- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 30 November 2017 17:01
- Hits: 935
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> เก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัวในแดนบวกได้ดีเกือบตลอดทั้งวันตามคาดก่อนที่ชั่วโมงซื้อขายสุดท้ายจะมีแรงขายออกมาและกดดัชนีให้ปิดลบ 1.19 จุด ณ สิ้นวัน นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 1,618 ลบ.แต่ยัง Net Long ใน Index Futures 6,600 สัญญา (ราว 1,300 ลบ.) ขณะที่สถาบันในประเทศยังซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 3,203 ลบ.ในตลาดหุ้นและ Net Long ใน Index Futures 5,840 สัญญา (ราว 1,200 ลบ.)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways แม้ตัวเลข GDP 3Q17 คาดการณ์ครั้งที่ 2 จะออกมาดีกว่าตลาดคาด รวมถึงการบรรลุข้อตกลงระหว่างอังกฤษและ EU เรื่องวงเงินค่า Brexit แต่ตลาดให้น้ำหนักกับการประชุม OPEC และการโหวตผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของวุฒิสภาสหรัฐฯ ขณะที่การปรับน้ำหนักของ MSCI รอบใหม่มีผลบังคับใช้วันนี้อาจทำให้ตลาดผันผวนในระยะสั้น เราคาดว่าหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวน่าจะ Outperform ตลาดและจังหวะอ่อนตัวยังน่าสนใจในการสะสมหุ้นพื้นฐานดี
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : CPALL, CPN, EKH, MINT, SYNEX
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคติดต่อกันเป็นวันที่ 4 และเป็นเม็ดเงินที่หนาแน่น US$824 ล้าน ส่วนใหญ่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$522 ล้าน และไต้หวัน US$220 ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$50ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนยังมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากความกังวลเรื่องเกาหลีเหนือและการโหวตปฏิรูปภาษีของหรัฐ
กลยุทธ์วันนี้ >> เก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัวในแดนบวกได้ดีเกือบตลอดทั้งวันตามคาดก่อนที่ชั่วโมงซื้อขายสุดท้ายจะมีแรงขายออกมาและกดดัชนีให้ปิดลบ 1.19 จุด ณ สิ้นวัน นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 1,618 ลบ.แต่ยัง Net Long ใน Index Futures 6,600 สัญญา (ราว 1,300 ลบ.) ขณะที่สถาบันในประเทศยังซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 3,203 ลบ.ในตลาดหุ้นและ Net Long ใน Index Futures 5,840 สัญญา (ราว 1,200 ลบ.)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways แม้ตัวเลข GDP 3Q17 คาดการณ์ครั้งที่ 2 จะออกมาดีกว่าตลาดคาด รวมถึงการบรรลุข้อตกลงระหว่างอังกฤษและ EU เรื่องวงเงินค่า Brexit แต่ตลาดให้น้ำหนักกับการประชุม OPEC และการโหวตผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของวุฒิสภาสหรัฐฯ ขณะที่การปรับน้ำหนักของ MSCI รอบใหม่มีผลบังคับใช้วันนี้อาจทำให้ตลาดผันผวนในระยะสั้น เราคาดว่าหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวน่าจะ Outperform ตลาดและจังหวะอ่อนตัวยังน่าสนใจในการสะสมหุ้นพื้นฐานดี
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : CPALL, CPN, EKH, MINT, SYNEX
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคติดต่อกันเป็นวันที่ 4 และเป็นเม็ดเงินที่หนาแน่น US$824 ล้าน ส่วนใหญ่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$522 ล้าน และไต้หวัน US$220 ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$50ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนยังมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากความกังวลเรื่องเกาหลีเหนือและการโหวตปฏิรูปภาษีของหรัฐ
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> PT <<
Valuation น่าสนใจจนเราต้องกลับมาแนะนำซื้ออีกครั้ง ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 8.80 บาท โดยราคาปัจจุบันคิดเป็น PE2018 เพียง 10 เท่า บนสมมติฐานคาดกำไรสุทธิ +10% Y-Y อยู่ที่ 187 ลบ. ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มและตัวเองในอดีตที่ 13 เท่า ทั้งที่กำไรโตเฉลี่ยไม่ต่างกัน และ ROE สูง 22% มากกว่ากลุ่มที่ 12% เกือบเท่าตัว
กำไรสุทธิ 4Q17 มีลุ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 69 ลบ. +48% Q-Q จากงานในมือที่มีมากกว่า 800 ลบ. และการเร่งปิดงานของกลุ่มลูกค้าซึ่งทั้งหมดคือภาคเอกชน เพื่อนำค่าใช้จ่ายด้านไอทีไปหักภาษี 1.5 เท่า
การเร่งลงทุนด้านไอทีของแบงก์ใหญ่เป็นบวกกับ PT โดยตรง เพราะมีพอร์ตลูกค้าสถาบันการเงินมากสุดในกลุ่ม SI ถึง 37% ของรายได้รวม ซึ่งปีหน้าคาดว่ามีเม็ดเงินลงทุนรวมกันถึง 2 หมื่นลบ.
Valuation น่าสนใจจนเราต้องกลับมาแนะนำซื้ออีกครั้ง ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 8.80 บาท โดยราคาปัจจุบันคิดเป็น PE2018 เพียง 10 เท่า บนสมมติฐานคาดกำไรสุทธิ +10% Y-Y อยู่ที่ 187 ลบ. ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มและตัวเองในอดีตที่ 13 เท่า ทั้งที่กำไรโตเฉลี่ยไม่ต่างกัน และ ROE สูง 22% มากกว่ากลุ่มที่ 12% เกือบเท่าตัว
กำไรสุทธิ 4Q17 มีลุ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 69 ลบ. +48% Q-Q จากงานในมือที่มีมากกว่า 800 ลบ. และการเร่งปิดงานของกลุ่มลูกค้าซึ่งทั้งหมดคือภาคเอกชน เพื่อนำค่าใช้จ่ายด้านไอทีไปหักภาษี 1.5 เท่า
การเร่งลงทุนด้านไอทีของแบงก์ใหญ่เป็นบวกกับ PT โดยตรง เพราะมีพอร์ตลูกค้าสถาบันการเงินมากสุดในกลุ่ม SI ถึง 37% ของรายได้รวม ซึ่งปีหน้าคาดว่ามีเม็ดเงินลงทุนรวมกันถึง 2 หมื่นลบ.
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) GDP 3Q17 ของสหรัฐที่ประกาศ +3.3% ดีกว่าที่ตลาดคาด มาจากการใช้จ่ายภาครัฐเป็นหลัก แต่การบริโภคภาคเอกชนยังค่อนข้างอ่อนแอ ขณะที่ Beige Book รายงานว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวปานกลาง ยังมีภาพของความเปราะบางให้เห็น การปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราเร่งไม่น่าเกิดขึ้น ตลาดคาดเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม 13-14 ธ.ค. นี้ และอีก 3 ครั้งในปีหน้า
(0) JKN เข้าซื้อขายวันแรก ราคา IPO 8.00 บาท จำนวน 140 ลบ. โดย JKN ถือเป็นผู้ให้บริการและจำหน่ายลิขสิทธิคอนเทนต์ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจมานาน มีจุดเด่นตรงที่ลิขสิทธิ์ Content ของบริษัทฯ หลายรายการเป็นสิทธิ์ที่ได้รับจากผู้สร้างที่มีชื่อเสียงระดับสากล ที่บริษัทฯ ได้รับสิทธิ์ผูกขาดการขายแต่ผู้เดียวในประเทศและหรือในประเทศเพื่อนบ้าน และได้อานิสงค์จากจำนวนช่องทีวีเพิ่มขึ้นและความนิยมคอนเทนต์ออนไลน์ คาดกำไรปี 2017 โต 30.7% และปี 2018 โตอีก 22.2% จากการเติบโตต่อเนื่องของธุรกิจหลัก เราประเมินมูลค่าตามพื้นฐานปี 2018 ที่ 11.50 บาท อิง PE 24 เท่า (FSS เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น JKN)
(0) TMB เราปรับราคาเป้าหมายปี 2018 ขึ้นเป็น 3.20 บาท โดยอิง Justified PBV ที่ 1.45 เท่า และ Long Term ROE ที่ 12% เพื่อสะท้อนแผนระยะยาวของธนาคาร ซึ่งเรามองเป็นบวกและคาดว่าเป็นแผนงานที่เป็นไปได้ เราคาดว่า TMB จะมีกำไรเติบโตเฉลี่ยปีละ 12-14% ตั้งแต่ปี 2018-2022 และคาดการณ์ ROE ขึ้นไปที่ 11.8-12% จาก 10% ในปี 2017 คงคำแนะนำซื้อ
(+) BCH เรายังคงคำแนะนำซื้อในฐานะ Top Pick ของกลุ่ม ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 18.30 บาท โดยคาดกำไร 4Q17 ยังมีโมเมนตัมที่ดีและอาจมี Upside เพิ่มจากการปรับค่างวดการจ่ายเงินในส่วนค่าภาระเสี่ยง ขณะที่การเติบโตในปีหน้า จะมาจากทั้งรายได้ที่โตจากผลบวกของการปรับเพิ่มการจ่ายเงินประกันสังคมเต็มปี รายได้ผู้ป่วยเงินสดที่เร่งตัวขึ้นตาม GDP และผลบวกหลัง Renovation เพิ่มขีดความสามารถในการรักษา ส่วนอัตรากำไรก็คาดว่าจะขยายตัวจากผลของ Operating Leverage เราคาดกำไรปกติปี 2017-2018 โตเฉลี่ยสูง 16.3% ต่อปี
(+) MBAX ราคา LDPE ที่เป็นต้นทุนหลักอ่อนตัวราว 3% จากจุดสูงสุดใน ต.ค. 17 เหลือ 1,250 ดอลล่าร์สหรัฐฯต่อตัน และยอดส่งออกถุงและกระสอบพลาสติก ต.ค. 17 กลับมาโต Y-Y ครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เมื่อผนวกกับสายการผลิตที่ไม่มีปิดซ่อมเหมือน 3Q17 ทำให้เรายังคาดว่าจะเห็นการฟื้นกลับเร็วของกำไรใน 4Q17 โดยเบื้องต้นคาดไว้ที่ 18-20 ลบ. เพิ่มขึ้นสูง 30-40% ทั้ง Q-Q และ Y-Y ยังคงแนะนำซื้อ ในฐานะหุ้นปันผลสูง 8-9% ต่อปี ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 6.50 บาท ทั้งนี้ อีกมุมมองหนึ่งคือ ราคา MBAX ยังขึ้นช้ากว่า THIP ที่ทำธุรกิจคล้ายกัน โดยในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา THIP ขึ้น 1% แต่ MBAX ลง 6%
(0) GDP 3Q17 ของสหรัฐที่ประกาศ +3.3% ดีกว่าที่ตลาดคาด มาจากการใช้จ่ายภาครัฐเป็นหลัก แต่การบริโภคภาคเอกชนยังค่อนข้างอ่อนแอ ขณะที่ Beige Book รายงานว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวปานกลาง ยังมีภาพของความเปราะบางให้เห็น การปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราเร่งไม่น่าเกิดขึ้น ตลาดคาดเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม 13-14 ธ.ค. นี้ และอีก 3 ครั้งในปีหน้า
(0) JKN เข้าซื้อขายวันแรก ราคา IPO 8.00 บาท จำนวน 140 ลบ. โดย JKN ถือเป็นผู้ให้บริการและจำหน่ายลิขสิทธิคอนเทนต์ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจมานาน มีจุดเด่นตรงที่ลิขสิทธิ์ Content ของบริษัทฯ หลายรายการเป็นสิทธิ์ที่ได้รับจากผู้สร้างที่มีชื่อเสียงระดับสากล ที่บริษัทฯ ได้รับสิทธิ์ผูกขาดการขายแต่ผู้เดียวในประเทศและหรือในประเทศเพื่อนบ้าน และได้อานิสงค์จากจำนวนช่องทีวีเพิ่มขึ้นและความนิยมคอนเทนต์ออนไลน์ คาดกำไรปี 2017 โต 30.7% และปี 2018 โตอีก 22.2% จากการเติบโตต่อเนื่องของธุรกิจหลัก เราประเมินมูลค่าตามพื้นฐานปี 2018 ที่ 11.50 บาท อิง PE 24 เท่า (FSS เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น JKN)
(0) TMB เราปรับราคาเป้าหมายปี 2018 ขึ้นเป็น 3.20 บาท โดยอิง Justified PBV ที่ 1.45 เท่า และ Long Term ROE ที่ 12% เพื่อสะท้อนแผนระยะยาวของธนาคาร ซึ่งเรามองเป็นบวกและคาดว่าเป็นแผนงานที่เป็นไปได้ เราคาดว่า TMB จะมีกำไรเติบโตเฉลี่ยปีละ 12-14% ตั้งแต่ปี 2018-2022 และคาดการณ์ ROE ขึ้นไปที่ 11.8-12% จาก 10% ในปี 2017 คงคำแนะนำซื้อ
(+) BCH เรายังคงคำแนะนำซื้อในฐานะ Top Pick ของกลุ่ม ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 18.30 บาท โดยคาดกำไร 4Q17 ยังมีโมเมนตัมที่ดีและอาจมี Upside เพิ่มจากการปรับค่างวดการจ่ายเงินในส่วนค่าภาระเสี่ยง ขณะที่การเติบโตในปีหน้า จะมาจากทั้งรายได้ที่โตจากผลบวกของการปรับเพิ่มการจ่ายเงินประกันสังคมเต็มปี รายได้ผู้ป่วยเงินสดที่เร่งตัวขึ้นตาม GDP และผลบวกหลัง Renovation เพิ่มขีดความสามารถในการรักษา ส่วนอัตรากำไรก็คาดว่าจะขยายตัวจากผลของ Operating Leverage เราคาดกำไรปกติปี 2017-2018 โตเฉลี่ยสูง 16.3% ต่อปี
(+) MBAX ราคา LDPE ที่เป็นต้นทุนหลักอ่อนตัวราว 3% จากจุดสูงสุดใน ต.ค. 17 เหลือ 1,250 ดอลล่าร์สหรัฐฯต่อตัน และยอดส่งออกถุงและกระสอบพลาสติก ต.ค. 17 กลับมาโต Y-Y ครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เมื่อผนวกกับสายการผลิตที่ไม่มีปิดซ่อมเหมือน 3Q17 ทำให้เรายังคาดว่าจะเห็นการฟื้นกลับเร็วของกำไรใน 4Q17 โดยเบื้องต้นคาดไว้ที่ 18-20 ลบ. เพิ่มขึ้นสูง 30-40% ทั้ง Q-Q และ Y-Y ยังคงแนะนำซื้อ ในฐานะหุ้นปันผลสูง 8-9% ต่อปี ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 6.50 บาท ทั้งนี้ อีกมุมมองหนึ่งคือ ราคา MBAX ยังขึ้นช้ากว่า THIP ที่ทำธุรกิจคล้ายกัน โดยในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา THIP ขึ้น 1% แต่ MBAX ลง 6%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
30 พ.ย.- จีน: PMI ภาคการผลิต (พ.ย.)
- OPEC: ประชุมเพื่อขยายกรอบเวลาควบคุมการผลิตน้ำมัน
- ไทย: ตัวเลขเศรษฐกิจของ ธปท., MSCI รอบใหม่มีผลบังคับใช้, JKN เข้าซื้อขายวันแรก ราคา IPO 8.00 บาท
1 ธ.ค.- สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต (พ.ย.)
- ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ย.)
5 ธ.ค.- ออสเตรเลีย: ประชุมธนาคารกลาง
- สหรัฐฯ: ดุลการค้า (ต.ค.)
6 ธ.ค.- สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนADP (พ.ย.)
7 ธ.ค.- สหรัฐฯ: ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
8 ธ.ค.- ญี่ปุ่น: 3Q17GDP ครั้งสุดท้าย
- จีน: ดุลการค้า (พ.ย.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดบวกขานรับตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ที่ขยายตัวมากกว่าคาด และ แข็งแกร่งสุดในรอบ 3 ปี อีกทั้ง รายงาน Beige book ของเฟดยังระบุถึงมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจ
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกจากแรงหนุนในกลุ่มธนาคารหลังว่าที่ประธานเฟดแสดงวิสัยทัศน์ที่จะผ่อนคลายกฎระเบียบของตลาดเงิน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนเฝ้าจับตากระบวนการ Brexit ที่อังกฤษอาจต้องจ่ายเงิน 6 หมื่นล้านยูโร
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดค่อนไปทางลบสวนทางตลาดโลก แม้จีนและเกาหลีใต้จะประกาศตัวเลขข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ปรับตัว sideway ในกรอบแคบ ล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 32.55-32.59 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. ปิดลบ 0.69 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 57.30 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความไม่มั่นใจผลการประชุมโอเปกโดยเฉพาะท่าทีของรัสเซีย อีกทั้ง EIA ยังระบุตัวเลขสต๊อกน้ำมันสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดมาก กดดันให้ราคาน้ำมันปิดลบต่อแม้ตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบจะลดลงมากกว่าคาดก็ตาม
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดลบ 0.13 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,286.20 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยมีแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัยเนื่องจากตลาดหุ้นที่พุ่งขึ้นหลังตัวเลข GDP สหรัฐไตรมาส 3 ขยายตัวแข็งแกร่งสุดในรอบ 3 ปี
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO3034
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO3034