็ดเงิน LTF/RMF ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยยังคงมีช่วงปรับตัวขึ้น โดยตลาดยังคงมีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่อง แม้ว่าปัจจัยภายนอกยังไม่ได้เป็นบวกมากนัก ซึ่งหากตลาดยังไม่อ่อนตัวลงต่ำกว่า 1710-1708 ยังเป็นการแกว่งตัวขึ้นและการผ่าน 1715-1720 ได้จะเป็นสัญญาณของการเบรคพ้นกรอบการแกว่งตัวออกด้านข้างที่ใช้เวลาพักฐานมามากกว่า 1 เดือนและปรับตัวขึ้นจะเร็วหากผ่านได้
สำหรับ Theme ลงทุนช่วงเดือนธ.ค. เป็น 1. LTF Play – แนะซื้อสะสมหุ้น Big Cap ที่ได้ประโยชน์จาก LTF โค้งสุดท้าย ซึ่งหุ้น Big Cap ใน DBSV Coverage ที่แนะนำซื้อ คือ AOT, BEM, BBL, KBANK, TMB, HMPRO, IVL, PTTGC, LH, MINT, MTLS และ 2. High Dividend Yield Play – เพราะอีก 3-4 เดือนก็จะได้ปันผลสำหรับกำไรปี 60 แล้ว หุ้นปันผลเด่น เป็น KKP, KTB, LH, SENA, LALIN, DIF, TMT เป็นต้น
กลยุทธ์การลงทุน : เน้น“ซื้อค่าบวก”เป็นหลัก หรือ“ซื้อเหนือ1700” {“ต่ำกว่า 1700” ควร “ขายตัดขาดทุน”} เพื่อลุ้นขายคืนเมื่อราคาหุ้นปรับขึ้น (หรือที่แนวต้านของตลาดฯ) หุ้นแนะนำรายสัปดาห์ (13-20 ธ.ค.60 เป็น MTLS – หุ้นเติบโต และ SENA - หุ้นปันผล ส่วนหุ้นแนะนำใน Wealth Perspective เดือนธ.ค.60 ประกอบด้วย หุ้นเติบโต MTLS, TMB หุ้นมูลค่า AMATA, BBL หุ้นปันผล KKP, SENA
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค& Reseach Team – [email protected]
OO3646