- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 04 December 2017 16:47
- Hits: 5802
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selections >> BEAUTY, GPSC, MINT
Stock S R Comment
BEAUTY 20.50 22.30 ขาช๊อปชาวจีน หนุน SSSG โต
GPSC 55.00 60.00 เตรียม COD โรงไฟฟ้าญี่ปุ่นในกลาง ธ.ค.นี้
MINT 41.50 45.50 รับ High Season ท่องเที่ยว หนุนรายได้โต
Debt ceiling in focus
Debt ceiling : ติดตามการเจรจาต่อรองปรับขึ้นเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ซึ่งการปรับขึ้นเพดานหนี้อาจจะต้องแลกมาด้วยการปรับลดงบประมาณใช้จ่ายบางส่วน และต้องอาศัยเสียงในสภาสูงถึง 60 เสียง หากการเจรจาในสภา Congress มีความล่าช้าและไม่สามารถบรรลุผลได้ทันภายในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ อาจทำให้หน่วยงานราชการของสหรัฐฯบางแห่งต้องปิดทำการชั่วคราว ซึ่งอาจเป็นปัจจัยทำให้ตลาดหุ้นผันผวน โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ
SET50/SET100 : เราได้ทำการคำนวณรอบสุดท้าย (Final draft) สำหรับหุ้นที่มีโอกาสถูกนำเข้า/ตัดออกจากดัชนี SET50 และ SET100 ในรอบถัดไป โดยใช้ข้อมูลถึงวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งคาดตลาดฯจะประกาศผลออกมาในช่วงกลางเดือนนี้ และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 มกราคมปีหน้า มีผลดังนี้
1) หุ้นที่มีแนวโน้มถูกนำเข้าดัชนี SET50 ได้แก่ SAWAD, TPIPP, CENTEL
2) หุ้นที่แนวโน้มถูกถอดออกจากดัชนี SET50 ได้แก่ KCE, PSH, TPIPL
สำหรับทางฝั่งของดัชนี SET100 คาดมีผลดังนี้
1) หุ้นที่มีแนวโน้มถูกนำเข้าดัชนี SET100 ได้แก่ TPIPP, ESSO, HANA, ORI, WHAUP, UV, SGP, STA, PSL, GGC
2) หุ้นที่แนวโน้มถูกถอดออกจากดัชนี SET100 ได้แก่ LHBANK, S, PLANB, THANI, THCOM, MONO, BIG, PTL, MALEE, STPI
Back-test : จากผลการศึกษาของเรานับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมาพบว่า การปรับตัวของราคาหุ้นที่ถูกนำเข้าและถอดออกจากดัชนี SET50 และ SET100 มักจะมีนัยสำคัญเฉพาะในส่วนของ SET50 เท่านั้น โดยมักมีการปรับตัว Outperform ตลาดราว 2.6% ในช่วง 1 เดือนสุดท้ายก่อนวันมีผลบังคับใช้ (ตรงกับช่วงนี้) ดังนั้นใครที่เข้าซื้อเก็งกำไรหุ้น SAWAD, TPIPP และ CENTEL ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนตามที่เราแนะนำไว้ มองว่าสามารถที่จะถือครองไปจนถึงช่วงประมาณปลายเดือนธันวาคมนี้ได้
ในทางกลับกันสำหรับกลุ่มหุ้นที่ถูกตัดออกจากดัชนี SET50 พบว่า มักปรับตัว Underperform ตลาดราว 2.5% ในช่วงเวลาเดียวกัน ดังนั้นจึงยังไม่แนะนำให้รีบเข้าสะสมหุ้น KCE, PSH, TPIPL ในช่วงนี้ ถึงแม้ว่าราคาจะปรับตัวลงมาพอสมควรแล้วก็ตาม แต่ให้รอจังหวะเข้าซื้อในช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่ข่าวร้ายสะท้อนไปในราคาเกือบหมดแล้ว
กลยุทธ์การลงทุน : สำหรับนักลงทุนระยะสั้น แนะนำซื้อขายตามกรอบแนวรับและแนวต้านที่ 1670-1680 และ 1730-1740 จุด ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว หากดัชนีย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับ ให้ใช้เป็นจุดสะสมหุ้นเพื่อถือครองไปขายในช่วงครึ่งแรกของปีหน้าได้ สำหรับกลุ่มที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนหากดัชนีปรับย่อมาที่แนวรับได้แก่
1) กลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งอาจได้ Sentiment เชิงบวกจากการเข้ามาซื้อขายในตลาดของหุ้น GULF เลือก GPSC, TPIPP, WHAUP
2) กลุ่มโรงกลั่น หลังค่าการกลั่นเริ่มยืนได้ที่ระดับ 7 เหรียญฯต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีในสภาวะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวอยู่ในระดับสูงด้วย เลือก BCP, IRPC, SPRC
3) กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ เนื่องจากคาดว่าราคาน้ำมันอาจเริ่มชะลอตัวภายหลังจากการประชุม OPEC เสร็จสิ้นโดยที่มีมติเพียงแค่การขยายระยะเวลาการตรึงกำลังการผลิตออกไป เลือก PRM
แนวรับ 1,691 แนวต้าน 1,710
Today's Event
SFP XD 10.00 บาท
PSTC ลูกหุ้นเข้า 1,000,000,000 หุ้น
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]
OO3171