- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 15 May 2014 17:58
- Hits: 3473
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ดีดขึ้นให้ได้ขายทำกำไรตามรอบแล้ว จากนี้รอการปรับลงใหม่!
กลยุทธ์ : SET สามารถรีบาวด์ขึ้นได้ตามคาด แต่ FSS มองว่าเป็นเพียงการดีดกลับช่วงสั้น โดยมีกรอบขึ้นจำกัด และยังมีแนวโน้มที่จะกลับไปปรับตัวลงอีก ดังนั้นช่วงนี้จึงควรหาจังหวะขายทำกำไรก่อนมากกว่า และถ้าจะเลือกหุ้นซื้อใหม่น่ารอให้ SET ปรับตัวลงอีกครั้งก่อน
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TRUE, HMPRO, AAV(short)
แนวโน้ม : เมื่อคืนนี้ตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน เม.ย. ของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาด แต่กลับสร้างความกังวลกับนักลงทุนว่าอาจหนุนให้เฟดตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ได้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงค่อนข้างแรง และกดดันให้ตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในด้านลบด้วย ขณะที่การเมืองในประเทศยังคงไม่มีความชัดเจน เพราะแม้ว่า ”ว่าที่ประธานวุฒิสภา” จะพยายามจัดประชุมกับองค์กรต่างๆ เพื่อหาทางออกให้กับความขัดแย้งในปัจจุบัน แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับจากคู่ขัดแย้งเท่าที่ควร ดังนั้นการรีบาวด์กลับขึ้นมาค่อนข้างแรงของ SET วานนี้ FSS จึงมองว่าเป็นเพียงการดีดกลับช่วงสั้นหลังการปรับตัวลงแรงเท่านั้น โดยเรายังคาดว่า SET มีแนวโน้มที่จะถูกแรงขายกดดันให้แกว่งตัวลงอีกครั้งได้ จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไทยและปัญหาความรุนแรงทางการเมือง โดยเฉพาะวันนี้คงต้องรอติดตามดูท่าทีของ DSI หลังจากช่วงเย็นวานนี้ ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับแกนนำ กปปส. 30 คน(จากที่ขอหมายจับไปทั้งสิ้น 43 คน) ซึ่งก่อนหน้านี้อธิบดี DSI ระบุว่าถ้าได้รับหมายจับจะส่งหน่วยอรินทราชเข้าจับกุมบุคคลตามหมายจับทันที ซึ่งถ้าเป็นจริงอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าและความรุนแรงได้
แนวรับ 1393-1390 , 1385 จุด แนวต้าน 1399-1401 , 1403-1405 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ในปริมาณที่หนาแน่นขึ้น โดยไหลเข้าตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$321 ล้าน ไต้หวัน US$255.2 ล้าน อินโดนีเซีย US$109.4 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$65.4 ล้าน เวียดนาม US$10.3 ล้าน และ ไทย US$5.8 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะไหลเข้าต่อ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) ผลสำรวจนักวิเคราะห์ คาดดัชนีสิ้นปีนี้ที่ 1,473 จุด ไม่เปลี่ยนจากคาดการณ์เดิม ปัจจัยเสี่ยงใหม่ที่เข้ามานอกจากเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง คือการปรับลดกำไรของบจ. โดยล่าสุดคาดการณ์ EPS Growth ในปีนี้ที่ 11% ลดจากเดิมที่คาด 12.1% และปรับ GDP ลงเป็น 2.4% จากเดิม 2.9% และประเมินว่าสหรัฐฯ จะทยอยลด QE จนหมดสิ้นปี 2014 และปรับขึ้นดอกเบี้ยไม่เกิน 3Q15 ส่วนราคาทองคำสิ้นปีนี้ คาด 20,300 บาทต่อบาททองคำ เพิ่มจากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 20,049 บาทต่อบาททองคำ
(0) MSCI Semi-Annual Index Review รอบนี้หุ้นขนาดใหญ่เพิ่ม 1 ตัวคือ BH ไม่มีหุ้นเอาออก ส่วนหุ้น Small Cap เพิ่ม 4 ตัว (BJCHI, MEGA, NYT, TTCL) เอาออก 6 ตัว (BH, GSTEL, GRAMMY, SITHAI, TUF, UMI) มีผล 30 พ.ค. 2014
(+) ICHI กำไรใกล้เคียงคาด กำไรสุทธิใน 1Q14 โต 13% Q-Q และ 15% Y-Y การซื้อสิทธิ์เครื่องหมายการค้า “ไบเล่” (BIRELEY) พร้อมสูตรการผลิต และลงทุนในที่ดินและเครื่องจักร มูลค่ารวม 1,780 ล้านบาท ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้จากการขายไบเล่ในปีนี้ 200 ล้านบาท สูงมากเมื่อเทียบกับยอดขายของ BIRELEY เฉลี่ย 77 ล้านบาทใน 3 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม EPS อาจเพิ่มขึ้น 0.03 บาท/หุ้นเป็น 0.86 บาท/หุ้น ทำให้ราคาเป้าหมายเพิ่มเป็น 17 บาทจากเดิม 16.1 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PE ถึง 28 เท่า แนะนำขาย
(+) GUNKUL กำไรดีกว่าคาด หากตัดรายการพิเศษออก กำไรปกติใน 1Q14 เพิ่มขึ้น 60% Q-Q และ 483% Y-Y ดีกว่าคาดจากรายได้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่เข้ามามากกว่าคาด กำไรดังกล่าวคิดเป็น 38% ของกำไรทั้งปีที่คาดโต 121% Y-Y หากมีข้อมูลใหม่จากการประชุมปลายเดือนนี้ เราอาจปรับประมาณการอีกครั้ง ยังแนะนำซื้อ เป้าหมาย 14.25 บาท
(0) VIBHA กำไรดีมากแต่ราคาหุ้นสะท้อนไปมากแล้วเช่นกัน กำไรสุทธิใน 1Q14 เติบโตน่าประทับใจ 14% Q-Q และ 76% Y-Y โตสูงที่สุดในกลุ่ม จากกำไรที่โตก้าวกระโดดของ CMR เราปรับกำไรของ VIBHA ในปีนี้ขึ้น 13% เป็นเติบโต 25% Y-Y เติบโตสูงสุดในกลุ่มที่โตเฉลี่ย 13% Y-Y และปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 14.50 บาทจาก 11 บาท แต่ราคาหุ้นสะท้อนข่าวดีมากแล้วจน PE สูงถึง 24.4 เท่า ลดคำแนะนำเป็นถือ จากเดิมซื้อ
(-) HANA น่าผิดหวังที่สุดในกลุ่ม หากไม่รวมเงินประกันจากการหยุดชะงักทางธุรกิจช่วงน้ำท่วม (ก้อนสุดท้าย) 1,350 ล้านบาท จะมีกำไรปกติ 370 ล้านบาท เพิ่ม 414% Y-Y จากฐานต่ำเพราะเพิ่งฟื้นจากน้ำท่วมใน 1Q13 แต่ลดลง 19% Q-Q แย่ที่สุดในกลุ่ม กำไรดังกล่าวคิดเป็น 21% ของกำไรทั้งปีที่คาดฟื้นตัว 23% Y-Y เราคงเป้าหมาย 29 บาท หุ้นเกินมูลค่าแล้วและมี PE 15.4 เท่าสูงสุดในกลุ่ม ปรับคำแนะนำลงเป็นขาย จากเดิมถือ
(-) กลุ่ม Media ผลประกอบการน่าผิดหวังมาก กำไรสุทธิของกลุ่ม (ยังไม่รวม BEC) ลดลงถึง 40% Q-Q และ 48% Y-Y ต่ำกว่าเราและตลาดคาดกว่า 30% โดย WORK และ RS พลิกเป็นขาดทุน จากรายได้ที่ลดลงอย่างมาก เรามีแนวโน้มปรับประมาณการและราคาเป้าหมายลง ยังแนะนำขายเพราะราคาหุ้นเต็มมูลค่าแล้วทั้งคู่ (WORK ราคาเป้าหมาย 23 บาท, RS เป้าหมาย 8.30 บาท) สำหรับ VGI (เป้าหมาย 9.30 บาท) และ MAJOR (เป้าหมาย 17 บาท) แนะนำขายเพราะราคาเกินมูลค่าแล้วเช่นกัน ส่วน MCOT กำไรต่ำกว่าคาดมากและมีแนวโน้มปรับกำไรและราคาเป้าหมายลง แนะนำขายเช่นกัน
ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดขยับตัวลดลง 101.47 จุด หลังปรับตัวขึ้นติดต่อกันในช่วงหลายวันก่อนหน้า ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงหลังที่ออกมาค่อนข้างแข็งแกร่งเริ่มสร้างความกังวลว่า FED อาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดสลับมีทั้งบวกและลบ โดยนักลงทุนจับตาดู ECB ว่าจะมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินอะไรออกมาหรือไม่
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดเช้านี้ปรับตัวในแดนลบตามตลาดหุ้นสหรัฐ โดยตลาดหุ้นนิเคอิร่วงแรงจากค่าเงินเยนที่แข็งซึ่งบดบังตัวเลข GDP ที่ออกมาดีกว่าคาด
ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นได้ต่อเนื่องจากกระแสเงินทุนที่เริ่มกลับมาไหลเข้า คาดวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.34-32.50 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ขยับขึ้น 0.67 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 102.37 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสถานการณ์ในยูเครนยังกดดันปัจจัยด้านอุปทาน แต่อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันปรับขึ้นจำกัดเนื่องจากสต๊อกน้ำมันของสหรัฐเพิ่มสูงขึ้น
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. พุ่งขึ้น 11.10 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,305.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตลาดหุ้นร่วงลงและนักลงทุนเข้าถือสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852