WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily 07-12-17

SET INDEX
1694.39 -3.22 (-0.19) // Vol. 65,468
  ยืน 1690 จุดได้ระยะสั้นมีโอกาสดีดกลับแต่ในกรอบจำกัด
  กรอบการเคลื่อนที่ 1688-1700
  ดัชนีวานนี้มีทิศทางปรับตัวลงต่อ ซึ่งจะเห็นว่าดัชนีไม่แกว่งตัวต่ำกว่า 1700 จุด โดยมีจุดสูงสุดที่ 1696 จุด ขณะที่มี  Low 1686 จุด ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมายืนทำปิด 1694 จุด ระหว่างวันดัชนีแกว่งตัวหลุด 1690 จุดหรือหลุดกรอบสามเหลี่ยม ถึงแม้จะสามารถกลับขึ้นมายืนภายในกรอบได้อีกครั้ง แต่มีสัญญาณเตือนในเชิงลบจาก MACD ที่ตัด Zero Line ลงมาในวันแรก ทำให้ดัชนีมีความเสี่ยงที่จะหลุดกรอบดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามระยะสั้นมีสัญญาณบวกจาก Bullish Divergence ทำให้มีการดีดกลับแต่ในกรอบที่จำกัด
แนวรับ 1680-1688
แนวต้าน 1698-1703

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell

" เล่นรอข่าวบวก "
          ทิศทางตลาดหุ้นไทย : ตลาดยังคงขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ มีแรงขายทำกำไรเข้ามากดดันตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศ ที่พลิกมาขายหุ้นในตลาดหุ้นเอเซียอีกครั้งเมื่อวานนี้ ......  ปัจจัยต่างประเทศ ที่มีความคลุมเครือ ในเรื่องกฎหมายปฎิรูปภาษีของสหรัฐฯ  ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ...  ปัจจัยในประเทศ นักลงทุนกำลังรอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลำดับถัดไปจากรัฐบาล แต่สมาตรการใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะไปมีผลปีหน้า  ด้านค่าเงินบาท ที่แข็งค่าขึ้น ล่าสุด32.6 บาท/ดอลล่าร์ จะมีผลลบต่อหุ้นกลุ่มส่งออกของไทย ในเรื่องของกำไร 4Q-17 …. วันนี้ จะมีหุ้น IPO เข้ามาทำการซื้อขายวันแรก คือ THG  (IPO 85 ล้านหุ้น ; ราคาจอง @38 ; Market Cap. ณ ราคาจอง 3.2 หมื่นล้านบาท ; ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST 46-48 บาท )  แต่คาดการซื้อขายอาจไม่คึกคักเหมือน GULF เนื่องจากมีขนาดที่เล็กกว่าและอยู่ในกลุ่มโรงพยาบาล ที่ไม่ร้อนแรงเหมือนหุ้นผู้ผลิตไฟฟ้าที่กำลังอยู่ในความสนใจของนักลงทุนในเวลานี้
          กลยุทธ์การลงทุน : ตลาดอยู่ในช่วงของการปรับฐาน  และยังคงเล่นในกรอบที่แคบลงตามลำดับ    ....  กลยุทธ์ลงทุน ยังแนะนำให้ทำทั้งฝั่งขายหุ้นที่ราคาขึ้นมามาก (เทียบกับราคาที่เหมาะสมของหุ้น โดยเลือกขายหุ้นที่มี upside เหลือน้อย)  ด้านฝั่งซื้อ ควรเลือกเป็นรายตัว เน้นเก็งกำไรช่วงสั้น เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่จะเล่นในลักษณะ stock rotation คือหมุนวนหุ้นเล่นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆเข้ามาในตลาด 
          หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน :   สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ TKN,   AOT , TMILL
          หุ้นแนะนำทางเทคนิค :  DTAC, PTL, WHA    
          * เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(IPO) THG เตรียมเติบโตก้าวกระโดดจากโครงการใหญ่ รายได้แตะหมื่นล้านในปี 2019
(+) HTECH โรงงานใหม่เปิดแล้วตามกำหนดการในเดือน ธ.ค.
(+) SENA คาดกำไรสุทธิ 4Q17 โดดเด่นมีลุ้นทำสถิติสูงสุดใหม่
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด                                                                 
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (6 ธ.ค.) - ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,694.39 จุด ลดลง 3.22 จุด หรือ -0.19% มูลค่าการซื้อขาย 65,468.38 ล้านบาท ตลาดปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ยังคงมีแรงเทขายจากนักลงทุนต่างชาติซึ่งมีสถานะเป็นขายสุทธิที่ 3,329 ล้านบาท
ตลาดหุ้นต่างประเทศ - ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,140.91 จุด ลดลง  39.73 จุด หรือ -0.16% โดยมีแรงกดดันทั้งจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง และการที่ ปธน. ทรัมป์ รองรับตั้งเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล .... แต่ด้านตลาดหุ้นยุโรป Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง -0.19% ปิดที่ 386.74 จุด
ราคาน้ำมันดิบ - สัญญาน้ำมันดิบ WTI  ปรับตัวลง 1.66 ดอลลาร์ หรือ -2.9% ปิดที่ 55.96 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA แปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้วที่ระดับ 6.78 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 220.9 ล้านบาร์เรล  อย่างไรก็ตามสต็อกน้ำมันดิบได้ปรับตัวลดลง 5.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 448.4 ล้านบาร์เรล
ปัจจัยต่างประเทศ
(-) การเมืองสหรัฐฯ - ปัจจัยต่างประเทศมีประเด็นลบจากการที่ ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศรับรองอย่างเป็นทางการให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล พร้อมกับเปิดเผยแผนการย้ายสถานทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลม ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
(+) ตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดี - ตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาค่อนข้างดี โดยการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง
(+) ร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีทรัมป์ - นักลงทุนกำลังติดตามการความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในสภาคองเกรสของสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าโอกาสที่รัฐสภาสหรัฐจะลงมติอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับสุดท้ายเพื่อให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามประกาศบังคับใช้นั้น มีค่อนข้างสูง
ปัจจัยในประเทศ :
(+) ลดภาษีเที่ยวไทย -  นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จะหารือร่วมกับกระทรวงการคลังเพื่อออกมาตรการด้านภาษีให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและคนไทย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการวางแผนท่องเที่ยวภายในประเทศตลอดปี 2561 โดยยังไม่มีการระบุมูลค่า (โพสต์ทูเดย์, 07/12/2017)
(+)  เศรษฐกิจไทย-  ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวได้เกิน 4% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง และพื้นฐานของไทยเข้มแข็งจากมาตรการดูแลเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลดำเนินการมา
(-)  ส่งออก -  อียูแบล็กลิสต์ 17 ประเทศเลี่ยงภาษี ขึ้นบัญชีจับตามองอีก 47 ชาติ รวมถึงไทย
หุ้นที่จะเข้าร่วมงาน Opportunity Day ในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ได้แก่ DRT, BTW, PPM, AIT, TKT, GOLD, CHEWA, BIZ, ALLA, TBSP
Stock in Focus
หุ้น              เหตุผล
TKN(ราคาปิด 21.70)  เราแนะนำ TKN ต่อเนื่องจากวันก่อน ซึ่งปริมาณการซื้อขายยังคงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง .... เรามองว่าปัญหาเรื่องโรงงานใหม่ที่มีปัญหาในด้าน operation จะเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นในช่วงไตรมาส 4 นี้ ซึ่งจะส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรจากประเด็นดังกล่าว  อีกทั้งการขยายตลาดไปยังต่างประเทศยังส่งผลบวกต่อ TKN ....  KTBST คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติปี 2017 ที่ 664 ล้านบาท (-15% YoY) จากราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายจากโรงงานใหม่ ซึ่งคาดว่าปีนี้จะเป็นจุดต่ำสุดของบริษัท และจะสามารถเติบโตได้ในปี 2018 ที่ 949 ล้านบาท (+43% YoY) …. (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 28.00 บาท)
AOT(ราคาปิด 61.50)  เรามองว่า AOT จะได้รับผลบวกจากปริมาณนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามามากในช่วงปลายปี อีกทั้งเรายังมองว่าการที่ ดร.สมคิดเข้ารับตำแหน่ง รมว. ท่องเที่ยวนั้น ได้ส่งผลบวกต่อภาพการท่องเที่ยวไทยซึ่งคาดการณ์ว่าจะได้เห็นมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวต่างๆในอนาคตเข้ามาอีกมาก …. KTBST คาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 25,352 ล้านบาท (+23% YoY) และปี 2018 ที่ 28,770 ล้านบาท (+14% YoY) …. (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 70.00 บาท)
TMILL(ราคาปิด 5.50)   เรามองว่า TMILL ได้รับผลบวกจากสองประเด็นทั้งจากค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่าอยู่และราคาข้าวสาลีที่ปรับตัวลดลงมา   .... KTBST คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 ที่ 118 ล้านบาท (+70% YoY) และ ปี 2018 ที่ 134 ล้านบาท (+14% YoY) จากการขยายตลาดไปยังภูมิภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ การติดตั้งหุ่นยนต์ลดคค่าใช้จ่าย นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนการเติบโตระยะยาวจากการทำ M&A เพื่อขยายไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแป้งสาลีอีกด้วย ….  (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 7.50 บาท)
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
          THG บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด หรือ THG ประกอบธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ได้แก่ รพ.ธนบุรี และ รพ.ธนบุรี 2 รวมทั้งยังมี รพ.ในเครือที่ไปลงทุนตามต่างจังหวัดอีก 3 แห่ง และในจีนอีก 1 แห่ง รวมทั้งยังมี รพ.ในเมียนมาร์อีก 1 แห่งที่กำลังออกแบบก่อสร้างให้ ซึ่ง THG จะซื้อหุ้นลงทุนในอนาคต สำหรับโครงการในอนาคต THG จะเติบโตโดดเด่นมากในปี 2019 จากโครงการ JIN Wellbeing County ที่อยู่อาศัยซึ่งพร้อมด้วยบริการทางการแพทย์แบบครบวงจร คาดจะทยอยโอนในปี 2018 - 2020 และโรงพยาบาล ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ ธนบุรี (ถนน บำรุงเมือง) ที่จะเปิดในปี 2018 ซึ่งจะช่วยให้ รพ.หลักรับผู้ป่วยอาการหนักได้มากขึ้น โดยราคาเหมาะสมในปี 2018 เราประเมินไว้ที่ 46 -48 บาท
          (+) HTECH จากการเยี่ยมชมโรงงานแห่งใหม่ของ HTECH บริษัทฯ ได้เดินเครื่องผลิตโดยเครื่องจักรใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามกำหนดการในเดือนธันวาคม และผู้บริหารให้ความมั่นใจว่าคำสั่งซื้อที่ล่าช้าออกไปจะกลับเข้ามาใน 1Q18 โดยเครื่องจักรที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ HTECH มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นราว 30 - 40% ของกำลังการผลิตเดิม นอกจากนี้ HTECH ยังมีการทำ R&D เพื่อเพิ่มคุณภาพสินค้าให้ดีขึ้น เราคาดว่าจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตามค่าเสื่อมราคาใน 4Q17 เราคาดว่าจะเพิ่มเข้ามาประมาณ 4 ล้านบาท และปีหน้าจะเพิ่มขึ้นไตรมาสละประมาณ 12 ล้านบาท โดยเรายังคงประมาณการกำไรสุทธิในปี 2017 ที่ 160 ล้านบาท เติบโต 35% YoY และกำไรสุทธิในปี 2018 ที่ 223 ล้านบาท เติบโต 40% YoY  คงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเหมาะสม 14.40 บาท
          (+) SENA ยอด Presales งวด 9M17 อยู่ที่ 3,563 ล้านบาท และหากรวมถึงเดือน 11M17 สามารถทำยอด Presales ได้แล้วถึง 5,700 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายปี 2017 ที่ SENA คาดไว้ที่ 4,600 ล้านบาท เนื่องจากโครงการ Niche Mono Sukhumvit-Bearing ที่เปิดขายในงวดปลายเดือน ก.ย.2017 ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ด้านกำไรสุทธิ 4Q17 คาดจะทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ที่ 452 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 341% YoY และ 198% QoQ จากยอด Backlog ที่สูง ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากโครงการ Niche Pride Petchaburi เรายังคงแนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 4.70 บาท ปัจจุบันราคาหุ้นยังไม่แพงคิดเป็น PER ราว 6 เท่า และคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลต่อปีราว 5.3%
Source: KTBST Research
         
Analyst :   Mongkol Puangpetra
          License No: 001937  
          +662 648 1123
          [email protected]
          Nontapat Rushtasomboon
          License No: 081447  
          +662 648 1127
          [email protected]
OO3268

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!