- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 06 December 2017 17:23
- Hits: 3311
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
คาด SET Index แกว่งตัว Sideways
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : คาดตลาดหุ้นไทยแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,690-1,710แม้มีปัจจัยหนุนจากกองทุน LTF-RMF ในช่วงนี้ แต่นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย ประกอบกับเริ่มเห็นการขายทำกำไรในตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังจากปรับตัวขึ้นมาแรงรับข่าวการผ่านกฎหมายปฎิรูปภาษีของ Trump โดยมีประเด็นที่น่าจับตามองได้แก่ ความเสี่ยงในการปิดทำการของหน่วยงานรัฐ (Government Shutdown) ของสหรัฐฯ ในวันจันทร์หน้า หากกฎหมายงบประมาณไม่ผ่าน ด้านกลยุทธ์การลงทุนในวันนี้เน้นหุ้นกลุ่มที่เป็นเป้าหมายของกองทุน LTF-RMF ได้แก่ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีและกลุ่มธนาคาร เราชอบ BBL, TCAP, TMB หรือกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวอย่าง TU, IVL, EPG ที่ได้ประโยชน์จากกฎหมายปฎิรูปภาษีของสหรัฐฯ โดยเราเลือก TU เป็น Pick of the day ในวันนี้ รวมถึงกลุ่มเดินเรือ ได้แก่ PSL, TTA ที่ดัชนีค่าระวางเรือยังเดินหน้าบวกต่อเนื่อง
Stock Comment
TU ได้รับปัจจัยบวกเข้ามา 2 เรื่อง ได้แก่ (1) ราคาปลาทูน่าที่ต้นทุนการผลิตหลักในเดือน พ.ย. 60 ปรับลดลงเหลือ 2,000 เหรียญฯ ต่อตัน จากเดือนก่อนที่ 2,300 เหรียญฯ ต่อตัน ซึ่งเป็นระดับระดับสูงสุดของปี (2) กิจการของ TU บางส่วน รวมถึงบริษัทย่อย Red Lobster ที่เพิ่งซื้อกิจการ มีฐานการผลิตในสหรัฐฯ คาดว่าจะได้ประโยชน์จากกฎหมายปฎิรูปภาษีของ Trump
TMB คาดกำไรสุทธิกลับมาเติบโตดีในปี 2561 ถึง 22% YoY
TTA ดัชนีค่าระวางเรือเดินหน้าบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 12 และยืนเหนือระดับ 1,600 จุดได้เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือน มี.ค. 57
คาด SET Index แกว่งตัว Sideways
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : คาดตลาดหุ้นไทยแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,690-1,710แม้มีปัจจัยหนุนจากกองทุน LTF-RMF ในช่วงนี้ แต่นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย ประกอบกับเริ่มเห็นการขายทำกำไรในตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังจากปรับตัวขึ้นมาแรงรับข่าวการผ่านกฎหมายปฎิรูปภาษีของ Trump โดยมีประเด็นที่น่าจับตามองได้แก่ ความเสี่ยงในการปิดทำการของหน่วยงานรัฐ (Government Shutdown) ของสหรัฐฯ ในวันจันทร์หน้า หากกฎหมายงบประมาณไม่ผ่าน ด้านกลยุทธ์การลงทุนในวันนี้เน้นหุ้นกลุ่มที่เป็นเป้าหมายของกองทุน LTF-RMF ได้แก่ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีและกลุ่มธนาคาร เราชอบ BBL, TCAP, TMB หรือกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวอย่าง TU, IVL, EPG ที่ได้ประโยชน์จากกฎหมายปฎิรูปภาษีของสหรัฐฯ โดยเราเลือก TU เป็น Pick of the day ในวันนี้ รวมถึงกลุ่มเดินเรือ ได้แก่ PSL, TTA ที่ดัชนีค่าระวางเรือยังเดินหน้าบวกต่อเนื่อง
Stock Comment
TU ได้รับปัจจัยบวกเข้ามา 2 เรื่อง ได้แก่ (1) ราคาปลาทูน่าที่ต้นทุนการผลิตหลักในเดือน พ.ย. 60 ปรับลดลงเหลือ 2,000 เหรียญฯ ต่อตัน จากเดือนก่อนที่ 2,300 เหรียญฯ ต่อตัน ซึ่งเป็นระดับระดับสูงสุดของปี (2) กิจการของ TU บางส่วน รวมถึงบริษัทย่อย Red Lobster ที่เพิ่งซื้อกิจการ มีฐานการผลิตในสหรัฐฯ คาดว่าจะได้ประโยชน์จากกฎหมายปฎิรูปภาษีของ Trump
TMB คาดกำไรสุทธิกลับมาเติบโตดีในปี 2561 ถึง 22% YoY
TTA ดัชนีค่าระวางเรือเดินหน้าบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 12 และยืนเหนือระดับ 1,600 จุดได้เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือน มี.ค. 57
หุ้นเด่นวันนี้ : TU (ราคาปิด 19.10 บาท,"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 23.00 บาท)
TU ได้รับปัจจัยบวกจาก (1) ต้นทุนปลาทูน่าในเดือน พ.ย.60 นี้ ปรับตัวลงเหลือ 2,000 เหรียญฯ ต่อตัน เทียบกับเดือนก่อนที่ 2,300 เหรียญฯ ต่อตัน โดยต้นทุนปลาทูน่าที่เริ่มลดลงน่าจะส่งผลบวกเต็มที่ในไตรมาส 1/61 (2) บริษัทได้รับปัจจัยบวกจากกฎหมายปฏิรูปภาษีของ Trump เนื่องจากมีฐานการผลิตอยู่ในสหรัฐฯ และ (3) รายได้และผลประกอบการของ Red Lobster ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TU มีแนวโน้มเติบโตดีตามภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมทั้งได้รับผลบวกจากกฎหมายปฏิรูปภาษีของ Trump ด้วยเช่นกัน สำหรับกลยุทธ์ของบริษัทจะเน้นการออกสินค้าใหม่ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงที่มียังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงานในปี 2561 เท่ากับ 5.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19%YoY
Price Pattern ของ TU มีความแข็งแกร่งทั้งในระยะสั้นและระยะกลางจากการเกิดทั้ง Daily & Weekly Buy Signal แต่แนวโน้มหลักยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิด Monthly Sell Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ TU มีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 19.70 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 20.70 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ TU มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 18.20 บาท (แนวต้าน: 19.30, 19.50, 20.00; แนวรับ: 18.90, 18.70, 18.20)
TU ได้รับปัจจัยบวกจาก (1) ต้นทุนปลาทูน่าในเดือน พ.ย.60 นี้ ปรับตัวลงเหลือ 2,000 เหรียญฯ ต่อตัน เทียบกับเดือนก่อนที่ 2,300 เหรียญฯ ต่อตัน โดยต้นทุนปลาทูน่าที่เริ่มลดลงน่าจะส่งผลบวกเต็มที่ในไตรมาส 1/61 (2) บริษัทได้รับปัจจัยบวกจากกฎหมายปฏิรูปภาษีของ Trump เนื่องจากมีฐานการผลิตอยู่ในสหรัฐฯ และ (3) รายได้และผลประกอบการของ Red Lobster ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TU มีแนวโน้มเติบโตดีตามภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมทั้งได้รับผลบวกจากกฎหมายปฏิรูปภาษีของ Trump ด้วยเช่นกัน สำหรับกลยุทธ์ของบริษัทจะเน้นการออกสินค้าใหม่ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงที่มียังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงานในปี 2561 เท่ากับ 5.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19%YoY
Price Pattern ของ TU มีความแข็งแกร่งทั้งในระยะสั้นและระยะกลางจากการเกิดทั้ง Daily & Weekly Buy Signal แต่แนวโน้มหลักยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิด Monthly Sell Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ TU มีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 19.70 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 20.70 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ TU มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 18.20 บาท (แนวต้าน: 19.30, 19.50, 20.00; แนวรับ: 18.90, 18.70, 18.20)
ปัจจัยในประเทศ :
เม็ดเงินลงทุนในโรงงานเดือน ต.ค. พุ่งขึ้น 346% YoY คิดเป็นมูลค่ากว่า 8.32 หมื่นล้านบาทสะท้อนถึงการปรับตัวดีขึ้นในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะในภาคตะวันออก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ (ไทยโพสต์)
GULF หุ้นโรงไฟฟ้าใหญ่อันดับ 5 ของไทย เตรียมเริ่มซื้อขายใน SET วันนี้เป็นวันแรกด้วยราคา IPO ที่ 45 บาท ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 4,772 MW และตั้งเป้ากำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 11,125.6 MW ในปี 2567 ราคา IPO ดังกล่าวคิดเป็น P/E ที่ 41.21 เท่า เทียบกับ P/E กลุ่มที่ 23.79 เท่า (ทันหุ้น)
โรงแรม และรีสอร์ทในเครือเซ็นทารากำหนดวิสัยทัศน์ในอีก 5 ปีข้างหน้า : บริษัทมีแผนจะขยายพอร์ตการลงทุนในปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของมูลค่าทรัพย์สิน ที่บริษัทดำเนินการโดยผ่านการลงทุนและข้อตกลงร่วมใหม่ โดยจะเพิ่มโรงแรม และรีสอร์ทที่มีอุปสงค์จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก (Bangkok Post)
เม็ดเงินลงทุนในโรงงานเดือน ต.ค. พุ่งขึ้น 346% YoY คิดเป็นมูลค่ากว่า 8.32 หมื่นล้านบาทสะท้อนถึงการปรับตัวดีขึ้นในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะในภาคตะวันออก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ (ไทยโพสต์)
GULF หุ้นโรงไฟฟ้าใหญ่อันดับ 5 ของไทย เตรียมเริ่มซื้อขายใน SET วันนี้เป็นวันแรกด้วยราคา IPO ที่ 45 บาท ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 4,772 MW และตั้งเป้ากำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 11,125.6 MW ในปี 2567 ราคา IPO ดังกล่าวคิดเป็น P/E ที่ 41.21 เท่า เทียบกับ P/E กลุ่มที่ 23.79 เท่า (ทันหุ้น)
โรงแรม และรีสอร์ทในเครือเซ็นทารากำหนดวิสัยทัศน์ในอีก 5 ปีข้างหน้า : บริษัทมีแผนจะขยายพอร์ตการลงทุนในปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของมูลค่าทรัพย์สิน ที่บริษัทดำเนินการโดยผ่านการลงทุนและข้อตกลงร่วมใหม่ โดยจะเพิ่มโรงแรม และรีสอร์ทที่มีอุปสงค์จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก (Bangkok Post)
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลง (DJ -0.45%, S&P -0.37%, NASDAQ -0.19%) จากการขายทำกำไร รวมถึงการปรับพอร์ตของนักลงทุนไปยังกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากกฎหมายปฏิรูปภาษีมากขึ้น เช่น กลุ่มธนาคาร นอกจากนี้นักลงทุนเริ่มให้ความสำคัญต่อโอกาสในการปิดทำการของภาครัฐ (Government Shutdown) ของสหรัฐฯ ในวันจันทร์หน้า หากสภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณได้ทันภายในสิ้นสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นยุโรปปิดติดลบเล็กน้อย (FTSE -0.16%, DAX -0.08%, CAC -0.26%) โดยนักลงทุนอยู่ระหว่างการพิจารณาข่าว Brexit เพิ่มเติมและรอตัวเลขเศรษฐกิจใหม่ๆ
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลง (DJ -0.45%, S&P -0.37%, NASDAQ -0.19%) จากการขายทำกำไร รวมถึงการปรับพอร์ตของนักลงทุนไปยังกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากกฎหมายปฏิรูปภาษีมากขึ้น เช่น กลุ่มธนาคาร นอกจากนี้นักลงทุนเริ่มให้ความสำคัญต่อโอกาสในการปิดทำการของภาครัฐ (Government Shutdown) ของสหรัฐฯ ในวันจันทร์หน้า หากสภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณได้ทันภายในสิ้นสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นยุโรปปิดติดลบเล็กน้อย (FTSE -0.16%, DAX -0.08%, CAC -0.26%) โดยนักลงทุนอยู่ระหว่างการพิจารณาข่าว Brexit เพิ่มเติมและรอตัวเลขเศรษฐกิจใหม่ๆ
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับขึ้น 0.26% เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าอุปทานจะลดลง ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันอังคารโดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่ยังแข็งแกร่ง การคาดหมายว่าปริมาณน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐจะปรับตัวลดลง และการขยายเวลาในการจำกัดปริมาณการผลิตน้ำมันของ OPEC ในขณะที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากเงินเหรียญสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นหลังผ่านกฎหมายปฎิรูปภาษี โดยราคาทองคำในตลาดจรปิดที่ 1,266.15 เหรียญสหรัฐฯต่อออนซ์ ลดลง -0.78%
ดัชนีค่าระวางเรือ Baltic Dry Index เพิ่มขึ้น 0.24% ปิดที่ 1,666 จุด เป็นบวกต่อ TTA และ PSL
น้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับขึ้น 0.26% เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าอุปทานจะลดลง ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันอังคารโดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่ยังแข็งแกร่ง การคาดหมายว่าปริมาณน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐจะปรับตัวลดลง และการขยายเวลาในการจำกัดปริมาณการผลิตน้ำมันของ OPEC ในขณะที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากเงินเหรียญสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นหลังผ่านกฎหมายปฎิรูปภาษี โดยราคาทองคำในตลาดจรปิดที่ 1,266.15 เหรียญสหรัฐฯต่อออนซ์ ลดลง -0.78%
ดัชนีค่าระวางเรือ Baltic Dry Index เพิ่มขึ้น 0.24% ปิดที่ 1,666 จุด เป็นบวกต่อ TTA และ PSL
Thailand Research Department
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Ms. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Mr. Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Mr. Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 2-2680-5094
OO3208
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Ms. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Mr. Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Mr. Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 2-2680-5094
OO3208