- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 08 December 2017 16:47
- Hits: 8654
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
SET INDEX
1703.37 +8.98 (+0.53) // Vol. 47,566
ฟื้นตัวยืน 1700 จุด แต่ Volume ยังไม่สนับสนุน ทำให้การขึ้นยังมองจำกัด กรอบการเคลื่อนที่ 1695-1712
ดัชนีวานนี้สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้แต่ในกรอบที่จำกัด มี Low สูงกว่าวันก่อนหน้าที่ 1690 จุด โดยส่วนใหญ่ยืนบวกได้ตลอดทั้งวัน พร้อมกับทำปิดที่จุดสูงสุดของวันที่ 1703 จุด ถือเป็นสัญญาณที่ดี ขณะเดียวกันค่าของ MACD ขยับยืนเหนือ Zero Line ได้เล็กน้อย ทำให้ภาพโดยรวมกลับมาดูดี แต่การขึ้นมาของดัชนีนั้น Volume ยังไม่สนับสนุนมากพอ ทำให้การขึ้นต่อเรายังมองจำกัด
แนวรับ 1695-1700
แนวต้าน 1712-1716
Technical Analyst : พรรณนภา เขมะสุรัตน์ // เลยทะเบียน 060110 // Tel. : 02-648-1124 // phannapa.k@ktbst .co.th
SET INDEX
1703.37 +8.98 (+0.53) // Vol. 47,566
ฟื้นตัวยืน 1700 จุด แต่ Volume ยังไม่สนับสนุน ทำให้การขึ้นยังมองจำกัด กรอบการเคลื่อนที่ 1695-1712
ดัชนีวานนี้สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้แต่ในกรอบที่จำกัด มี Low สูงกว่าวันก่อนหน้าที่ 1690 จุด โดยส่วนใหญ่ยืนบวกได้ตลอดทั้งวัน พร้อมกับทำปิดที่จุดสูงสุดของวันที่ 1703 จุด ถือเป็นสัญญาณที่ดี ขณะเดียวกันค่าของ MACD ขยับยืนเหนือ Zero Line ได้เล็กน้อย ทำให้ภาพโดยรวมกลับมาดูดี แต่การขึ้นมาของดัชนีนั้น Volume ยังไม่สนับสนุนมากพอ ทำให้การขึ้นต่อเรายังมองจำกัด
แนวรับ 1695-1700
แนวต้าน 1712-1716
Technical Analyst : พรรณนภา เขมะสุรัตน์ // เลยทะเบียน 060110 // Tel. : 02-648-1124 // phannapa.k@ktbst .co.th
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
" เริ่มมีสัญญาณบวก "
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดดัชนีฯได้แรงหนุนจากปัจจัยในประเทศ แต่ยังมีแรงกดดันจากแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศอยู่ .... ตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย ที่บวกต่อเป็นเดือนที่ 4 หนุนตลาดหุ้นในวันที่ผ่านมา ขณะที่การเข้ามาซื้อขายของหุ้น IPO (GULF, THG) ทำให้มีเม็ดเงินบางส่วนกลับเข้ามาในตลาด น่าจะหนุนให้ดัชนีฯในวันนี้บวกได้ แต่จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องด้วย คืนนี้ สหรัฐจะมีการรายงานตัวเลขการจ้างงาน (ผลสำรวจ Bloomberg คาดตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม เดือน พ.ย. จะเพิ่มขึ้น 195 ตำแหน่ง จาก 261 ตำแหน่งในเดือนก่อน) ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ ที่ปรับตัวสูงขึ้น จะเป็นบวกต่อหุ้นน้ำมัน-ปิโตรเคมี ในวันนี้ ........ ตัวแปรที่ควรติดตามในระหว่างวัน ประกอบด้วย การแถลงนโยบายของรัฐมนตรีพลังงาน และตัวเลขภาคการส่งออกของจีน และการนำเสนอขอมูลบริษัทจดทะเบียนในงาน Op. Day โดยตัวที่น่าสนใจจะเป็น GOLD ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาหลังส่งงบการเงิน
กลยุทธ์การลงทุน : ตลาดอยู่ในช่วงของการปรับฐาน แต่กรอบการเล่นที่แคบลงตามลำดับ ส่งสัญญาณว่าว่า มีโอกาสที่ดัชนีฯมีทิศทางที่ชัดเจนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า .... กลยุทธ์ลงทุน ตลาดกำลังอยู่ในระหว่างการเลือกทิศทาง ตัวแปรต่างประเทศหลายๆตัวเริ่มชัดเจน เราปรับคำแนะนำมาเป็น "ถือ" เพื่อรอดูทิศทางตลาดว่าจะไปในทางใด อย่างไรก็ตาม การเข้าลงทุน (ซื้อ) ยังต้องเลือกเป็นรายตัว เน้นหุ้นอิงปัจจัยในประเทศ (หุ้นอิงเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว)
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ BBL, CPALL, THANI, ANAN, PTTGC*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค : TOP, RS, ROJNA
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
" เริ่มมีสัญญาณบวก "
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดดัชนีฯได้แรงหนุนจากปัจจัยในประเทศ แต่ยังมีแรงกดดันจากแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศอยู่ .... ตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย ที่บวกต่อเป็นเดือนที่ 4 หนุนตลาดหุ้นในวันที่ผ่านมา ขณะที่การเข้ามาซื้อขายของหุ้น IPO (GULF, THG) ทำให้มีเม็ดเงินบางส่วนกลับเข้ามาในตลาด น่าจะหนุนให้ดัชนีฯในวันนี้บวกได้ แต่จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องด้วย คืนนี้ สหรัฐจะมีการรายงานตัวเลขการจ้างงาน (ผลสำรวจ Bloomberg คาดตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม เดือน พ.ย. จะเพิ่มขึ้น 195 ตำแหน่ง จาก 261 ตำแหน่งในเดือนก่อน) ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ ที่ปรับตัวสูงขึ้น จะเป็นบวกต่อหุ้นน้ำมัน-ปิโตรเคมี ในวันนี้ ........ ตัวแปรที่ควรติดตามในระหว่างวัน ประกอบด้วย การแถลงนโยบายของรัฐมนตรีพลังงาน และตัวเลขภาคการส่งออกของจีน และการนำเสนอขอมูลบริษัทจดทะเบียนในงาน Op. Day โดยตัวที่น่าสนใจจะเป็น GOLD ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาหลังส่งงบการเงิน
กลยุทธ์การลงทุน : ตลาดอยู่ในช่วงของการปรับฐาน แต่กรอบการเล่นที่แคบลงตามลำดับ ส่งสัญญาณว่าว่า มีโอกาสที่ดัชนีฯมีทิศทางที่ชัดเจนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า .... กลยุทธ์ลงทุน ตลาดกำลังอยู่ในระหว่างการเลือกทิศทาง ตัวแปรต่างประเทศหลายๆตัวเริ่มชัดเจน เราปรับคำแนะนำมาเป็น "ถือ" เพื่อรอดูทิศทางตลาดว่าจะไปในทางใด อย่างไรก็ตาม การเข้าลงทุน (ซื้อ) ยังต้องเลือกเป็นรายตัว เน้นหุ้นอิงปัจจัยในประเทศ (หุ้นอิงเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว)
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ BBL, CPALL, THANI, ANAN, PTTGC*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค : TOP, RS, ROJNA
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(+)Commerce Sector: (Overweight) การจับจ่ายใช้สอยมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น และเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า(+) AMATA ก้าวสู่วัฏจักรของการเติบโตรอบใหม่
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (7 ธ.ค.) - ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,703.37 จุด เพิ่มขึ้น 8.98 จุด หรือ +0.53% มูลค่าการซื้อขาย 47,566.08 ล้านบาท แม้ต่างชาติยังคงมีสถานะเป็นขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ออกมาดี เติบโตติดต่อกัน 4 เดือน ส่งผลให้ตลาดได้รับแรงหนุนจากประเด็นดังกล่าว
ตลาดหุ้นต่างประเทศ - ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,211.48 จุด เพิ่มขึ้น 70.57 จุด หรือ +0.29% จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาดี.... แต่ด้านตลาดหุ้นยุโรป Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย +0.02% ปิดที่ 386.41 จุด
ราคาน้ำมันดิบ - สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 73 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 56.69 ดอลลาร์/บาร์เรล การเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบค่อนข้างผันผวนในช่วงนี้ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นมา ได้รับแรงหนุนจากการประท้วงที่เกิดขั้นในเขตเวสต์แบงก์
(+)Commerce Sector: (Overweight) การจับจ่ายใช้สอยมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น และเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า(+) AMATA ก้าวสู่วัฏจักรของการเติบโตรอบใหม่
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (7 ธ.ค.) - ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,703.37 จุด เพิ่มขึ้น 8.98 จุด หรือ +0.53% มูลค่าการซื้อขาย 47,566.08 ล้านบาท แม้ต่างชาติยังคงมีสถานะเป็นขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ออกมาดี เติบโตติดต่อกัน 4 เดือน ส่งผลให้ตลาดได้รับแรงหนุนจากประเด็นดังกล่าว
ตลาดหุ้นต่างประเทศ - ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,211.48 จุด เพิ่มขึ้น 70.57 จุด หรือ +0.29% จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาดี.... แต่ด้านตลาดหุ้นยุโรป Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย +0.02% ปิดที่ 386.41 จุด
ราคาน้ำมันดิบ - สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 73 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 56.69 ดอลลาร์/บาร์เรล การเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบค่อนข้างผันผวนในช่วงนี้ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นมา ได้รับแรงหนุนจากการประท้วงที่เกิดขั้นในเขตเวสต์แบงก์
ปัจจัยต่างประเทศ
(+) ตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดีต่อเนื่อง - กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันในสัปดาห์ที่แล้ว โดยลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 236,000 ราย
(+) ร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีทรัมป์ - นักลงทุนกำลังติดตามการความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในสภาคองเกรสของสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าโอกาสที่รัฐสภาสหรัฐจะลงมติอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับสุดท้ายเพื่อให้ ปธน.ทรัมป์ลงนามประกาศบังคับใช้นั้น มีค่อนข้างสูง
(+) ตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดีต่อเนื่อง - กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันในสัปดาห์ที่แล้ว โดยลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 236,000 ราย
(+) ร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีทรัมป์ - นักลงทุนกำลังติดตามการความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในสภาคองเกรสของสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าโอกาสที่รัฐสภาสหรัฐจะลงมติอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับสุดท้ายเพื่อให้ ปธน.ทรัมป์ลงนามประกาศบังคับใช้นั้น มีค่อนข้างสูง
ปัจจัยในประเทศ :
(+) ท่องเที่ยวไทยเป็นบวก - ธุรกิจร้านอาหารที่ถูกคัดเลือกจัดอันดับดาวมิชลิน และได้ตีพิมพ์ในคู่มือ มิชลิน ไกด์ กรุงเทพฯ จะช่วยให้ร้านอาหารต่างๆ มียอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 50-100% จากการที่นักท่องเที่ยว(โพสต์ทูเดย์, 08/12/2017)
(+) งานมอเตอร์เอ๊กซ์โปมีผลตอบรับที่ดี - ประธานจัดงานมหกรรม มอเตอร์ เอ็กซ์โป เปิดเผยว่า ยอดจองรถยนต์ภายในงานระหว่างวันที่ 29 พ.ย.-6 ธ.ค. อยู่ที่ 18,579 คัน เติบโตขึ้น 27.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของการจัดงานครั้งก่อนหน้า จากปัจจัยผู้ประกอบการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และช่วงวันหยุดยาว (โพสต์ทูเดย์, 08/12/2017)
(+) มาตรการอัดฉีดเพิ่มเติมในเดือนนี้ - ภาครัฐจะมีการขออนุมัติ 10 โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในเดือนนี้ ซึ่งจะเน้นไปที่การช่วยเหลือเอสเอ็มอี โดยมีมาตรการที่น่าสนใจได้แก่ แพคเกจส่งเสริมด้านการเงิน ประกอบด้วย 3 กองทุน ซึ่งวงเงินเดิมเสนอไว้ที่ 7 หมื่นล้านบาทแต่การประชุมครั้งนี้รองนายกฯได้สั่งให้เพิ่มเป็น 9 หมื่นล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ, 08/12/2017)
(+) กระตุ้นเอกชนใช้สิทธิภาษีลงทุน - โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คลังต้องการเร่งให้เอกชนลงทุนในช่วงเดือนสุดท้ายของปี 2560 เนื่องจากสามารถนำรายจ่ายไปหักลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า ซึ่งที่ผ่านมายังมีเอกชนมาใช้สิทธิน้อย (โพสต์ทูเดย์, 08/12/2017)
หุ้นที่จะเข้าร่วมงาน Opportunity Day ในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ได้แก่ GOLD, CHEWA, BIZ, ALLA, TBSP
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
BBL(ราคาปิด 205.00) เรายังคงชอบกลุ่มแบงก์ ซึ่งมองว่าเป็นกลุ่มที่จะสามารถเคลื่อนไหวไปตามสภาวะตลาด โดยเรามองว่า BBL จะได้รับผลบวกจากตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น …. นอกจากนี้เรายังมองว่าภาพรวมสินเชื่อใน 4Q17 มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการเข้าสู่ช่วงของการเบิกจ่ายของสินเชื่อรายใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับโครงการภาครัฐ …. KTBST คาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 33,140 ล้านบาท (+4% YoY) และเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 36,743 ล้านบาท (+11% YoY) นอกจากนี้ BBL ยังได้ผลบวกจากการเป็นพันธมิตรกับ AIA ขายประกันผ่าน 1,200 สาขา ซึ่งจะเริ่มออกผลิตภัณฑ์แรกในช่วงกลางปี 2018 …. (ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 222.00 บาท)
CPALL(ราคาปิด 74.00) CPALL เป็นหุ้นที่น่าสนใจทั้งจากคาดการณ์ยอดขายที่เพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล และได้รับผลบวกจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สูงขึ้นและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้น .... เราคาดว่า CPALL จะสามารถเติบโตได้ดีต่อเนื่องในช่วง 4Q17 จากการที่ภาคบริโภคอยู่ในระดับสูงตามเทศกาล และมาตรการการจากภาครัฐมีส่วนในการกระตุ้นสนับสนุน เช่น ช็อปช่วยชาติ …. KTBST คาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 19,467 ล้านบาท (+17% YoY) และปี 2018 ที่ 22,388 ล้านบาท (+15% YoY) โดยเราคาดว่าบริษัทจะสามารถเติบโตได้อย่างต่ำปีละ 700 สาขา และจะสามารถถึงเป้าหมาย 13,000 สาขาได้ในปี 2021 .... (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 84.00 บาท)
THANI(ราคาปิด 9.15) เรามองว่ามาตรการโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐที่จะมีมากขึ้นและการขยายตัวด้านธุรกิจขนส่งในอนาคตจะช่วยส่งผลบวกให้ยอดสินเชื่อรถบรรทุก.ซึ่ง THANI มีสัดส่วนรายได้สูงที่ 70% ได้รับผลบวก .... KTBST คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติปี 2017 ที่ 1,119 ล้านบาท (+27% YoY) และปี 2018 ที่ 1,401 ล้านบาท (+24% YoY) …. (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 11.00 บาท)
ANAN(ราคาปิด 5.95) แม้ผลการดำเนินงานช่วง 3Q17 จะอ่อนตัวลงแต่เรามองว่าการเติบโตในช่วง 4Q17 จะกลับมาโดดเด่นเนื่องจากคาดว่าจะมีรายได้จากการโอนโครงการคอนโดเพิ่มขึ้นมาก ทั้งจากโครงการใหม่ที่โอนต่อเนื่องจาก 3Q17 และในงวด 4Q17 จะมีโครงการคอนโดใหม่ที่เริ่มโอนอีกถึง 6 โครงการ .... KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 1,743 ล้านบาท (+12% YoY) และปี 2018 ที่ 2,094 ล้านบาท (+20% YoY) .... (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 6.70 บาท)
PTTGC*(ราคาปิด 81.00) เรามองว่า PTTGC มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นต่อได้ จากการเก็งกำไรของนักลงทุนที่มองว่า Spread ปิโตรเคมียังอยู่แนวโน้มที่ดี ราคา Ethylene และ HDPE สัปดาห์ล่าสุด ปรับขึ้น 0.4% และ 1.6% ตามลำดับ อีกทั้ง ค่าการกลั่นน้ำมันลดลง แต่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น เมื่อเทียบกับ 3Q-17…….. PTTGC มีแผนการขยายกำลังการผลิตในอนาคตอีกด้วย .... Bloomberg คาดการณ์กำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 34,997 ล้านบาท (+37% YoY) และปี 2018 ที่ 34,799 ล้านบาท (-1% YoY) …. (ราคาเหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 89.26 บาท)
(+) ท่องเที่ยวไทยเป็นบวก - ธุรกิจร้านอาหารที่ถูกคัดเลือกจัดอันดับดาวมิชลิน และได้ตีพิมพ์ในคู่มือ มิชลิน ไกด์ กรุงเทพฯ จะช่วยให้ร้านอาหารต่างๆ มียอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 50-100% จากการที่นักท่องเที่ยว(โพสต์ทูเดย์, 08/12/2017)
(+) งานมอเตอร์เอ๊กซ์โปมีผลตอบรับที่ดี - ประธานจัดงานมหกรรม มอเตอร์ เอ็กซ์โป เปิดเผยว่า ยอดจองรถยนต์ภายในงานระหว่างวันที่ 29 พ.ย.-6 ธ.ค. อยู่ที่ 18,579 คัน เติบโตขึ้น 27.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของการจัดงานครั้งก่อนหน้า จากปัจจัยผู้ประกอบการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และช่วงวันหยุดยาว (โพสต์ทูเดย์, 08/12/2017)
(+) มาตรการอัดฉีดเพิ่มเติมในเดือนนี้ - ภาครัฐจะมีการขออนุมัติ 10 โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในเดือนนี้ ซึ่งจะเน้นไปที่การช่วยเหลือเอสเอ็มอี โดยมีมาตรการที่น่าสนใจได้แก่ แพคเกจส่งเสริมด้านการเงิน ประกอบด้วย 3 กองทุน ซึ่งวงเงินเดิมเสนอไว้ที่ 7 หมื่นล้านบาทแต่การประชุมครั้งนี้รองนายกฯได้สั่งให้เพิ่มเป็น 9 หมื่นล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ, 08/12/2017)
(+) กระตุ้นเอกชนใช้สิทธิภาษีลงทุน - โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คลังต้องการเร่งให้เอกชนลงทุนในช่วงเดือนสุดท้ายของปี 2560 เนื่องจากสามารถนำรายจ่ายไปหักลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า ซึ่งที่ผ่านมายังมีเอกชนมาใช้สิทธิน้อย (โพสต์ทูเดย์, 08/12/2017)
หุ้นที่จะเข้าร่วมงาน Opportunity Day ในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ได้แก่ GOLD, CHEWA, BIZ, ALLA, TBSP
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
BBL(ราคาปิด 205.00) เรายังคงชอบกลุ่มแบงก์ ซึ่งมองว่าเป็นกลุ่มที่จะสามารถเคลื่อนไหวไปตามสภาวะตลาด โดยเรามองว่า BBL จะได้รับผลบวกจากตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น …. นอกจากนี้เรายังมองว่าภาพรวมสินเชื่อใน 4Q17 มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการเข้าสู่ช่วงของการเบิกจ่ายของสินเชื่อรายใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับโครงการภาครัฐ …. KTBST คาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 33,140 ล้านบาท (+4% YoY) และเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 36,743 ล้านบาท (+11% YoY) นอกจากนี้ BBL ยังได้ผลบวกจากการเป็นพันธมิตรกับ AIA ขายประกันผ่าน 1,200 สาขา ซึ่งจะเริ่มออกผลิตภัณฑ์แรกในช่วงกลางปี 2018 …. (ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 222.00 บาท)
CPALL(ราคาปิด 74.00) CPALL เป็นหุ้นที่น่าสนใจทั้งจากคาดการณ์ยอดขายที่เพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล และได้รับผลบวกจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สูงขึ้นและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้น .... เราคาดว่า CPALL จะสามารถเติบโตได้ดีต่อเนื่องในช่วง 4Q17 จากการที่ภาคบริโภคอยู่ในระดับสูงตามเทศกาล และมาตรการการจากภาครัฐมีส่วนในการกระตุ้นสนับสนุน เช่น ช็อปช่วยชาติ …. KTBST คาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 19,467 ล้านบาท (+17% YoY) และปี 2018 ที่ 22,388 ล้านบาท (+15% YoY) โดยเราคาดว่าบริษัทจะสามารถเติบโตได้อย่างต่ำปีละ 700 สาขา และจะสามารถถึงเป้าหมาย 13,000 สาขาได้ในปี 2021 .... (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 84.00 บาท)
THANI(ราคาปิด 9.15) เรามองว่ามาตรการโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐที่จะมีมากขึ้นและการขยายตัวด้านธุรกิจขนส่งในอนาคตจะช่วยส่งผลบวกให้ยอดสินเชื่อรถบรรทุก.ซึ่ง THANI มีสัดส่วนรายได้สูงที่ 70% ได้รับผลบวก .... KTBST คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติปี 2017 ที่ 1,119 ล้านบาท (+27% YoY) และปี 2018 ที่ 1,401 ล้านบาท (+24% YoY) …. (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 11.00 บาท)
ANAN(ราคาปิด 5.95) แม้ผลการดำเนินงานช่วง 3Q17 จะอ่อนตัวลงแต่เรามองว่าการเติบโตในช่วง 4Q17 จะกลับมาโดดเด่นเนื่องจากคาดว่าจะมีรายได้จากการโอนโครงการคอนโดเพิ่มขึ้นมาก ทั้งจากโครงการใหม่ที่โอนต่อเนื่องจาก 3Q17 และในงวด 4Q17 จะมีโครงการคอนโดใหม่ที่เริ่มโอนอีกถึง 6 โครงการ .... KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 1,743 ล้านบาท (+12% YoY) และปี 2018 ที่ 2,094 ล้านบาท (+20% YoY) .... (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 6.70 บาท)
PTTGC*(ราคาปิด 81.00) เรามองว่า PTTGC มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นต่อได้ จากการเก็งกำไรของนักลงทุนที่มองว่า Spread ปิโตรเคมียังอยู่แนวโน้มที่ดี ราคา Ethylene และ HDPE สัปดาห์ล่าสุด ปรับขึ้น 0.4% และ 1.6% ตามลำดับ อีกทั้ง ค่าการกลั่นน้ำมันลดลง แต่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น เมื่อเทียบกับ 3Q-17…….. PTTGC มีแผนการขยายกำลังการผลิตในอนาคตอีกด้วย .... Bloomberg คาดการณ์กำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 34,997 ล้านบาท (+37% YoY) และปี 2018 ที่ 34,799 ล้านบาท (-1% YoY) …. (ราคาเหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 89.26 บาท)
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
(+) AMATA AMATA ประกอบธุรกิจพัฒนาที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกเป็นหลัก ส่งผลให้ได้รับอานิสงส์จากโครงการ EEC สูง โดยเราคาดว่าบริษัทจะสามารถขายที่ดินได้เพิ่มขึ้นในปี 2017-2018 ที่ 515 และ 564 ไร่ เพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดในปี 2016 ที่ 451 ไร่ ภายใต้ราคาที่ดินเฉลี่ยที่เราคาดว่าจะดีขึ้น กอปรกับรายได้ประจำจากการให้บริการสาธารณูปโภคทั้งน้ำ, ไฟฟ้า, ภูมิทัศน์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของอัตราการให้บริการ และการเปิดดำเนินงานของโรงไฟฟ้าใหม่อีก 3 โรงในปี 2018 โดยรวมเราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2017-2018 อยู่ที่ 1.5 และ 1.8 พันล้านบาท ขยายตัวที่ 25% และ 23% ตามลำดับ
เราเริ่มต้นให้คำแนะนำเป็น "ซื้อ" ตามจำนวนที่ดินที่ขาย และกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น โดยเราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิระยะยาวที่ CAGR ปี 2018-2020 เฉลี่ย 22% เราจึงให้ราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 30.00 บาท อิงวิธี SOTP
(+) Commerce การจับจ่ายใช้สอยมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย.สูงสุดรอบ 33 เดือนที่ 78.0 โดยการฟื้นตัวขึ้นของยอดขายของสาขาเดิมของกลุ่ม (same store sale growth-SSSG) จากติดลบ -5% ใน 2Q17 มาเป็น +4.7%ใน 3Q17 เราเลือก BEAUTY เป็น top pick ของกลุ่ม จากความแข็งแกร่งของยอดขายที่จะยังมีการเติบโตได้ต่อเนื่องดีกว่ากลุ่ม การขยายสาขาในต่างประเทศ รวมถึง SSSG ที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่ CPALL สามารถบริหาร SSSG ได้อย่างค่อนข้างมั่นคง โดยส่วนใหญ่จะมีการเติบโตจะอยู่ในแดนบวก และมีโอกาสน้อยที่ SSSG จะติดลบ รวมถึงความสามารถในการขยายสาขาได้ต่อเนื่อง
เรายังคงน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มค้าปลีก เป็น Overweight โดยมองว่าภาพรวมกำไรใน 4Q17 และปี 2018 จะมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง เราคงแนะนำ ซื้อ BEAUTY โดยราคาเป้าหมาย DCF ปี 2018 ที่ 24.00 บาท และ CPALL โดย DCF ปี 2018 ราคาเป้าหมายที่ 79.00 บาท
Source: KTBST Research
Analyst : Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447
+662 648 1127
[email protected]
OO3308
Sector / Stock Updates
(+) AMATA AMATA ประกอบธุรกิจพัฒนาที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกเป็นหลัก ส่งผลให้ได้รับอานิสงส์จากโครงการ EEC สูง โดยเราคาดว่าบริษัทจะสามารถขายที่ดินได้เพิ่มขึ้นในปี 2017-2018 ที่ 515 และ 564 ไร่ เพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดในปี 2016 ที่ 451 ไร่ ภายใต้ราคาที่ดินเฉลี่ยที่เราคาดว่าจะดีขึ้น กอปรกับรายได้ประจำจากการให้บริการสาธารณูปโภคทั้งน้ำ, ไฟฟ้า, ภูมิทัศน์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของอัตราการให้บริการ และการเปิดดำเนินงานของโรงไฟฟ้าใหม่อีก 3 โรงในปี 2018 โดยรวมเราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2017-2018 อยู่ที่ 1.5 และ 1.8 พันล้านบาท ขยายตัวที่ 25% และ 23% ตามลำดับ
เราเริ่มต้นให้คำแนะนำเป็น "ซื้อ" ตามจำนวนที่ดินที่ขาย และกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น โดยเราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิระยะยาวที่ CAGR ปี 2018-2020 เฉลี่ย 22% เราจึงให้ราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 30.00 บาท อิงวิธี SOTP
(+) Commerce การจับจ่ายใช้สอยมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย.สูงสุดรอบ 33 เดือนที่ 78.0 โดยการฟื้นตัวขึ้นของยอดขายของสาขาเดิมของกลุ่ม (same store sale growth-SSSG) จากติดลบ -5% ใน 2Q17 มาเป็น +4.7%ใน 3Q17 เราเลือก BEAUTY เป็น top pick ของกลุ่ม จากความแข็งแกร่งของยอดขายที่จะยังมีการเติบโตได้ต่อเนื่องดีกว่ากลุ่ม การขยายสาขาในต่างประเทศ รวมถึง SSSG ที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่ CPALL สามารถบริหาร SSSG ได้อย่างค่อนข้างมั่นคง โดยส่วนใหญ่จะมีการเติบโตจะอยู่ในแดนบวก และมีโอกาสน้อยที่ SSSG จะติดลบ รวมถึงความสามารถในการขยายสาขาได้ต่อเนื่อง
เรายังคงน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มค้าปลีก เป็น Overweight โดยมองว่าภาพรวมกำไรใน 4Q17 และปี 2018 จะมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง เราคงแนะนำ ซื้อ BEAUTY โดยราคาเป้าหมาย DCF ปี 2018 ที่ 24.00 บาท และ CPALL โดย DCF ปี 2018 ราคาเป้าหมายที่ 79.00 บาท
Source: KTBST Research
Analyst : Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447
+662 648 1127
[email protected]
OO3308