- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 22 November 2017 17:03
- Hits: 2964
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“มีลุ้นแนวต้าน 1720-1730”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยปิดอ่อนลงเล็กน้อย (-2 จุดปิดที่ 1712.38) ตลาดปรับขึ้นในช่วงแรก โดยขึ้นไปสูงสุด 1718.80 แล้วก็ถอยลงด้วยแรงขายทำกำไร อย่างไรก็ดี กลุ่มท่องเที่ยวยังยืนบวกได้เพราะเข้าสู่ช่วง High season ใน 4Q และ 1Q รวมทั้งมีลุ้นว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม ซึ่งตามข่าวคือ การให้นำการท่องเที่ยวเมืองรองในปี 61 มาลดหย่อนภาษีได้ 3 หมื่นบาท/คน/ปี แต่ก็ยังไม่ได้สรุปอย่างเป็นทางการ เพราะอยู่ระหว่างการหารือของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง แต่ก็เป็น Positive Upside ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว สำหรับหุ้นเด่นในกลุ่มนี้เป็น AOT (ราคาพื้นฐาน 65 บาท), MINT (ราคาพื้นฐาน 50 บาท) และเราให้ทั้งสองบริษัทนี้เป็นหุ้น Weekly Picks สำหรับช่วง 22-28 พ.ย.ด้วย
สำหรับปัจจัยภายนอก น้ำหนักเป็นบวก โดยดัชนี DJIA ทำ New High หลังทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะมอบการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ เป็นของขวัญสำหรับชาวอเมริกันในวันคริสต์มาสปีนี้ และรมว.คลังสหรัฐก็มั่นใจว่าร่างกฎหมายปฎิรูปจะโหวตผ่านวุฒิสภา ขณะที่ราคาน้ำมันดิบขยับบวกได้จากความหวังว่ากลุ่มโอเปกจะหนุนให้ขยายเวลาลดการผลิตปอีก 9 เดือนไปสิ้นสุดสิ้นปี 61 ในการประชุมทางการวันที่ 30 พ.ย.นี้
# AOT : ระยะสั้นมีปัจจัยหนุนจากปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น คาดปี 60/61 (สิ้นสุดก.ย.61) จะโตอย่างน้อย 5% ระยะกลางมีรายได้ค่าเช่าที่จะเพิ่มขึ้นหลังเปิดประมูลพื้นที่ดิวตี้ฟรีรอบใหม่และขยายพื้นที่เช่าเชิงพาณิชย์ให้มากขึ้น ระยะยาวหลังสุวรรณภูมิเฟส 2 แล้วเสร็จ คาดรายได้และกำไรจะเพิ่มได้อย่างมีนัยสำคัญ ความเสี่ยงเพิ่มทุนน้อยมากๆ เพราะมี OCF มากพอที่จะใช้ทยอยลงทุน แนะซื้อ ให้ TP 65 บาท
# MINT : ปี 61 เป็นช่วงเวลาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนและปรับปรุงกิจการโรงแรม Tivoli ในต่างประเทศ ธุรกิจอาหารทำกำไรได้ดีขึ้นหลังปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร ลดต้นทุน & เพิ่มประสิทธิภาพ เราเริ่มเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจตั้งแต่ 3Q60 แล้วและคาดกำไรปี 61 จะโตได้ 15% แนะนำซื้อ ให้ TP 50 บาท
กลยุทธ์ : ภาพเป็นลบเล็กๆ แนะซื้อค่าบวกของราคาหุ้น หรือ Follow buy เมื่อ SET ยืนเหนือ 1700 แนวต้านระยะสั้น 1720-1730 อ่อนตัวต่ำกว่า 1700 มีแนวรับ 1680-1670 หุ้นแนะนำรายสัปดาห์ (22-28 พ.ย.) คือ AOT, MINT สำหรับหุ้นปันผลเด่นเป็น DIF, KKP, SENA, TMT ส่วน Top Picks เดือนพ.ย. คือ AMATA, ERW, DIF, SPALI, TMB และ Dark Horse เป็น GOLD
หุ้นเทคนิคดีมีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ KTB, TCMC, ANAN, CBG, TNP, ROBINS, AMATA ส่วนหุ้นแนะนำไปแล้วและให้ถือต่อ เป็น PTTGC, NOK, ASAP, EPG, TTCL, SCP, UNIQ, COM7, MC, CK ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะขายทำกำไร ได้แก่ ESSO, TCJ, ERW, SCC, PYLON หุ้นที่หลุด List คือ CGD, TKN
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
+ สหรัฐ : ตัวเลขภาคที่อยู่อาศัยและภาคการผลิตหนุนเศรษฐกิจเดือนต.ค.
# ยอดขายบ้านมือสอง +2.0%MoM ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 5.48 ล้านยูนิต มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.7% หลังจากผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ และเออร์มาได้เบาบางลง
# ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกเผยดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ +0.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี จากระดับ +0.36 ในเดือนก.ย. โดยได้ปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการผลิต
• สหรัฐ : ตัวเลขเศรษฐกิจจับตาสัปดาห์นี้
# ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐที่จะรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายของเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน, รายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคผลิตและบริการเบื้องต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค. และดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย. จากเฟดดัลลัส
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนี DJIA ทำ New High รับความหวังแผนปฏิรูปภาษี,ผลประกอบการสดใส
# ทรัมป์ให้คำมั่นว่า เขาจะมอบการปรับลดภาษีครั้งใหญ่เป็นของขวัญสำหรับชาวอเมริกันในวันคริสต์มาสปีนี้ ด้านนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้แสดงความมั่นใจว่าร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันจะสามารถผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทขนาดใหญ่และกลุ่มเทคโนโลยี
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 23,590.83 จุด +160.50 จุด หรือ +0.69% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,862.48 จุด +71.76 จุด หรือ +1.06% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,599.03 จุด +16.89 จุด หรือ +0.65%
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาปรับขึ้นก่อนการประชุมโอเปก 30 พ.ย.นี้
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 56.83 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 35 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 62.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
# นักลงทุนเริ่มกลับเข้าซื้อเก็งกำไรก่อนที่การประชุมกลุ่มโอเปกจะมีขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียซึ่งคาดว่าจะมีการขยายเวลาลดการผลิตไปอีก 9 เดือนถึงสิ้นปี 61
+ ภาวะตลาดทองคำ : ค่าเงิน US$ อ่อนหนุนราคาทองบวก
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6.40 ดอลลาร์ หรือ 0.50% ปิดที่ระดับ 1,281.70 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
+ TMB : ลงทุนปรับโฉมสาขาเป็นดิจิตอล...คาด 2 ปีทำได้ครบ 430 แห่ง
# ธนาคาร TMB จะลงทุน 300 ล้านบาทเพื่อปรับสาขาให้เป็นรูปแบบดิจิตอลรายแรกของไทย ชูเทคโนโลยีจองคิวล่วงหน้าปรึกษาการลงทุนผ่าน VDO Call เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในโลกยุคดิจิตอล คาดว่าจะใช้เวลา 2 ปีที่จะปรับสาขาให้เป็นรูปแบบนี้ครบทั้ง 430 แห่ง
# ความเห็น DBSV : เป็นเรื่องดีที่ทาง TMB มีการขยับตัวในเรื่องนี้รวดเร็ว เพราะเราเชื่อว่าในระยะต่อๆ ไป รูปแบบความต้องการใช้บริการด้านการเงินจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก ลูกค้ามีความต้องการทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านโลกดิจิตอลมากขึ้นเป็นลำดับ และเมื่อมีจำนวนลูกค้ามาใช้บริการมากขึ้นๆ ก็จะทำให้ต้นทุนคงที่ต่อหน่วยของธนาคารลดลง หรือมี Economy of scale มากขึ้นนั่งเอง
เรามีมุมมองที่เป็นบวกกับ TMB ทั้งเรื่องการปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิตอลได้เร็ว และยังมี Catalyst จากการที่จับมือกับ FWD ในการขายผลิตภัณฑ์ประกัน ทำให้ธนาคารมีรายได้ประจำเข้ามาเพิ่มปีละ 1.3 พันล้านบาทต่อปี เป็นเวลา 15 ปี นับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป (คิดเป็น 10-15% ของกำไรสุทธิต่อปี) นอกจากนั้นยังจะได้ค่าคอมมิชชั่นและส่วนแบ่งกำไรจากการขายประกันนี้ด้วย ทาง DBSV ให้ TMB เป็นหนึ่งในหุ้น Top Pick ในปัจจุบัน แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 3.20 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO2684