- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 04 December 2017 16:47
- Hits: 6122
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
เลือกรายตัว: ช่วงรายต่อ (Transition period) ก่อนหุ้นบริโภคในประเทศจะฟื้นชัดเจน
ความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯหลังอดีตที่ปรึกษาฯพรรครีพับลิกันแจ้งให้ความเท็จต่อ FBI เรื่องความสัมพันธ์กับรัสเซียในช่วงการเลือกตั้งฯปีก่อน กลับมากดดันตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง ขณะที่ประเมินทิศทางการเคลื่อนย้ายกระแสเงินทุนระยะสั้นได้ยาก เนื่องจากการลดภาษีบจ.สหรัฐฯที่จะเกิดขึ้นประกอบกับการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่จะเดินหน้าต่ออาจกดดันต่อการปรับพอร์ตและเงินทุนไหลออกในช่วงนี้ อย่างไรก็ตามเรามองการปรับลงเป็นโอกาสในการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และทยอยสะสมหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการบริโภคในประเทศที่จะฟื้นตัวชัดในช่วงถัดไป
Investment Theme 1) หุ้นใหญ่พลังงาน-ปิโตร PTT, PTTEP, PTTGC, IVL, IRPC 2) การลงทุน EEC และโครงสร้างพื้นฐาน AMATA, TICON*, WHA*, PYLON, SEAFCO*, TCJ*, CRANE* 3) หุ้นที่ยังมีการถือครองน้อย อาทิ PRM*, SSP* 4) การบริโภคฟื้นตัว CPALL, ROBINS, TK 5) หุ้นเก็งกำไรที่น่าสนใจ PCSGH*, DEMCO*, STA*
ภาพรวมกลยุทธ์: ข่าวดีระยะสั้นเริ่มหมด ตลาดการแกว่งตัวในกรอบ 1690-1720 และอาจมี downside พักฐานถึง 1670 จุด กลยุทธ์เน้นเลือกหุ้นรายตัว (selective buy) ที่ได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันและตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศที่ขยายตัว ได้แก่ พลังงาน-ปิโตรเคมี, ธนาคาร, ท่องเที่ยว, เช่าซื้อ, ค้าปลีก, นิคมฯ // หุ้นแนะนำ PTT, ERW, BCH, KTB*
แนวรับ 1690 / แนวต้าน : 1705-1710 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
ความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯหลังอดีตที่ปรึกษาฯพรรครีพับลิกันแจ้งให้ความเท็จต่อ FBI เรื่องความสัมพันธ์กับรัสเซียในช่วงการเลือกตั้งฯปีก่อน กลับมากดดันตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง ขณะที่ประเมินทิศทางการเคลื่อนย้ายกระแสเงินทุนระยะสั้นได้ยาก เนื่องจากการลดภาษีบจ.สหรัฐฯที่จะเกิดขึ้นประกอบกับการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่จะเดินหน้าต่ออาจกดดันต่อการปรับพอร์ตและเงินทุนไหลออกในช่วงนี้ อย่างไรก็ตามเรามองการปรับลงเป็นโอกาสในการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และทยอยสะสมหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการบริโภคในประเทศที่จะฟื้นตัวชัดในช่วงถัดไป
Investment Theme 1) หุ้นใหญ่พลังงาน-ปิโตร PTT, PTTEP, PTTGC, IVL, IRPC 2) การลงทุน EEC และโครงสร้างพื้นฐาน AMATA, TICON*, WHA*, PYLON, SEAFCO*, TCJ*, CRANE* 3) หุ้นที่ยังมีการถือครองน้อย อาทิ PRM*, SSP* 4) การบริโภคฟื้นตัว CPALL, ROBINS, TK 5) หุ้นเก็งกำไรที่น่าสนใจ PCSGH*, DEMCO*, STA*
ภาพรวมกลยุทธ์: ข่าวดีระยะสั้นเริ่มหมด ตลาดการแกว่งตัวในกรอบ 1690-1720 และอาจมี downside พักฐานถึง 1670 จุด กลยุทธ์เน้นเลือกหุ้นรายตัว (selective buy) ที่ได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันและตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศที่ขยายตัว ได้แก่ พลังงาน-ปิโตรเคมี, ธนาคาร, ท่องเที่ยว, เช่าซื้อ, ค้าปลีก, นิคมฯ // หุ้นแนะนำ PTT, ERW, BCH, KTB*
แนวรับ 1690 / แนวต้าน : 1705-1710 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
ประเด็นการลงทุน
ส.ว.สหรัฐฯผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี – วุฒิสภาสหรัฐฯมีมติรับรองร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีด้วยคะแนนเสียง 51-49 โดยขั้นตอนต่อไปสภาคองเกรสสหรัฐฯจะต้องรวมร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรเป็นร่างเดียวกัน และให้การอนุมัติ ก่อนที่จะส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามเป็นกฎหมายต่อไป (คาดรู้ผลภายในวันที่ 25 ธ.ค.60) **อย่างไรก็ตามเรามองว่านักลงทุนลดความคาดหวังต่อประเด็นดังกล่าวลงหลังเกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ ส่งผลดีต่อ IVL, TU และ EPG เป็นต้น
เงินเฟ้อไทยขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 - ดัชนีเงินเฟ้อ (CPI) เดือน พ.ย.60 ขยายตัว 0.99% yoy และ 0.07% mom ยอด 11 เดือน (11M/60) ขยายตัว +0.66% yoy // ดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ขยายตัว 0.61% yoy และ 0.06% mom ยอด 11 เดือน (11M/60) ขยายตัว 0.55% yoy; โดยเป็นผลมาจากการ ปรับขึ้นของราคาน้ำมันและบุหรี่เป็นสำคัญ
ดัชนีความเชื่อมั่นปรับดีขึ้นเกือบทุกด้าน ยกเว้นต้นทุน – ธปท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน พ.ย. ที่ระดับ 51.3 ดีขึ้นเล็กน้อยจาก 50.6 ในเดือน ต.ค. องค์ประกอบปรับดีขึ้นเกือบทุกด้าน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจที่พักแรมและบริการด้านอาหาร จากการเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยว (ยืนเหนือระดับ 50 เป็นเดือนที่ 7) แต่ด้านต้นทุนปรับลดลง
ท่องเที่ยวยังคงแข็งแกร่ง – AOT เผยว่าระหว่างวันที่ 29 ต.ค.60 – 24 มี.ค.61 ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (High Season) ของประเทศไทย โดยคาดว่าจะมีผู้เดินทางผ่านท่าอากาศยานเพิ่มขึ้น 22.2% yoy มองเป็นบวกต่อ ERW, MINT
แก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำ – นายกฯเน้นย้ำถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำ โดยขณะนี้ได้เร่งรัดให้หน่วยงานของรัฐฯบริโภคยางภายในปะเทศให้มากขึ้น พร้อมเจรจากับกลุ่มผู้ผลิตยางรายใหญ่ของโลกทั้งมาเลเซียและอินโดนีเซียเพื่อผลักดันให้ราคายางกลับเข้าสู่ระดับที่เหมาะสม มองเป็นบวกต่อ STA, TRUBB
ประเด็นติดตาม: 5 ธ.ค. US – ดุลการค้า, 7 ธ.ค. TH – ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, 8 ธ.ค. CN – ดุลการค้า, US – ตัวเลขการจ้างงาน
ส.ว.สหรัฐฯผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี – วุฒิสภาสหรัฐฯมีมติรับรองร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีด้วยคะแนนเสียง 51-49 โดยขั้นตอนต่อไปสภาคองเกรสสหรัฐฯจะต้องรวมร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรเป็นร่างเดียวกัน และให้การอนุมัติ ก่อนที่จะส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามเป็นกฎหมายต่อไป (คาดรู้ผลภายในวันที่ 25 ธ.ค.60) **อย่างไรก็ตามเรามองว่านักลงทุนลดความคาดหวังต่อประเด็นดังกล่าวลงหลังเกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ ส่งผลดีต่อ IVL, TU และ EPG เป็นต้น
เงินเฟ้อไทยขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 - ดัชนีเงินเฟ้อ (CPI) เดือน พ.ย.60 ขยายตัว 0.99% yoy และ 0.07% mom ยอด 11 เดือน (11M/60) ขยายตัว +0.66% yoy // ดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ขยายตัว 0.61% yoy และ 0.06% mom ยอด 11 เดือน (11M/60) ขยายตัว 0.55% yoy; โดยเป็นผลมาจากการ ปรับขึ้นของราคาน้ำมันและบุหรี่เป็นสำคัญ
ดัชนีความเชื่อมั่นปรับดีขึ้นเกือบทุกด้าน ยกเว้นต้นทุน – ธปท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน พ.ย. ที่ระดับ 51.3 ดีขึ้นเล็กน้อยจาก 50.6 ในเดือน ต.ค. องค์ประกอบปรับดีขึ้นเกือบทุกด้าน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจที่พักแรมและบริการด้านอาหาร จากการเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยว (ยืนเหนือระดับ 50 เป็นเดือนที่ 7) แต่ด้านต้นทุนปรับลดลง
ท่องเที่ยวยังคงแข็งแกร่ง – AOT เผยว่าระหว่างวันที่ 29 ต.ค.60 – 24 มี.ค.61 ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (High Season) ของประเทศไทย โดยคาดว่าจะมีผู้เดินทางผ่านท่าอากาศยานเพิ่มขึ้น 22.2% yoy มองเป็นบวกต่อ ERW, MINT
แก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำ – นายกฯเน้นย้ำถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำ โดยขณะนี้ได้เร่งรัดให้หน่วยงานของรัฐฯบริโภคยางภายในปะเทศให้มากขึ้น พร้อมเจรจากับกลุ่มผู้ผลิตยางรายใหญ่ของโลกทั้งมาเลเซียและอินโดนีเซียเพื่อผลักดันให้ราคายางกลับเข้าสู่ระดับที่เหมาะสม มองเป็นบวกต่อ STA, TRUBB
ประเด็นติดตาม: 5 ธ.ค. US – ดุลการค้า, 7 ธ.ค. TH – ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, 8 ธ.ค. CN – ดุลการค้า, US – ตัวเลขการจ้างงาน
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่SET10ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)