WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ASIAwealthบล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook 

ใกล้ High เดิม ระวังแรงขายทำกำไร
          กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสเดินหน้าทดสอบ High เดิมที่บริเวณ 1,730 จุด จากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันที่ได้เม็ดเงินใหม่จากกองทุน LTF-RMF ในช่วงสิ้นปีนี้ ในขณะที่สัปดาห์หน้าจะนักลงทุนต่างชาติน่าจะลดบทบาทลง เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวสิ้นปี อย่างไรก็ตามตลาดต่างประเทศเริ่มมีความไม่แน่นอนมากขึ้นจากความกังวลเกี่ยวกับกฎหมายปฎิรูปภาษีของสหรัฐฯ ทำให้ขาดปัจจัยหนุนจากต่างประเทศ กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ ให้แบ่งขายทำกำไรที่บริเวณ 1,730 จุดบางส่วน เพื่อเก็บเม็ดเงินไว้ลงทุนในช่วงที่ตลาดปรับลงมา โดยหุ้นแนะนำยังเน้นหุ้นใหญ่ที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนสถาบัน ได้แก่ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี (PTTEP, BANPU, IRPC) กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BBL, KBANK, TMB, TCAP) เราเลือก IRPC เป็น Pick of  the day ค่าระวางเรือวันนี้ปรับลดลงแรง -3.58% ส่งผลลบต่อ PSL, TTA แต่เรามองว่าปรับลงมาแรงยังเป็นโอกาสซื้อ หาก BDI ยังยืนเหนือระดับ 1,400 จุดที่เป็นจุดคุ้มทุน มอง BDI ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
Stock          Comment
IRPC          เราเลือก IRPC เป็น Pick of the day
TU               ราคาปรับลงมาวันก่อนเป็นโอกาสซื้อลงทุน  TU ได้ผลกระทบจากการปิดอ่าวไทยในต้นปีหน้าน้อยมาก เนื่องจากใช้วัตถุดิบปลาทูน่าจาต่างประเทศเป็นหลัก พื้นฐานธุรกิจยังแข็งแกร่ง ราคาปลาทูน่าเริ่มปรับลง แนะนำ ซื้อ (AWS TP 23.00 บาท)
ADVANC   รายได้เติบโตแข็งแกร่ง การแข่งขันในอุตสาหกรรมเริ่มลดความรุนแรงลง ขณะที่ขนาดตลาดรวมโตต่อเนื่อง หนุนให้กำไร กลับเข้าสู่ขาขึ้น
หุ้นเด่นวันนี้ : IRPC (ราคาปิด 6.65 บาท; ซื้อ; AWS ราคาเป้าหมาย 7.70 บาท)
           โครงการ UHV สามารถเดินเครื่องผลิตเต็มที่ได้ในไตรมาส 4/60 ทำให้โรงกลั่นมีกำลังการผลิตเพิ่มอีก 5% ขณะที่ Nameplate Capacity อยู่ที่ 215,000 บาร์เรลต่อวัน รวมถึงโครงการ PPE เริ่มผลิตตามแผน ทำให้ IRPC มีกำลังผลิต Propylene เพิ่ม 63% เป็น 715,000 ตันต่อปี และโครงการ PPC กำลังผลิต 140,000 ตันต่อปี อยู่ระหว่างการทดสอบคาดว่าจะเริ่มผลิตต้นปี  2561 คาดว่าทำให้ GIM เพิ่มขึ้นอีกราว 1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จาก 14.88 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ บริษัทกำลังศึกษาโครงการโรงงานอะโรเมติกส์ 1 ล้านตัน รวมถึงโครงการเพิ่ม Value Added ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยจะเน้นความเป็น Specialty เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันที่ยังเน้นผลิตสินค้า Commodity เป็นหลัก ซึ่งราคาขายของผลิตภัณฑ์ Specialty จะสูงกว่าผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในปัจจุบันราว 10% ขึ้นไป เราแนะนำซื้อ IRPC คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2560 และปี 2561 เติบโต 6.2% และ 28% ตามลำดับ ราคาเป้าหมาย 7.70 บาท
           Price Pattern ของ IRPC ยังมีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 6.70 บาท หาก Break ด้วยการปิดตลาดเหนือ 6.70 บาท จะมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 8.50 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 10.30 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ IRPC มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 5.95 บาท  (Resistance: 6.70, 6.75, 6.85; Support: 6.60, 6.50, 6.45)
 
ปัจจัยในประเทศ :
รัฐเตรียมเร่งเจรจาการค้าเสรีกับ EU โดยที่กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับมอบหมายให้เร่งเตรียมการเจรจาในข้อตกลงการค้าเสรีกับ EU หลังจากที่ EU ตกลงจะปรับความสัมพันธ์ด้านการเมืองกับประเทศไทยในทุกระดับ (บางกอกโพสต์)
คาดเปิดประมูลรถไฟความเร็วสูงไทย - ญี่ปุ่นปี 62 รมว.คมนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงความร่วมมือระหว่างไทย - ญี่ปุ่น ว่าขณะนี้ญี่ปุ่นได้สรุปรายงานผลการศึกษาระยะที่ 1 เส้นทาง กรุงเทพฯ - พิษณุโลก มูลค่าการลงทุน 2.8 แสนล้านบาทแล้ว และหลังจากนี้จะเร่งสรุปแนวทางดำเนินโครงการที่ชัดเจนก่อนเสนอเข้าที่ประชุม ครม.ในเดือน ก.พ. 2561 โครงการดังกล่าวคาดว่าจะเปิดประมูลได้ในปี 62 (ไทยโพสต์)
 
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลง (DJ -0.31%, S&P -0.41% ,NASDAQ -0.28%) หลังจากปรับขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ระหว่างเปิดตลาด เป็นการปรับลงเป็นวันแรกหลังจากทำให้สถิติปิดบวกติดต่อกัน 5 วัน ทั้งนี้ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับปัจจัยลบจากความกังวลเกี่ยวกับกฎหมายปฎิรูปภาษีของสหรัฐฯ โดยนาย Mike Lee ซึ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาของพรรค Republican ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะสนับสนุนกฎหมายปฎิรูปภาษีหรือไม่ ขณะที่  นาย Marco Rubio  ซึ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาของพรรค Republican เช่นกันยังคงต่อต้านกฎหมายปฎิรูปภาษีดังกล่าว
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเช่นกัน (DAX -0.44%,FTSE -0.65% ,CAC -0.78%) โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภค (Utilities) ที่ปรับตัวลงแรงประมาณ  1.3% โดยนักลงทุนอยู่ระหว่างการพิจารณานโยบายของธนาคารกลางยุโรปล่าสุดที่ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0% ต่อไป รวมถึงปรับประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2561 ขึ้นจาก  1.8%  เป็น  2.3% เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนต่อไป
 
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันทรงตัว (WTI +0.07%, BRENT -0.05% ) ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากความพยายามควบคุมปริมาณการผลิตของ OPEC และรัสเซีย ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ จากแหล่ง Shale oil ที่เพิ่มขึ้นยังเป็นปัจจัยกดดัน
ราคาทองคำทรงตัวเช่นกัน โดย US gold futures ปิดที่ 1,253.20 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์ หรือ -0.1% แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายขึ้น แต่ข่าวความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกฎหมายปฎิรูปภาษีของสหรัฐฯ กลายเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำในระยะสั้น
ค่าการกลั่นทรงตัว ปิดที่  7.43 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง -0.13%
ค่าระวางเรือเทกอง (Baltic Dry Index) วันนี้ปรับลดลง 62 จุด ปิดที่ 1,668 จุด ลดลง -3.58%ส่งผลลบต่อ PSL (AWS TP 15.5 บาท), TTA (AWS TP 13.0 บาท) แต่เรามองว่าปรับลงมาแรงยังเป็นโอกาสซื้อ หาก BDI ยังยืนเหนือระดับ  1,400 จุดที่เป็นจุดคุ้มทุน มอง BDI ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
Thailand Research Department
          Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
          Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
          Ms. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
          Mr. Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
          Mr. Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 2-2680-5094
OO3639

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!