- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 07 December 2017 16:37
- Hits: 1840
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
การฟื้นตัวของตลาดยังอ่อนแรง เพิ่มความระวังในการเก็งกำไรและจำกัดความเสี่ยง
ภาพรวมยังคงถูกกดดันจากปัจจัยลบภายนอกและการปรับฐานของราคาน้ำมันดิบ ประเด็นความตึงเครียดในตะวันออกกลาง รวมถึงการพิจารณาร่างงบประมาณ (Spending Bill) ของสหรัฐฯที่จะถึงกำหนดเส้นตายในวันพรุ่งนี้ (8 ธ.ค.) ซึ่งเชื่อว่าจะมีการผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดทำการของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องต่อไปได้ ดัชนี SET Index ฟื้นตัวทางเทคนิค แต่ไม่สามารถกลับไปเหนือ 1700 จุด และหุ้นหลายตัวมีสัญญาณอ่อนแรง ทำให้ต้องเพิ่มความระวังต่อ downside ของตลาดในระยะสั้น รวมทั้งเพิ่มความระวังต่อการเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่อ่อนแอกว่าตลาด โดยนักลงทุนควรกำหนดจุดตัดขาดทุนเพื่อจำกัดความเสี่ยง หรือแบ่งขายเพิ่มการถือเงินสดบางส่วนในกรณีดัชนีปรับลงต่ำกว่า 1690 จุด
Investment Theme 1) หุ้นใหญ่พลังงาน-ปิโตร PTT, PTTEP, PTTGC, IVL, IRPC 2) การลงทุน EEC และโครงสร้างพื้นฐาน AMATA, TICON*, WHA*, PYLON, SEAFCO*, TCJ*, CRANE* 3) หุ้นที่ยังมีการถือครองน้อย อาทิ PRM*, SSP* 4) การบริโภคฟื้นตัว CPALL, ROBINS, TK 5) หุ้นเก็งกำไรที่น่าสนใจ DEMCO*, TVO*, EA*, TU, IVL
ภาพรวมกลยุทธ์: ตลาดการแกว่งตัวในกรอบ 1690-1720 แต่แสดงอาการอ่อนกำลัง ทำให้อาจมี downside พักฐานต่ำกว่านั้น (1650-1670 จุด) กลยุทธ์ลดขนาดการเก็งกำไร และเน้นเลือกหุ้นรายตัว (selective buy) ขนาดใหญ่ // หุ้นแนะนำ PTTGC, SCB, MILL*
แนวรับ 1690 / แนวต้าน : 1705 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
การฟื้นตัวของตลาดยังอ่อนแรง เพิ่มความระวังในการเก็งกำไรและจำกัดความเสี่ยง
ภาพรวมยังคงถูกกดดันจากปัจจัยลบภายนอกและการปรับฐานของราคาน้ำมันดิบ ประเด็นความตึงเครียดในตะวันออกกลาง รวมถึงการพิจารณาร่างงบประมาณ (Spending Bill) ของสหรัฐฯที่จะถึงกำหนดเส้นตายในวันพรุ่งนี้ (8 ธ.ค.) ซึ่งเชื่อว่าจะมีการผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดทำการของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องต่อไปได้ ดัชนี SET Index ฟื้นตัวทางเทคนิค แต่ไม่สามารถกลับไปเหนือ 1700 จุด และหุ้นหลายตัวมีสัญญาณอ่อนแรง ทำให้ต้องเพิ่มความระวังต่อ downside ของตลาดในระยะสั้น รวมทั้งเพิ่มความระวังต่อการเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่อ่อนแอกว่าตลาด โดยนักลงทุนควรกำหนดจุดตัดขาดทุนเพื่อจำกัดความเสี่ยง หรือแบ่งขายเพิ่มการถือเงินสดบางส่วนในกรณีดัชนีปรับลงต่ำกว่า 1690 จุด
Investment Theme 1) หุ้นใหญ่พลังงาน-ปิโตร PTT, PTTEP, PTTGC, IVL, IRPC 2) การลงทุน EEC และโครงสร้างพื้นฐาน AMATA, TICON*, WHA*, PYLON, SEAFCO*, TCJ*, CRANE* 3) หุ้นที่ยังมีการถือครองน้อย อาทิ PRM*, SSP* 4) การบริโภคฟื้นตัว CPALL, ROBINS, TK 5) หุ้นเก็งกำไรที่น่าสนใจ DEMCO*, TVO*, EA*, TU, IVL
ภาพรวมกลยุทธ์: ตลาดการแกว่งตัวในกรอบ 1690-1720 แต่แสดงอาการอ่อนกำลัง ทำให้อาจมี downside พักฐานต่ำกว่านั้น (1650-1670 จุด) กลยุทธ์ลดขนาดการเก็งกำไร และเน้นเลือกหุ้นรายตัว (selective buy) ขนาดใหญ่ // หุ้นแนะนำ PTTGC, SCB, MILL*
แนวรับ 1690 / แนวต้าน : 1705 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
ประเด็นการลงทุน
โภคภัณฑ์ – ราคาน้ำมันปรับตัวลงหลังถูกกดดันจากสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว / ราคาโลหะทรงตัวในระดับต่ำ, ทองแดงเริ่มทรงตัวหลังปรับตัวลงในวันอังคารจากความวิตกว่าเศรษฐกิจจีนอาจชะลอตัวลงในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า *มองเป็นจิตวิยาเชิงบวกต่อ KCE / ค่าระวางเรือ (BDI) ปิดที่ 1,670 จุด (+0.24%) / ถ่านหิน Newcastle ปิดที่ 97.1 เหรียญฯต่อตัน (+0.57%)
จีนเล็งปรับเพิ่มการเข้มงวดตลาดการเงินให้มากขึ้น - โดยจะมีบทลงโทษที่รุนแรงขึ้นสำหรับกิจกรรมผิดกฎหมายในตลาดและการดำเนินการที่ไม่รอบคอบ จี้กลุ่มธนาคารพาณิชย์แก้ปัญหาความเสี่ยงทางการเงินให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะความเสี่ยด้านสภาพคล่อง *ผลลัพธ์คือจะทำให้ปริมาณเงินในระบบลดลงและส่งผลเชิงลบต่อราคาสินทรัพย์ทางการเงิน
ทรัมป์ก่อไฟความขัดแย้งในตะวันออกกลาง – ความตึงเครียดในตะวันออกกลางเริ่มก่อตัวขึ้นหลังสหรัฐฯรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล พร้อมเตรียมประกาศแผนย้ายสถานเอกอัครราชทูตอเมริกันจากกรุงเทลอาวีฟไปยังนครเยรูซาเลมด้วย ซึ่งนับเป็นการแทรกแซงและโหมกระพือไฟแห่งความขั้ดแย้งระหว่างสองชาติให้มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น
กกร.-สรท. มองส่งออกไทยปี 60 อาจโตได้ถึง 9% – คาดการส่งออกไทยปี 60 อาจขยายตัวได้ถึง 9% อย่างไรก็ตามยังคงให้ความกังวลถึงประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศต่างๆ รวมถึงค่าเงินบาทที่ค่อนข้างแข็งค่าเร็วเกินไปซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อการค้าระหว่างประเทศในระยะต่อไป ขณะที่ สรท.คาดการส่งออกในปี 61 ขยายตัว 5%
GULF (Not rated) – ผู้นำการผลิตไฟฟ้า IPP และ SPP ที่มีกำลังกการผลิต 1,280MW และ 500MW และจะเพิ่มเป็น 4,780MW และ 1,128MW ในปี 2567 หากประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2561 จะอยู่ที่ 53-60 บาท ด้วย valuation ที่สะท้อนปัจจัยบวกพอสมควรทำให้อัพไซด์อาจเหลือไม่มาก การปรับขึ้นใกล้กรอบบนป็นโอกาสในการขายทำกำไรและลดน้ำหนักการถือครอง
ประเด็นติดตาม: 7 ธ.ค. TH – ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, 8 ธ.ค. CN – ดุลการค้า, US – ตัวเลขการจ้างงาน
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่SET10ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
โภคภัณฑ์ – ราคาน้ำมันปรับตัวลงหลังถูกกดดันจากสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว / ราคาโลหะทรงตัวในระดับต่ำ, ทองแดงเริ่มทรงตัวหลังปรับตัวลงในวันอังคารจากความวิตกว่าเศรษฐกิจจีนอาจชะลอตัวลงในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า *มองเป็นจิตวิยาเชิงบวกต่อ KCE / ค่าระวางเรือ (BDI) ปิดที่ 1,670 จุด (+0.24%) / ถ่านหิน Newcastle ปิดที่ 97.1 เหรียญฯต่อตัน (+0.57%)
จีนเล็งปรับเพิ่มการเข้มงวดตลาดการเงินให้มากขึ้น - โดยจะมีบทลงโทษที่รุนแรงขึ้นสำหรับกิจกรรมผิดกฎหมายในตลาดและการดำเนินการที่ไม่รอบคอบ จี้กลุ่มธนาคารพาณิชย์แก้ปัญหาความเสี่ยงทางการเงินให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะความเสี่ยด้านสภาพคล่อง *ผลลัพธ์คือจะทำให้ปริมาณเงินในระบบลดลงและส่งผลเชิงลบต่อราคาสินทรัพย์ทางการเงิน
ทรัมป์ก่อไฟความขัดแย้งในตะวันออกกลาง – ความตึงเครียดในตะวันออกกลางเริ่มก่อตัวขึ้นหลังสหรัฐฯรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล พร้อมเตรียมประกาศแผนย้ายสถานเอกอัครราชทูตอเมริกันจากกรุงเทลอาวีฟไปยังนครเยรูซาเลมด้วย ซึ่งนับเป็นการแทรกแซงและโหมกระพือไฟแห่งความขั้ดแย้งระหว่างสองชาติให้มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น
กกร.-สรท. มองส่งออกไทยปี 60 อาจโตได้ถึง 9% – คาดการส่งออกไทยปี 60 อาจขยายตัวได้ถึง 9% อย่างไรก็ตามยังคงให้ความกังวลถึงประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศต่างๆ รวมถึงค่าเงินบาทที่ค่อนข้างแข็งค่าเร็วเกินไปซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อการค้าระหว่างประเทศในระยะต่อไป ขณะที่ สรท.คาดการส่งออกในปี 61 ขยายตัว 5%
GULF (Not rated) – ผู้นำการผลิตไฟฟ้า IPP และ SPP ที่มีกำลังกการผลิต 1,280MW และ 500MW และจะเพิ่มเป็น 4,780MW และ 1,128MW ในปี 2567 หากประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2561 จะอยู่ที่ 53-60 บาท ด้วย valuation ที่สะท้อนปัจจัยบวกพอสมควรทำให้อัพไซด์อาจเหลือไม่มาก การปรับขึ้นใกล้กรอบบนป็นโอกาสในการขายทำกำไรและลดน้ำหนักการถือครอง
ประเด็นติดตาม: 7 ธ.ค. TH – ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, 8 ธ.ค. CN – ดุลการค้า, US – ตัวเลขการจ้างงาน
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่SET10ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)