- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 20 November 2017 19:18
- Hits: 5738
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
เลือกซื้อ/ถือเมื่อ SET เหนือ 1700
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : -
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET วันศุกร์ปิด +18.13 จุดที่ 1709.38 นำโดยหุ้นใหญ่ในกลุ่มหลัก ปัจจัยหนุน คือ Sentiment บวกจากตลาดหุ้นสหรัฐ โดยสภาผู้แทนราษฎรลงมติผ่านร่างกฎหมายปฎิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันแล้ว จากนี้จะเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาต่อไป นักลงทุนสถาบันในปท.ยังคงนำซื้อสุทธิ 1.2 พันลบ. ต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิเล็กน้อย 230 กว่าลบ. รายย่อยนำขายสุทธิ 1.5 พันลบ.
# สำหรับปัจจัย ต่างประเทศ – ตลาดรอดูผลโหวตร่างกฎหมายปฎิรูปภาษีของสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ หลังจากสภาผู้แทนฯมีมติเห็นชอบร่างกฎหมายฯนี้แล้ว ซึ่งคาดว่าจะโหวตหลังวันขอบคุณพระเจ้า 23 พ.ย.60 (ถ้าเลื่อนวันโหวตออกไปมาก จะเป็นสัญญาณว่ามีเสียงคัดค้านจำนวนมากทำให้ยากลำบากที่จะโหวตผ่าน) ส่วนการเริ่มลดภาษีฯถ้าร่างฯผ่านสภาคองเกรสแล้วคาดว่าจะเป็นปี 62 ด้านราคาน้ำมันดิบ มีปัจจัยหนุนจากความหวังว่ากลุ่มโอเปกจะขยายเวลาลดการผลิตจากสิ้น 1Q61 เป็นสิ้นปี 61 แต่ระยะสั้นมากอาจแกว่งหลังบวกขึ้นมามากซึ่งคาดว่าราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมีก็มีทิศทางเดียวกันกับราคาน้ำมัน (คือควรระวังราคาแกว่งในช่วงสั้น)
ส่วนในประเทศ – ติดตามรายงาน GDP 3Q60 ของไทยที่จะออกมาสัปดาห์นี้ ตลาดประเมินว่าจะ +4%YoY และทั้งปี 60 โตเกือบๆ 4% โดยงวด 3Q60 น่าจะมีอัตราเติบโต YoY สูงสุดในปีนี้ ปัจจัยหนุน คือ ภาคส่งออกและท่องเที่ยว สำหรับปี 61 ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลเร่งผลักดันเม็ดเงินกระจายสู่ระดับฐานรากให้มากขึ้น เร่งการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ และโครงการภาครัฐซึ่งรวม EEC ด้วย หนุนการส่งออก & ท่องเที่ยวให้ขยายตัวต่อ โดยมุ่งหวังให้ GDP ปี 61 จะโตได้ 3% ปลายๆ หรือ 4%..สำหรับหุ้นที่เราชอบในระยะสั้น กลุ่มส่งออกเป็น HANA (TP 55 บาท) กลุ่มท่องเที่ยวเป็น AOT (TP 65 บาท) กลุ่มก่อสร้างเป็น CK (TP 37 บาท) & STEC (TP 30 บาท)
กลยุทธ์ : ภาพเป็นบวก แนะซื้อค่าบวกของราคาหุ้น หรือ Follow buy เมื่อ SET ยืนเหนือ 1700 แนวต้านระยะสั้น 1715-1720, 1730 อ่อนตัวต่ำกว่า 1700 มีแนวรับ 1690, 1680-1670 หุ้นแนะนำรายสัปดาห์ (15-21 พ.ย.) คือ AMATA, RJH สำหรับหุ้นปันผลเด่นเป็น DIF, KKP,
SENA, TMT ส่วน Top Picks เดือนพ.ย. คือ AMATA, ERW, DIF, SPALI, TMB และ Dark Horse เป็น GOLD
หุ้นเทคนิคดีมีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ ASAP, ERW, HMPRO, AH, EPG, TTCL, CGD ส่วนหุ้นแนะนำไปแล้วและให้ถือต่อ เป็น PTTGC, TTW, NOK, SGP, ECL, SMPC, KKP, ESSO, TCJ ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะขายทำกำไร ได้แก่ TISCO, JMART, TCAP, SCN, M, TFG, TK, PLAT, HTC หุ้นที่หลุด List –ไม่มี-
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
+ สหรัฐ : การเริ่มก่อสร้างบ้านเดือนต.ค.ขยายตัวดีที่ +13.7%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้าน +13.7% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 1.29 ล้านยูนิต เนื่องจากการก่อสร้างบ้านฟื้นตัวจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากพายุเฮอร์ริเคน รวมทั้งมีแรงหนุนจากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และอัตราดอกเบี้ยการจำนองที่อยู่ในระดับต่ำ สำหรับยอดการอนุมัติสร้างอาคาร +5.9% สู่ระดับ 1.3 ล้านยูนิต
- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนีอ่อนลง...รอผลการโหวตร่างกฎหมายปฎิรูปภาษีจากวุฒิสมาชิก
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 23,358.24 จุด -100.12 จุด หรือ -0.43% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,578.85 จุด -6.79 จุด หรือ -0.26% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,782.79 จุด -10.50 จุด หรือ -0.15%
# นักลงทุนยังกังวลว่าร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรเต็มคณะไปแล้วเมื่อ 16 พ.ย.60 จะสามารถโหวตผ่านสมาชิกวุฒิสภาที่จะลงมติหลังจากช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าในวันที่ 23 พ.ย.นี้หรือไม่
# กระแสข่าวที่ว่า ทีมสอบสวนคดีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559 ของนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ ได้ขออำนาจศาลในการร้องขอเอกสารเพิ่มเติมจากทีมหาเสียงของปธน.ทรัมป์ ก็เป็นอีกปัจจัยนึงที่ส่งผลกระทบต่อตลาด แม้ก่อนหน้านี้ ทางการรัสเซียและปธน.ทรัมป์จะออกมาปฏิเสธข้อหาดังกล่าวแล้วก็ตาม
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาบวกกว่า 2%
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.41 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 56.55 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.36 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 62.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
# รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดิอาระเบีย เปิดเผยว่ากลุ่มโอเปกอาจขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมโอเปกวันที่ 30 พ.ย.นี้ ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
# เบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐว่ายังคงที่ระดับ 738 แท่นในสัปดาห์ก่อน
• ภาวะตลาดทองคำ : ราคาทรงตัว
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.04% ปิดที่ระดับ 1278.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นเด่น
• จับตา GDP ไตรมาส 3/60 ของไทย
# ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) มองว่าเศรษฐกิจปีนี้มีโอกาสขยายตัวได้ 3.8% ทั้งนี้แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังยืนยันว่าช่วงครึ่งหลังปี 60 จะเห็นเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้มากกว่า 4% โดยไตรมาส 3 จะเติบโตสูงสุดของปีนี้และดีกว่าไตรมาส 4/60 เล็กน้อย ซึ่งรวมแล้วทั้งปี 60 จะโตได้เกือบ ๆ 4%...ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากภาคการส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดี ภาคท่องเที่ยวเติบโตได้ต่อเนื่อง แม้ว่าจะเผชิญกับภาวะค่าเงินบาทที่แข็งค่าก็ตาม
+ WHAUP : กำไร 3Q60 และ 9M60 เพิ่มแข็งแกร่ง
# บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 3Q60 เท่ากับ 570 ล้านบาท เพิ่มก้าวกระโดดจาก 185 ล้านบาทใน 3Q59 (แต่ -12%QoQ) ส่วนงวด 9M60 มีกำไรสุทธิ 1.54 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 204%YoY เพราะส่วนแบ่งกำไรจาก GHECO-1 และส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า SPP เข้ามาเพิ่มขึ้น ส่วนกำไรที่ลดลง QoQ ในงวด 3Q60 เพราะปัจจัยฤดูกาล
# แนวโน้มยังไปได้ดี โดยจะมีกำไรจากธุรกิจสาธารณูปโภค และโซลาร์รูฟ (บนหลังคาโกดังสินค้าในเครือ กำลังการผลิตรวม 150-200 MW) รวมถึงโรงงานสำเร็จรูป เข้ามาช่วยหนุนในระยะกลาง-ยาว
# ในเชิงกลยุทธ์แนะนำซื้อ จากการเติบโตที่ก้าวกระโดดในปีนี้ และมีโอกาสที่จะขยายตัวต่อในระยะยาว หากให้ P/E เป้าหมาย 15 เท่า จะได้ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 8.70 บาท ซึ่งมี Upside จากราคาปิดวันศุกร์ (7.95 บาท) อยู่ 9%
# การวิเคราะห์ทางเทคนิค การเก็งกำไรตามรอบเน้นซื้อตามด้วยค่าบวก โดยมีแนวต้าน 8.1, 8.5 บาท ค่าลบดูไม่ค่อยดีอาจลงมาที่แนวรับ 7.50 หรือต่ำกว่า
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO2556