WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

“ยังอยู่ในโมเมนตัมบวกถ้ายืนเหนือ 1550 ได้”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : SIRI (ซื้อ ปรับจากถือ)
       ภาพตลาดวันก่อน : เมื่อวานนี้ดัชนีอยู่ในกรอบ 1559-1570 จุด ปิดตลาดค่อนมาแนวล่างที่ 1564.58 (+4.41 จุด) โดยหุ้นขนาดเล็กถูกขายทำกำไรออกมาหรือชะลอการซื้อขาย เพราะมีกระแสข่าวว่าในช่วงนี้ทางการจะติดตามดูความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่ผิดปกติ ส่วนหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานดียังขยับขึ้นต่อได้ โดยเฉพาะในธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ และวัสดุก่อสร้างอย่าง SCC นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1.5 พันล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 409 ล้านบาท พอร์ตบล.และรายย่อยขายสุทธิ
ปัจจัยและกลยุทธ์ : ในประเทศติดตามการตั้งคณะรัฐมนตรีและการเดินหน้าของรัฐบาลตามโรดแมป ซึ่งขณะนี้ถือว่าไปได้อย่างต่อเนื่อง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนใน 2H57 และปี 58 เป็นปัจจัยหนุนการลงทุน ทั้งนี้จากรายงานการส่งออกเดือนก.ค.ของกระทรวงพาณิชย์ เราเห็นสัญญาณการส่งออกที่ดีขึ้นของบางอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเกษตร, อิเลคทรอนิกส์, ยานยนต์ & ชิ้นส่วน ซึ่งหุ้นเด่นในกลุ่มดังกล่าวเป็นGFPT, KCE, SVI, DELTA, SAT เป็นต้น

      ปัจจัยภายนอกที่จับตา คือ การประชุม ECB สัปดาห์หน้า ว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ หลังจากมีสัญญาณว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนชะลอตัวลงในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐยังไปได้ดี แม้ว่าภาคที่อยู่อาศัยจะยังค่อนข้างเปราะบาง เศรษฐกิจเอเชียเติบโตเฉลี่ยในอัตราสูงกว่าภูมิภาคที่พัฒนาแล้ว ทำให้ยังคงมี Fund Flow ไหลเข้ามาลงทุนในเอเชียต่อ รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย อย่างไรก็ตาม ดัชนีและราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมามากก็ทำให้มีการแกว่งหรือผันผวนมากขึ้น หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อวันนี้เป็น DELTA
       กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบหรือการอ่อนตัวที่ต่ำกว่า 1550 จุด ควรชะลอการเก็งกำไร/ลดพอร์ตตามในกรณีที่มีหุ้นมากเหลือเงินสดอยู่น้อย เพราะดัชนีมีโอกาสอ่อนไปยัง 1520 จุดหรือต่ำกว่า ส่วนการปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1570, 1580 จุด สำหรับหุ้นที่คาดว่าราคามีโอกาสทำ New High เมื่อพิจารณาจากสัญญาณทางเทคนิค คือ THREL, HMPRO, MINT, CENTEL, MAJOR, MDX, VGI, VIH, DELTA,FORTH, PACE, PPM, GENCO ส่วนหุ้นที่แนะนำไปและอยู่ในพื้นที่น่า Take Profit (สำหรับการลงทุนรอบสั้น) คือ GLOBAL, MALEE, SEAOIL,PTG

Fundamental Pick
DELTA แนะนำซื้อราคาปิด 65 บาท เป้าหมาย 67 บาท(Under Review)
      * เราคาดว่า กำไรสุทธิจะไปสูงสุดใน 3Q57 เนื่องจากลูกค้ากลับมาสั่งซื้อสินค้าเพื่อสะสมเป็นสต็อคเพิ่มขึ้น โดย DELTA ได้มีการเปลี่ยนแปลงสินค้าประเภท data center เป็น platform ใหม่ใน 3Q57 ส่วนกำไรงวดปี 58 เราคาดว่ากำไรจะมีการเติบโต 13% โดยมีสินค้าประเภท telecompower เป็นดาวเด่น สืบเนื่องจากมีการขยาย base station เป็นจำนวนมากที่อินเดียและประเทศในกลุ่ม emerging อื่นๆ นอกจากนี้เราเห็นการขยายในส่วน infrastructure coverageของการสื่อสาร สำหรับ 4G-LTE ในยุโรปตะวันออกระหว่างปี 58-59 ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ ก.ค.57 ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 67 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 58 ที่ 13 เท่า

ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
- เยอรมนี : ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.ลดลง
       * สถาบันวิจัย GfK ระบุว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเยอรมนีในเดือนก.ย.ลดลงสู่ระดับ 8.6 จาก8.9 ในเดือนส.ค. โดยเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี 56 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 9.0

• ตลาดหุ้นสหรัฐ : แกว่งในกรอบแคบ
       * ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,122.01 จุด เพิ่มขึ้น 15.31 จุด, +0.09% ดัชนีNASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,569.62 จุด ลดลง 1.02 จุด, -0.02% ดัชนีS&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดวันทำการล่าสุดที่ 2,000.12 จุด เพิ่มขึ้น 0.10 จุด, +0.00% นักลงทุนกำลังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในคืนวันพฤหัสบดีนี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ประมาณการครั้งที่ 2 จีดีพีช่วงไตรมาส 2/57 และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ค.57

• สัญญาน้ำมันดิบ : ปิดทรงๆ
     * สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ ปิดที่ 93.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ ปิดที่102.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
      * EIA รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 ส.ค. ร่วงลง 2.1 ล้านบาร์เรล แตะ 360.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 900,000 บาร์เรล

• สัญญาทองคำ COMEX : อ่อนลงเล็กน้อย
      * สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.8ดอลลาร์ หรือ 0.14% ปิดที่ 1,283.4 ดอลลาร์/ออนซ์

ปัจจัยในประเทศ & หุ้นรายบริษัท
       •/- มูลค่าส่งออกเดือนก.ค.หดตัว 0.85%YoYและ 7M57 ลดลง 0.42%YoY แต่มีบางกลุ่มที่ส่งออกดีขึ้น เช่น อุตสาหกรรมเกษตร,อิเลคทรอนิกส์, ยานยนต์และชิ้นส่วน เป็นต้น
       * กระทรวงพาณิชย์ยังคงเป้าหมายการเติบโตของส่งออกในปี 57 ที่ 3.5% หากช่วงเวลาที่เหลือตั้งแต่เดือนส.ค.-ธ.ค.57 ยังสามารถส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละ 20,980 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่หากสามารถส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละ 20,027 ล้านเหรียญสหรัฐ จะทำให้การส่งออกปีนี้ขยายตัวได้ 1.9% และหากสามารถส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จะทำให้การส่งออกปีนี้ขยายตัวได้ 1.4% แต่มั่นใจว่าการส่งออกในปีนี้จะขยายตัวไม่ติดลบแน่นอน
      * มูลค่าส่งออกในเดือนก.ค.57 หดตัว 0.85%YoY เป็น 18,896.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หลักๆมาจากการส่งออกน้ำมันและทองคำที่ลดลง ขณะที่การนำเข้าลดลง 2.86%YoY เป็น 19,998.3ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุล 1,102.1 ล้านเหรียญสหรัฐ
      * การส่งออกช่วง 7M57 มีมูลค่ารวม 131,600.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 0.42%YoY การนำเข้ามีมูลค่ารวม 132,466.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 12.49%YoY ส่งผลให้ดุลการค้าระหว่างประเทศช่วงดังกล่าวขาดดุลรวม 865.5 ล้านเหรียญสหรัฐ
      * แต่...สินค้าหลายรายการปรับตัวดีขึ้น เช่น สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรที่ขยายตัว1.0% (ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2), สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัว 3.6% (ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3), กลุ่มยานพาหนะและส่วนประกอบเติบโต 10.3% (ขยายตัวเป็นเดือนที่ 2) และเม็ด&ผลิตภัณฑ์พลาสติกขยายตัว 10% เป็นต้น
* สินค้าที่ยังปรับตัวลดลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบที่หดตัว 10.9% จากการชะลอตัวจากคำสั่งซื้อที่ลดลงในตลาดออสเตรเลีย ญี่ปุ่นอินโดนีเซีย และอินเดีย เนื่องจากผ่านพ้นฤดูร้อนไปแล้ว, แผงวงจรไฟฟ้าที่หดตัว 5.5%,ผลิตภัณฑ์ยางลดลง 2.0% จากการที่ตลาดสำคัญอย่างสหรัฐหันไปนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้น
      * กลยุทธ์การลงทุน เรายังมีมุมมองที่เป็นบวกกับกลุ่มอิเลคทรอนิกส์ โดยเห็นว่าผู้ประกอบการหลักมีการปรับตัวทางธุรกิจได้ดี มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ตามความต้องการของตลาด มีการปรับ Product Mixed ทำให้มาร์จิ้นอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง หุ้นเด่น คือ KCE (ราคาพื้นฐาน 47บาท) SVI (ราคาพื้นฐาน 5 บาท) และ DELTA (ราคาพื้นฐาน 67 บาท-Under Review)นอกจากนั้นเห็นว่าหุ้นกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนก็น่าสนใจเลือกซื้อสะสมเพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยคาดว่าผลประกอบการของกลุ่มนี้จะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในปี 58 หลังจากที่อุปสงค์และอุปทานในประเทศเข้าสู่ภาวะสมดุล และส่งออกไปต่างประเทศได้มากขึ้นตามการเติบโตของเศรษฐกิจโลก หุ้นเด่น คือ SAT (ราคาพื้นฐาน 22.50 บาท) สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร มองว่ายังไปได้ดี โดยเฉพาะในส่วนของการส่งออกไก่ ซึ่งได้อานิสงค์จากการที่ไทยสามารถส่งออกไก่แช่แข็งไปญี่ปุ่นได้ตั้งแต่ต้นปี 57 และ McDonald’s ญี่ปุ่นไม่นำเข้าไก่จากจีนแล้วหันมานำเข้าจากไทยแทน หุ้นที่เราชอบ คือ GFPT (ราคาพื้นฐาน 19.10 บาท)

+ ธปท.เชื่อเศรษฐกิจไทยปี 58 จะเติบโตได้ 5.5%
     * นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปี58 มีโอกาสเติบโตได้ถึง 5.5% จากฐานต่ำและการลงทุนที่อั้นมาจากปีนี้ สำหรับไตรมาส 3-4ของปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ 3-4% ทำให้ทั้งปีเติบโตได้ราว 2%
      * ปัญหาหนี้ครัวเรือนเริ่มชะลอลง แม้ปัจจุบันระดับหนี้สินภาคครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูงถึง 83%ของจีดีพี แต่ก็เริ่มชะลอตัวลงจากกลางปี 56 และสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อต่างๆ มีความระมัดระวังมากขึ้นทำให้การขยายสินเชื่อในภาคครัวเรือนน้อยกว่าในอดีต แต่ปัจจัยที่ยังต้องติดตามคือ หนี้ภาคต่างประเทศที่อาจถูกกระทบจากความผันผวนของค่าเงินภาคเอกชน ถือว่าเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระบบได้
* ผู้ว่าการธปท.ยืนยันว่าการบริหารประเทศโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ไม่ได้สร้างแรงกดดันต่อการทำงานของ ธปท.แต่อย่างใด

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!